ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 653 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 2
ตอนที่ 653 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 2
“บอส! ม่อหลงทักทายและพูดว่า “ทุกคนมากันพร้อมแล้ว”
“น้องเขยฉันต้องขอโทษจริงๆพี่พ่อของฉันไม่สามารถออกมาต้อนรับคุณได้เพราะเขากำลังเตรียมต้อนรับหัวหน้าเขตของแก๊งฝูชิงคนอื่นๆอยู่ด้านใน..ฉันหวังว่าน้องเขยจะไม่ขุ่นเคือง” เซี่ยจือยี่พูด
นี่เป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้นเพราะเย่เชียนจะไม่เอาจริงเอาจังกับเรื่องแบบนี้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หืม..ไม่เป็นไรๆเพราะนี่คือการประชุมภายในของแก๊งฝูชิงและผมก็เป็นแค่แขกรับเชิญเท่านั้น..ว่าแต่การประชุมครั้งนี้ยิ่งใหญ่อลังการมากด้วยผู้คนจำนวนมากขนาดนี้พวกคุณไม่กลัวที่จะดึงดูดความสนใจของกรมตำรวจโตเกียวหรอครับ”
“จริงๆแล้วในทุกๆปีแก๊งฝูชิงจะมีการประชุมภายในสองครั้งต่อปี..แต่ครั้งนี้เราได้รับคำสั่งจากอาจารย์โย่วบอกว่านี่คือวาระพิเศษและเร่งด่วนเพราะงั้นพวกเราต้องระวังให้มาก..ด้วยเหตุนี้เราจึงจัดการประชุมภายในขึ้นมาอีกครั้ง” เซี่ยจือยี่พูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งจุดประสงค์ของเย่เชียนนั้นการสังเกตการณ์โย่วซวนไม่ใช่เพราะเขาต้องการช่วยแก๊งฝูชิง ดังนั้นเย่เชียนจึงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “คุณโย่วคิดถูกแล้วเพราะสถานการณ์ของประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ตึงเครียดมากและสมาคมมังกรดำก็คอยจับตาดูสิ่งต่างๆอยู่เพราะงั้นพวกเราควรจะระวังเอาไว้ดีกว่า”
“น้องเขย..ว่าแต่เรื่องการสืบหาตัวของสายลับเป็นยังไงบ้าง” เซี่ยจือยี่ถาม
“เมื่อคืนผมไปที่บ้านของหัวหน้าเขตจ้าวแต่เราก็พบว่าเขาถูกฆ่าตายไปแล้ว..หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าโย่วก็ตามมา..ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าโย่วยังบอกว่าหัวหน้าเขตจ้าวนั้นเป็นสายลับแฝงตัว..ผมคิดว่าหัวหน้าโย่วคงกังวลมากเขาจึงบอกให้พี่ใหญ่เซี่ยจัดการประชุมภายในของแก๊งฝูชิงขึ้นอีกครั้งและควรจะหารือกันเกี่ยวกับเรื่องสายลับแฝงตัว” เย่เชียนพูดเบาๆ
เซี่ยจือยี่ก็ขมวดคิ้วขและพูดว่า “เป็นไปไม่ได้เพราะหัวหน้าเขตจ้าวภักดีต่อแก๊งฝูชิงมาตั้งแต่แรกแล้วเขาจะเป็นสายลับได้ยังไง?..นอกจากนี้หัวหน้าเขตจ้าวก็เคยช่วยชีวิตฉันและพ่อของฉันเอาไว้ตั้งหลายครั้ง..เขาไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างแน่นอน!”
“ผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย..ผมคิดว่าพี่สะใภ้ควรจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือในที่ประชุมนะ..ถึงเวลานั้นผมก็น่าจะเข้าใจทุกอย่างได้” เย่เชียนยักไหล่เล็กน้อยแล้วพูด
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าหัวหน้าเขตจ้าวจะเป็นสายลับแฝงตัวเข้ามา..นอกจากนี้ถ้าเขาเป็นสายลับจริงๆทำไมเขาถึงถูกฆ่าล่ะ?..นี่คงเป็นเพราะสายลับตัวจริงพยายามปกปิดความจริงเพราะงั้นสายลับตัวจริงจึงสร้างฉากฆ่าหัวหน้าเขตจ้าวแล้วโยนความผิดให้เขา” เซี่ยจือยี่พูดอย่างหนักแน่น
“อาจเป็นเพราะพวกสมาคมมังกรดำกลัวว่าสายลับจะเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิดของพวกเขาดังนั้นเขาจึงฆ่าปิดปากหัวหน้าเขตจ้าวก็เป็นไปได้” หลินเฟิงพูด
เซี่ยจือยี่นั้นมีอคติต่อหลินเฟิงและตอนนี้เธอก็พบว่าหลินเฟิงนั้นโต้แย้งเธออย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยจือยี่ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “นี่คือแก๊งฝูชิงของเราไม่ใช่องค์กรของคุณและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็ไม่เชื่อว่าหัวหน้าเขตจ้าวจะเป็นสายลับหรอก”
หลินเฟิงก็ยิ้มอย่างขมขื่นและปิดปากของเขาไปทันทีเพราะคำพูดของเซี่ยจือยี่นั้นค่อนข้างหนักนหน่วงไปหน่อย ซึ่งถ้าเขาไม่มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับเซี่ยจือยี่ล่ะก็เรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลย อย่างไรก็ตามในใจของหลินเฟิงนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้เซี่ยจือยี่จริงๆดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแต่ปล่อยให้เธอระบายอารมณ์ออกมาบ้าง
เย่เชียนก็ไม่คิดว่าเซี่ยจือยี่จะคิดเช่นนี้เพราะความตั้งใจเดิมของเขาคือมาเพื่อดูการแสดงของโย่วซวน ดังนั้นถ้าหากเซี่ยจือยี่หุนหันพลันแล่นมากเกินไปทุกอย่างก็อาจจะพัง อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆมันก็ยังไม่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเซี่ยจือยี่รู้ว่าโย่วซวนเป็นสายลับล่ะก็คาดว่าผู้หญิงคนนี้คงจะรีบเข้าไปฆ่าโย่วซวนทันทีเลยก็เป็นได้
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่ม่อหลงแล้วขยิบตาให้เขาเพราะถ้ามีอะไรสามารถห้ามปรามเซี่ยจือยี่ได้ในตอนนี้เย่เชียนก็คาดว่าม่อหลงคงจะเป็นคนเดียวที่ทำได้เพราะเย่เชียนเชื่อว่าเซี่ยจือยี่จะต้องฟังในสิ่งที่ม่อหลงพูดอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นม่อหลงก็เข้าใจความหมายในดวงตาของเย่เชียนได้เขาจึงพยักหน้าตอบเล็กน้อยและควงแขนเซี่ยจือยี่เอาไว้แล้วพูดว่า “เอาล่ะคนที่อยู่ข้างในกำลังรอพวกเราอยู่..เราเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า”
ในเมื่อม่อหลงพูดออกมาเช่นนั้นเซี่ยจือยี่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำอะไรให้มันวุ่นวายอีกต่อไปแต่เธอก็ยังคงจ้องมองหลินเฟิงอย่างโกรธแค้นแล้วพูดกับเย่เชียนว่า “น้องเขยเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” ส่วนหลินเฟิงก็ขดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วเดินตามเย่เชียนเข้าไปข้างในสโมสร
ในครั้งนั้นที่หลินเฟิงเลือกที่จะจากไปนั้นมันก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้จริงๆและถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะไม่เต็มใจเลือกที่จะจากไปก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถอยู่กับเซี่ยจือยี่ได้อยู่ดีเพราะท้ายที่สุดแล้วก็มีเซี่ยตงไป่ขั้นกลางระหว่างพวกเขาอยู่ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วหลินเฟิงเองก็เป็นคนที่เลิกล้มความสัมพันธ์นั้นก่อน ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่เซี่ยจือยี่จะเกลียดชังและเคียดแค้นเขา ซึ่งสิ่งเดียวที่หลินเฟิงทำได้ก็คือเลือกที่จะปิดปากเงียบและปล่อยให้เซี่ยจือยี่ระบายความเกลียดชังที่เธอมีต่อเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เธอก็คลั่งไคล้ในความรักและไม่สามารถรู้สึกดีๆกับหลินเฟิงได้อีกต่อไปเพราะตอนนี้เธอมีม่อหลงแล้วและเธอก็มีความสุขอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นหลินเฟิงมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ความทรงจำเก่าๆของเธอผุดขึ้นมาและเป็นเรื่องปกติที่เธอจะไม่สบอารมณ์เช่นนี้
หลังจากเข้าสู่สโมสรแล้วผู้นำคนสำคัญของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงต่างก็มาถึงกันแล้ว ซึ่งตรงกลางห้องโถงมีโต๊ะเรียงยาวและแบ่งเก้าอีกเป็น 2 แถว ซึ่งเรียงตามลำดับอาวุโส ส่วนด้านหลังก็มีเก้าอี้ให้สำหรับลูกน้องคนสำคัญของผู้นำแต่ละคน
เมื่อเย่เชียนเดินเข้ามาที่นั่งแต่ละที่ก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้วและมีเพียงที่เดียวเท่านั้นที่ว่างเปล่า ซึ่งเย่เชียนก็มั่นใจว่าที่นั่นตรงนั้นเป็นของจ้าวไค่หัวหน้าเขตของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ซึ่งเมื่อเห็นเย่เชียนเย่เชียนเข้ามาเซี่ยตงไป่ก็รีบทักทายเย่เชียนจากนั้นก็โอบไหล่ของเย่เชียนแล้วพยักหน้าให้กับเย่เชียน
หัวหน้าเขตคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นเย่เชียนกับหลินเฟิง ส่วนม่อหลงกับคนอื่นๆนั้นพวกเขาก็เคยพบกันมาบ้างแล้วและรู้จักม่อหลงในฐานะคนรักของเซี่ยจือยี่แต่สำหรับเย่เชียนกับหลินเฟิงแล้วพวกเขาไม่รู้จักและไม่เคยพบมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการประชุมภายในของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของพวกเขาถึงได้เชิญบุคคลภายนอกมาเข้าร่วมด้วย
โย่วซวนก็สังเกตเห็นถึงความสงสัยของเหล่าผู้นำในห้องประชุมได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นเช่นนั้นโย่วซวนก็โน้มตัวไปข้างๆหูของเซี่ยตงไป่และกระซิบเบาๆสองสามประโยค ซึ่งเซี่ยตงไป่ก็พยักหน้าและมองหน้าโย่วซวนจากนั้นโย่วซวนก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “ทุกท่านฟังทางนี้..ทั้งสองคนนี้เป็นมิตรแท้ของแก๊งฝูชิงของเรา..คนนี้คือผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก..ราชาหมาป่าเย่เชียน!..ส่วนคนนี้คือผู้นำขององค์กรนักฆ่าเซเว่นคิลในตำนาน..หลินเฟิง!..พวกเขาถูกเชิญมาที่การประชุมครั้งนี้ตามคำเชิญของผู้นำเซี่ย..พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมการประชุมภายในของแก๊งฝูชิงของเราถึงได้เชิญบุคคลภายนอกมาเข้าร่วม..ถ้างั้นผมจะบอกพวกคุณเอาไว้เลยว่าพวกเขาไม่ใช่บุคคลภายนอกหรือใครอื่นเพราะพวกเขาคือเพื่อนสหายของแก๊งฝูชิงของเรา..นอกจากนี้ประเด็นที่จะหารือในการประชุมครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วยเพราะงั้นพวกเขาจึงถูกเชิญให้มาเข้าร่วมและนี่ก็เป็นความตั้งใจของผู้นำเซี่ยอีกด้วย..พวกคุณมีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?”
เมื่อโย่วซวนเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนและหลินเฟิงนั้นเหล่าผู้นำของแก๊งฝูชิงก็ตกตะลึงกันอย่างมาก ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในห้องประชุมแห่งนี้ที่ไม่รู้เกี่ยวกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและองค์กรเซเว่นคิล ซึ่งการที่องค์กรมหาอำนาจของโลกทั้งสองนี้มาเยือนที่ประเทศญี่ปุ่นและมาปรากฏตัวในการประชุมครั้งใหญ่ของแก๊งฝูชิงเช่นนี้มันจะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจได้อย่างไร ที่สำคัญกว่านั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงยังได้เป็นพันธมิตรกับทั้งสององค์กรซึ่งสิ่งนี้เกิดความคาดหมายของพวกเขาอย่างมากแต่พวกเขาก็มีความสุขและยินดีมากเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นโย่วซวนก็ได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องที่กล่าวถึงในการประชุมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับพวกเขา ดังนั้นมันก็ไม่แปลกอะไรที่พวกเขาจะเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้เพราะแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสามัคคีและความภักดีและเนื่องจากมันเป็นความตั้งใจของเซี่ยตงไป่เช่นนี้เหล่าผู้นำทั้งหมดจึงไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านใดๆ
หลังจากที่เหล่าผู้นำเขตในห้องประชุมได้ฟังเช่นนั้นแล้วก็ไม่มีใครคัดค้านใดๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นโย่วซวนก็พยักหน้าเบาๆและสั่งให้สมาชิกแก๊งที่คุมอยู่ทางเข้าประตูห้องประชุมว่า “ปิดประตูได้!”
“ครับหัวหน้า!” ประตูสโมสรก็ค่อยๆปิดลงและหน้าต่างก็ปิดลงทั้งหมดรวมไปถึงผ้าม่านก็ถูกปิดลงด้วย ซึ่งในตอนนี้ทั้งห้องประชุมก็ตกอยู่ในความมืดแต่ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีไฟทั้งหมดในห้องประชุมก็ถูกเปิดขึ้น
“คุณเย่..คุณหลิน..เชิญ!” เซี่ยตงไป่ทำท่าทางเชิญชวนและเชิญทั้งสองให้นั่งลง
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณครับ..ในวันนี้ผมมาในฐานะผู้ฟังเพราะงั้นพวกคุณสามารถเริ่มการประชุมได้เลย..ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผม”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง..คุณเป็นสหายของพวกเราและสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็เป็นการขอโทษพวกคุณ..เราควรให้คำอธิบายแก่คุณเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้” เซี่ยตงไป่พูดอย่างหนักแน่นเพราะเรื่องที่โย่วซวนพูดถึงท่าเรือเมื่อคืนนี้และมันก็เกี่ยวกับผู้คุมเขตจ้าวไค่อีกด้วย
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและไม่ได้โต้เถียงใดๆเพราะถ้าหากทำเช่นนั้นมันก็จะดูเหมือนว่าเขาไม่ไว้หน้าเซี่ยตงไป่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นโย่วซวนจึงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดที่นั่งสองที่นั่งข้างหน้าและหลังจากที่เซี่ยตงไปเชิญเย่เชียนกับหลินเฟิงให้นั่งลงแล้วเขาก็พยักหน้าให้กับเย่เชียนแล้วเดินไปที่เก้าอี้หัวมังกรของผู้นำ
เซี่ยตงไป่ก็เหลือบมองไปทางเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมแล้วนั่งลง ซึ่งอ่อร่าที่ดูกล้าหาญและยิ่งใหญ่รอบๆร่างกายของเขานั้นชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยและถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดีเท่าที่เขาเคยเป็นมาก่อนหน้านี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่เขายังคงเป็นผู้นำในฐานะหัวหน้าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงที่ไต่เต้ามาจากด้านล่างและขึ้นสู่ยอดแห่งความสำเร็จ ซึ่งความยิ่งใหญ่นั้นมันไม่ได้จางหายไปเลย
โย่วซวนก็ยืนอยู่ทางด้านขวามือของเซี่ยตงไป่ด้วยท่าทางที่เคารพแต่ไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตนสักเท่าไหร่ ส่วนเซี่ยจือยี่นั้นก็ยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือของเซี่ยตงไป่โดยเธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องประชุมทีละคน ซึ่งทั้งสองคนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นมือขวาและมือซ้ายของเซี่ยตงไป่ที่คอยจัดการเรื่องทั้งหมดทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่เลยก็ว่าได้
สำหรับม่อหลงแล้วเนื่องจากสถานะพิเศษของเขานั้นเซี่ยตงไป่จึงบอกให้เขาไปยืนข้างๆเซี่ยจือยี่เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งใดอื่นเพราะท้ายที่สุดม่อหลงก็เป็นสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและถึงแม้ว่าม่อหลงจะมีความสัมพันธ์ที่ยังไม่ชัดเจนกับลูกสาวของเขาก็ตามแต่เซี่ยตงไป่ก็ยังยืนกรานที่จะคิดเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นม่อหลงเองก็ไม่ได้คัดค้านใดๆดังนั้นทั้งหมดจึงเป็นเช่นนี้
.
.
.
.
.
.
.