ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 654 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 3
ตอนที่ 654 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 3
เพื่อไม่ให้โย่วซวนเกิดความสงสัยในตัวเขาแล้วเย่เชียนจึงต้องแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ปิดบังหรือแสดงความคิดเห็นอะไรใดๆ มากเกินไป ไม่เช่นนั้นมันไม่เพียงแค่จะทำให้โย่วซวนไหวตัวทันแต่ยังทำให้ผู้นำเขตจ้าวไค่แบกรับชื่อคนทรยศต่อไปอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าโย่วซวนจะโยนความผิดทั้งหมดไปที่จ้าวไค่และขจัดความคับข้องใจและความสงสัยของสมาชิกคนอื่นๆ ออกไปด้วยจากนั้นสิ่งต่างๆ จะยากลำบากอย่างมาก
ดังนั้นเย่เชียนจะต้องทำให้โย่วซวนติดกับดักห้าสำเร็จจากนั้นสิ่งต่างๆ ก็จะชัดเจนขึ้นและผู้นำเขตจ้าวไค่ก็จะได้รับความยุติธรรมลงหลุมฝังศพไปกับเขาด้วย
“เอาล่ะ..ทุกคนคงจะเคยได้ยินชื่อเสียงของทั้งสองแล้วเพราะงั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า..อย่างที่พูดเอาไว้ว่าจ้าวไค่น่ะเป็นสายลับที่แฝงตัวเข้ามาในแก๊งฝูชิงของเราและถูกส่งมาโดยสมาคมมังกรดำ” โย่วซวนพูดต่อ “ถ้าให้ผมพูดตรงๆ ก็คือตั้งแต่ที่แก๊งอินาดะกับแก๊งโยชิคาว่าโจมตีเรานั้นทุกๆ ครั้งมันก็มีข่าวรั่วไหลออกไปเสมอ..ผมไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดนี้จะเป็นฝีมือของจ้าวไค่”
โย่วซวนนั้นกล่าวหาจ้าวไค่อย่างโจ่งแจ้งโดยที่ไม่มีหลักฐานใดๆ เลยจนเย่เชียนอย่างลับๆ และหันหน้าไปมองหลินเฟิงซึ่งพบว่าหลินเฟิงเองก็กำลังครุ่นคิดอยู่เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงนั้นก็คิดเช่นเดียวกันกับเย่เชียน
“ไม่!..มันไม่น่าจะใช่แบบนั้น” เซี่ยจือยี่เอ่ยปากพูดออกมา “คำพูดของคุณเย่นั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรอว่าเมื่อเขาไปหาผู้นำเขตจ้าวเขาก็พบว่าคุณจ้าวนั้นถูกฆ่าโดยคนของสมาคมมังกรดำ..ซึ่งสิ่งนี้ก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าจ้าวไค่จะเป็นสายลับของสมาคมมังกรดำสักหน่อย..มันอาจจะเป็นไปได้ว่าคนที่เป็นสายลับนั้นต้องการสร้างฉากนองเลือดขึ้นมาแล้วโยนความผิดให้ผู้นำเขตจ้าวเพื่อที่จะปกปิดตัวตนของเขา..พวกเขาต้องการใช้ผู้นำเขตจ้าวเป็นแพะรับบาปอย่างเห็นได้ชัด!”
คำพูดของเซี่ยจือยี่นั้นตรงประเด็นและในคำพูดของโย่วซวนก็มีช่องโหว่อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าผู้นำเขตคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับมุมมองของเซี่ยจือยี่เพราะท้ายที่สุดแล้วในใจพวกเขาก็ยังไม่เต็มใจเชื่อว่าในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของพวกเขามีสายลับแฝงตัวอยู่และยังเป็นผู้นำเขตจ้าวไค่ที่จงรักภักดีอย่างมากอีกและที่สำคัญจ้าวไค่ก็ตายไปแล้วด้วยและคนตายก็ไม่สามารถพูดได้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเป็นทั้งพี่น้องและสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาและพวกเขาก็หลั่งน้ำตาเสียสละเลือดและเนื้อเพื่อแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงมาโดยตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดที่จะสงสัยพี่น้องที่ผ่านชีวิตและความตายมาด้วยกันเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เต็มใจยอมรับกับคำพูดของโย่วซวน
“ฉันไม่ได้โต้แย้งกับคำพูดของคุณหนูเซี่ยเลยเพราะตอนแรกฉันเองก็สงสัยว่ามีใครสักคนต้องการใส่ร้ายป้ายสีผู้นำเขตจ้าวเหมือนกันแต่จากการสอบสวนของฉันแล้วความจริงก็คือผู้นำเขตจ้าวนั้นเป็นสายลับจริงๆ” โย่วซวนพูด “คุณหนูเซี่ยก็รู้ดีไม่ใช่หรอว่ามีคนไม่ถึงสิบคนที่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่ท่าเรือและตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้ว..ถ้าคุณหนูเซี่ยไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาทีละคนได้เลย”
คำพูดของโย่วซวนนั้นราวกับผลักความรับผิดชอบไปทางเหล่าผู้นำเขตที่รู้เรื่องที่ท่าเรือ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจอย่างมาก ถ้าเจ้าพบสายลับจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากชี้ตัวสายลับผิดมันก็ยิ่งทำให้พี่น้องในแก๊งรู้สึกไม่ดีและผิดหวังอย่างมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยจือยี่จะหุนหันพลันแล่นไปหน่อยแต่เธอก็ไม่ได้โง่เธอเพียงถอนหายใจแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ผมได้ตรวจสอบสมาชิกทุกคนที่รู้เรื่องนี้แล้วแต่ก่อนอื่นผมหวังว่าทุกคนจะไม่ขุ่นเคืองเพราะทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อประโยชน์ของแก๊งฝูชิงของเรา” โย่วซวนพูด “จากการสืบสวนของผมนั้นไม่มีใครน่าสงสัยยกเว้นผู้คุมเขตจ้าวเพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้นัดพบกับสมาชิกของแก๊งยามากุจิและพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด..เพราะงั้นผมจึงคิดว่าจ้าวไค่เป็นสายลับที่แฝงตัวอยู่..แต่ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผมพวกคุณก็สามารถถามหัวหน้าเซี่ยได้และส่งคนไปสืบข้อมูลได้เลย..ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสิ่งต่างๆ ผิดพลาดไปโย่วซวนคนนี้ก็น้อมรับความผิดและการลงโทษตามกฎ!”
ถึงแม้ว่าเซี่ยจือยี่จะไม่เชื่อว่าจ้าวไค่เป็นสายลับก็ตามแต่เธอก็ไม่ได้สงสัยว่าโย่วซวนนั้นเป็นสายลับเช่นกันเพราะเธอเฝ้าดูการกระทำของโย่วซวนมาโดยตลอด ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวไค่ล่ะก็เกรงว่าแก๊งฝูชิงคงจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมือนกับที่เซี่ยจือยี่เชื่อมั่นว่าถ้าไม่ใช่เพราะโย่วซวนแล้วแก๊งฝูชิงก็คงจะไม่สามารถรับมือกับแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าได้อย่างแน่นอน
สำหรับเซี่ยตงไป่นั้นคนหนึ่งก็คือมือขวาของเขาซึ่งเป็นมือขวาที่น่าเชื่อถือและจงรักภักดีมากส่วนอีกคนหนึ่งคือลูกสาวแท้ๆ ของเขาเองซึ่งคอยช่วยเหลือสิ่งต่างๆ ของแก๊งมาโดยตลอดและสิ่งที่ยากที่สุดคือเซี่ยตงไป่นั้นไม่สามารถเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้และนี่เป็นสิ่งที่ลำบากใจที่สุดสำหรับการเป็นผู้นำนั่นเอง
หลังจากทำเสียงไอสองครั้งเซี่ยตงไป่ก็พูดว่า “อันที่จริงฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าแก๊งฝูชิงของเรามีสายลับและฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าจ้าวไค่จะเป็นสายลับ..เพราะเขาได้ช่วยชีวิตฉันกับลูกสาวของฉันเอาไว้..ฉันพูดได้เลยว่าถ้าหากไม่มีจ้าวไค่มันก็คงจะไม่มีฉันในทุกวันนี้..แต่ถึงยังไงมันก็มีกฎของแก๊งและแก๊งฝูชิงจะไม่ยอมให้มีคนทรยศโดยเด็ดขาด..เรื่องนี้หัวหน้าโย่วได้สอบสวนอย่างถี่ถ้วนแล้วและความจริงก็อยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้ว..เพราะงั้นถึงไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ!”
“พ่อคะ..การที่คุณจ้าวและแก๊งยามากุจิพบกันนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นสายลับสักหน่อย..นี่มันไม่เกินจริงไปหน่อยเหรอ?” เซี่ยจือยี่ยังคงยืนกรานเช่นเดิมเพราะเธอยังไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่าจ้าวไค่นั้นเป็นสายลับ
“จือยี่ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าแก๊งฝูชิงของเรามีกฎที่เข้มงวดเสมอ..หนึ่งคือสมาชิกในแก๊งทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับผู้ที่อยู่ในแก๊งอื่นๆ ..ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวไค่ที่อยู่ในฐานะผู้นำเขตกลับเพิกเฉยต่อกฎนี้ไป..อีกอย่างแก๊งฝูชิงของเรากับแก๊งยามากุจิก็เป็นศัตรูกันมาโดยตลอดแต่เขาก็ยังละเมิดกฎของแก๊งด้วยการไปพบกับคนของแก๊งยามากุจิอีก” เซี่ยตงไป่พูด “จือยี่..พ่อรู้ว่าลูกยังไม่เต็มใจที่จะเชื่อ..แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้วและเราก็ต้องเชื่อในหลักฐาน..แต่เนื่องจากผู้คุมเขตจ้าวตายไปแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้..เราได้แต่มองย้อนกลับไปที่การกระทำของจ้าวไค่ที่อุทิศตนให้กับแก๊งมาเสมอ..เราต้องจัดสรรเงินบางส่วนของแก๊งให้เขา..ฉันจำได้ว่าเขามีลูกชายอยู่คนหนึ่งใช่ไหมถ้างั้นเราต้องดูแลเขาให้ดีเพราะถึงยังไงผู้คุมเขตจ้าวก็เคยเป็นพี่น้องของพวกเราที่ร่วมต่อสู้ผ่านชีวิตและความตายกันมาเนิ่นนาน”
โย่วซวนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ถึงยังไงพวกเราทุกคนก็คือพี่น้อง..ผมจะจัดพิธีศพของผู้นำเขตจ้าวและภรรยาของเขาและพวกเขาก็จะถูกฝังอย่างสง่าผ่าเผย”
เซี่ยจือยี่ก็กำลังจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่างแต่ม่อหลงที่อยู่ข้างๆ คว้าแขนเธอเอาไว้อย่างลับๆ และกระซิบข้างๆ หูของเธอว่า “อย่าพูดไปเลย..ถ้าคุณยังทำแบบนี้ต่อไปพ่อของคุณก็ยิ่งลำบากใจมากขึ้นเท่านั้น”
เซี่ยจือยี่ก็ตกตะลึงเล็กน้อยและไม่สบอารมณ์อย่างมากแต่เธอก็เงียบไปโดยไม่พูดอะไรใดๆ เพราะไม่ว่าในกรณีใดเซี่ยตงไป่ก็เป็นพ่อของเธอและยังเป็นผู้นำและหัวหน้าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงอีกด้วย ดังนั้นมันคงไม่ดีถ้าหากเซี่ยจือยี่จะโต้เถียงพ่อของเธอต่อหน้าคนอื่นๆ
เมื่อเห็นสถานการณ์พัฒนาไปเช่นนี้เย่เชียนก็แอบยิ้มอย่างลับๆ เพราะปรากฏว่าโย่วซวนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ซึ่งถ้าหากโย่วซวนคนนี้เป็นคนที่ภักดีต่อแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงล่ะก็อนาคตของแก๊งคงจะรุ่งโรจน์อย่างมากแต่น่าเสียดายที่โย่วซวนคนนี้เป็นคนของสมาคมมังกรดำและเห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถนับเป็นเพื่อนหรือมิตรสหายได้เลยและเป็นได้เพียงแค่ศัตรูเท่านั้น
โย่วซวนได้ขจัดอันตรายของเขาไปอย่างชาญฉลาดและโยนตัวตนสายลับให้จ้าวไค่ได้สำเร็จ ซึ่งเย่เชียนที่เฝ้าดูการแสดงของโย่วซวนอย่างเงียบๆ และตรวจสอบปฏิกิริยาของผู้นำเขตคนอื่นๆ แล้วเห็นได้ชัดว่าตำแหน่งของโย่วซวนในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั้นสูงมากแต่ผู้นำเขตเหล่านั้นก็ยังคงดูสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะความสงสัยนั้นมันปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจนจนเย่เชียนคิดอย่างลับๆ ว่าโย่วซวนคนนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกบ้าง
“เหตุการณ์ของจ้าวไค่นั้นมีผลเสียต่อแก๊งของเรามากเพราะเรื่องนี้ไม่เพียงแค่จะทำลายมิตรภาพภายในของพวกเราเท่านั้นแต่ยังทำลายชื่อเสียงของแก๊งฝูชิงของเราด้วย” หลังจากหยุดไปชั่วขณะโย่วซวนก็พูดต่อ “อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็ได้เตือนพวกเราว่ามันมีสายลับอยู่ในแก๊งของเราที่สมาคมมังกรดำส่งมาแฝงตัวเอาไว้เป็นเวลานาน..นั่นเป็นเพราะแก๊งฝูชิงของเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้พัฒนาเร็วเกินไปจนทำให้คุณภาพของบุคลากรแย่ลงตามไปด้วยดังนั้นมันจึงมีโอกาสมากที่จะมีสายลับแฝงตัวเข้ามาอยู่ในองค์กร..นอกจากนี้หนึ่งปีที่ผ่านมาที่พวกเราถูกแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าโจมตีนั้นเราก็ไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะสายลับหรือเปล่าและยังมีสายอีกกี่คนพวกเราก็ไม่สามารถรู้ได้เลย”
“คุณโย่ว..คุณโย่วหมายความว่าในหมู่พวกเรายังมีสายลับอยู่อีกหรือ? ..คุณโย่วกำลังสงสัยว่าพวกเราเป็นสายอย่างงั้นหรอ?” ชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนหนึ่งขัดจังหวะโย่วซวน ซึ่งสีหน้าของเขาดูโกรธอย่างเห็นได้ชัด “คุณโย่วพวกเราทุกคนล้วนที่มีส่วนในการพัฒนาแก๊งฝูชิงมาโดยตลอดและตอนนี้คุณยังสงสัยในตัวของพวกเราอีก..คุณกล้าคิดได้ยังไงว่าพวกเราคือคนที่ทรยศแก๊งฝูชิง..มันเพราะอะไรกันมันมีเหตุผลอะไรที่เราต้องทรยศแก๊งฝูชิงด้วย..ทำไมเราต้องทำเรื่องไร้สาระแบบนั้น..ผมจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับผู้นำเขตจ้าวและผมก็จะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับข้อหาที่เขาได้รับว่าเป็นสายลับ!..แต่ในเมื่อคุณโย่วบอกว่าสอบสวนมาหมดแล้วผมก็ไม่มีอะไรจพูดถึงประเด็นนี้อีก..แต่คุณโย่วในตอนนี้คุณดูไร้เหตุผลอย่างมาก..คุณกลับสงสัยพวกเราที่เป็นผู้นำของแก๊งฝูชิงทั้งหมด..คุณคิดว่าแก๊งฝูชิงของเราเป็นสนามเด็กเล่นอย่างงั้นหรอ”
คำพูดของชายวัยกลางคนร่างอ้วนนั้นค่อนข้างรุนแรงและคำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธต่อโย่วซวนอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจโย่วซวนมานานแล้ว อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจเลยเพราะพวกเขานั้นเป็นสมาชิกรุ่นแรกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและเขาก็เขาร่วมแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบและตอนนี้มันก็ผ่านมา 50 ปีแล้วและในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานี้เขาได้มีส่วนช่วยเหลือแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงมามากมาย เพราะงั้นอย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ควรที่จะถูกสงสัยว่าไม่ภักดีต่อแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงไม่ใช่เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นโย่วซวนที่สามารถดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าแก๊งได้นั้นเขาก็ใช้ความพยายามไม่ถึงครึ่งของพวกเขา นอกจากนี้ในสมัยก่อนเขาก็เชื่ออย่างยิ่งว่าเซี่ยตงไป่นั้นสามารถนำความรุ่งโรจน์ได้ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเซี่ยตงไป่ก็สุขภาพไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนดังนั้นและสิ่งต่างๆ ส่วนใหญ่ในแก๊งก็ถูกส่งมอบให้กับโย่วซวนแต่ทว่าโย่วซวนนั้นไม่ค่อยจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาของแก๊งในปีที่ผ่านมาดังนั้นชายวัยกลางคนร่างอ้วนก็ทำเพียงแค่ลืมตาข้างเดียวและปิดตาข้างหนึ่ง แต่ทว่าตอนนี้โย่วซวนกลับฉวยโอกาสโจมตีโครงสร้างภายในอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าโย่วซวนนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก
.
.
.
.
.
.
.