ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 656 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 5
ตอนที่ 656 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 5
ชายร่างอ้วนนั้นไม่ได้สงสัยว่าโย่วซวนเป็นสายลับแต่เขาแค่ไม่ชอบการปฏิบัติหลายๆ อย่างของโย่วซวนก็แค่นั้นเพราะสมาชิกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงทุกคนนั้นพร้อมใจเสียสละเลือดและเนื้อเพื่อแก๊ง ดังนั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะดำเนินการตรวจสอบสมาชิกทั้งหมดอย่างเข้มงวดโดยพิจารณาจากข้อสงสัยและการคาดเดาได้อย่างไร?
ไม่ว่าจ้าวไค่จะเป็นสายลับสายลับหรือไม่ก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ไม่ควรที่จะเช่นนั้นอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นชายร่างอ้วนก็มีตำแหน่งที่สูงในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของแก๊งมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ตำแหน่งของเขาในแก๊งฝูชิงก็สง่าผ่าเผยอย่างไม่สั่นคลอนและผู้นำเขตคนอื่นๆ ต่างก็เคารพเขาเช่นกัน
คำพูดของชายร่างอ้วนนั้นมีน้ำหนักพอสมควรจนทำให้เหล่าผู้นำเขตต่างก็เริ่มพูดคุยกันทีละคน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นนักรบที่เสียสละเลือดเนื้อให้กับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงมานาน ออกจากตระกูลและแทบจะไม่มีใครที่ไม่มีบาดแผลจากกระสุนปืนและรอยถูกของมีคนฟันบนร่างกายเลย
ฉากดังกล่าวก็ทำให้เซี่ยจือยี่รู้สึกถึงความมั่นใจในระดับหนึ่งและทำให้เธอรู้สึกว่าสมาชิกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของเธอนั้นยังคงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่เพราะแต่ละคนต่างก็พูดถึงจ้าวไค่ในทางที่ดีกันทั้งนั้น
ตอนนี้โย่วซวนก็มีความคิดที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดผู้ที่คัดค้านเข ซึ่งโย่วซวนคาดการณ์ถึงสถานการณ์นี้มานานแล้วดังนั้น ใบหน้าของเขาจึงไม่มีความตื่นตระหนกและเขายังคงสงบเช่นเคยได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นโย่วซวนก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า “คุณซานผมไม่ได้ไร้สาระ…คุณลองนึกดูสิว่าการที่มีสายลับในแก๊งฝูชิงของเรานั้นมันเป็นสิ่งที่อันตรายแค่ไหน..ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าเมื่อสองปีที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น..ในตอนนั้นที่แก๊งฝูชิงของเราเริ่มโจมตีแก๊งยามากุจิจนได้รับชัยชนะแต่หลังจากนั้นไม่นานแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าก็ได้เข้ามาแทรกแซงและโจมตีแก๊งฝูชิงของเราพร้อมๆ กันจนพวกเราถอยห่างและเกือบจะเสียรากฐานของแก๊งฝูชิงที่มีประวัติศาสตร์มาหลายศตวรรษ..ซึ่งไม่ว่าเราจะรับมือยังไงแต่เราก็ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยเพราะงั้นผมจึงเชื่อว่ามันจะต้องมีสายลับอยู่ในแก๊งของเรา..ไม่งั้นแก๊งอินาดะกับแก๊งโยชิคาว่าคงไม่สามารถรู้การเคลื่อนไหวของแก๊งฝูชิงของเราได้หรอก..เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นรู้แผนการของเราอย่างชัดเจนและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว..เพราะงั้นคุณซานผมน่ะฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดแต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของแก๊งฝูชิงของเรา..ดังนั้นผมจึงต้องทำแบบนี้”
“เพื่ออนาคตอย่างงั้นเหรอ!” เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นจู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เปิดประตูและเดินเข้าไปโดยมีผ้าสีดำพันรอบแขนของชายหนุ่มและคิ้วของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธและความเศร้าพร้อมๆ กัน
“ขอโทษครับหัวหน้าเขายืนกรานที่จะเข้ามาให้ได้ผมหยุดเขาเอาไม่ได้” สมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเดินตามชายหนุ่มเข้ามาและพูดอย่างประหม่าเพราะอันที่จริงแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครบุกเข้ามาได้ด้วยการป้องกันของสมาชิกแก๊งมากมายที่เฝ้าอยู่ข้างนอก อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดก็เห็นอกเห็นใจชายหนุ่มคนนี้ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่ามันจำเป็นที่จะต้องให้ชายหนุ่มคนนี้เข้าไปดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้ชายหนุ่มเข้าไปในห้องประชุม
เดิมทีแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั้นไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในที่ประชุม ซึ่งตามกฎของแก๊งแล้วชายหนุ่มคนนี้จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก อย่างไรก็ตามเซี่ยตงไป่ก็ไม่ได้ตำหนิเขาเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันของเขา เมื่อเห็นเช่นนั้นเซี่ยตงไป่ก็โบกมือให้สมาชิกแก๊งถอยออกไปจากนั้นก็พูดว่า “อืม..จ้าวซิน..เข้ามาสิ”
จ้าวซินนั้นคือลูกชายของจ้าวไค่และเนื่องจากจ้าวไค่เสียชีวิตไปแล้วดังนั้นเก้าอี้ประจำตำแหน่งจึงว่างเปล่าและถึงแม้ว่าจ้าวซินจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ตามแต่เขาก็เป็นลูกชายของสมาชิกอาวุโส ซึ่งหลายๆ คนในห้องประชุมแห่งนี้ก็ถูกจ้าวไค่เลี้ยงดูและสอนสิ่งต่างๆ มามากมายและท้ายที่สุดแล้วจ้าวไค่ผู้นั้นก็มีส่วนในการสนับสนุนและพัฒนาแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงอย่างมาก ดังนั้นการที่เซี่ยตงไป่ทำเช่นนี้มันก็ไม่ได้ผิดกฎอะไร
อย่างไรก็ตามจ้าวซินก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งในที่นั่งของพ่อของเขา ซึ่งเขาก็รู้ดีดังนั้นเขาจึงได้ย้ายเก้าอี้นั่งที่ด้านหลัง “คุณจ้าว..ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งที่ของพ่อของคุณก็ตามแต่ถ้าคุณทำแบบนั้นโดยการย้ายเก้าอี้ไปนั่งที่ด้านหลังมันก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าพวกเราน่ะสิ..ยิ่งไปกว่านั้นคราวนี้คุณกลับเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตและแหกกฎของแก๊งฝูชิงต่อหน้าผู้นำทั้งหมด..แต่เนื่องจากเหตุการณ์พ่อของคุณพวกเราจะยกเว้นให้สักครั้ง “โย่วซวนพูด “พวกเราต่างก็เสียใจกับเรื่องพ่อคุณเช่นกันและถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนทรยศและแหกกฎของแก๊งก็ตามแต่ท้ายที่สุดเขาก็เคยเป็นผู้นำที่สง่าผ่าเผยของแก๊งเพราะงั้นเราจะไม่ปฏิบัติต่อคุณไม่ดีและคุณจะได้รับการดูแลโดยแก๊งฝูชิงไปตลอดชีวิตของคุณ..หากในอนาคตคุณมีปัญหาใดๆ คุณก็สามารถบอกพี่น้องทุกคนที่อยู่ในที่นี้ได้ทุกเมื่อ..ฉันเองก็เชื่อว่าพวกเขาจะยินดีช่วย”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ” จ้าวซินพูด “คราวนี้ผมไม่ได้มาเพื่อเรื่องเงินหรือเรื่องขอความช่วยเหลือใดๆ และผมก็ไม่ต้องการให้แก๊งฝูชิงมาดูแลผม..ทำไมกัน? ..พ่อของผมอุทิศทั้งชีวิตเพื่อทำประโยชน์อันมหาศาลให้กับแก๊ง..ครั้งหนึ่งเขาก็เคยช่วยชีวิตหัวหน้าแก๊งและลูกสาวเอาไว้แต่ทำไมเขากลับต้องเผชิญกับความตายแบบนี้..เขาไม่เคยร้องขออะไรจากแก๊งเลยเขาที่งภักดีและอุทิศชีวิตให้กับแก๊งมาตลอดโดยไม่เสียใจ..พอเขาตายแล้วพูดคุณจะพูดอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ..ผมคิดมานานแล้วแหละว่าท้ายที่สุดเขาต้องลงเอยแบบนี้..คุณตั้งข้อหาพ่อของผมว่าเป็นคนทรยศก่อนที่เขาจะตายเสียอีก..เพราะงั้นที่ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อจะมาทวงความยุติธรรมให้กับพ่อของผม!”
“จ้าวซิน..ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อของคุณจะเป็นสายลับ..เพราะเขาเคยช่วยชีวิตของฉันเอาไว้หากไม่มีพ่อของคุณก็คงจะไม่มีฉันในวันนี้หรอก” เซี่ยตงไป่พูดพูด “แต่ถึงยังไงคุณซวนก็ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วและความจริงก็คือพ่อของคุณเป็นสายลับแฝงตัวที่ถูกส่งมาโดยสมาคมมังกรดำ..แต่ทว่าเขาก็ตายไปแล้วฉันจึงไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีก..ยังไงซะพ่อของคุณก็ยังคงเป็นพี่น้องของแก๊งฝูชิงเสมอเพราะงั้นฉันจะจัดพิธีงานศพที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขา”
“ขอบคุณสำหรับความกรุณาครับและยกโทษให้ผมที่ผมไม่รู้กาลเทศะ..แต่ถ้าผมไม่ทวงความยุติธรรมให้พ่อและคืนความบริสุทธิ์ให้กับเขาล่ะก็ผมเชื่อว่าเขาคงจะตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน” จ้าวซินพูด “คุณลุงและคุณอาทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนและพี่น้องของพ่อแล้วคุณเชื่อหรอว่าพ่อของผมเป็นสายลับ? ..ผมคิดว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจดีและเชื่อว่าหลายสิ่งหลายอย่างมันก็ควรมองเห็นได้ชัดเจนจากที่ผ่านมาหลายปี..ในเมื่อคุณโย่วบอกว่าพ่อของผมเป็นสายลับเพราะงั้นคุณมีหลักฐานว่าพ่อของผมเป็นสายลับหรือเปล่า? ..ช่วยแสดงหลักฐานให้ผมดูหน่อยแล้วถ้าหากข้อเท็จจริงพิสูจน์ว่าพ่อของผมเป็นคนทรยศจริงๆ ล่ะก็ผมจ้าวซินคนนี้จะยอมตายเพื่อความจริงนั้นเอง”
เชื่อเลยว่าลูกๆ ทุกคนนั้นไม่มีใครอยากให้พ่อของตนเป็นคนทรยศเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวไค่ก็เกิดมาเพื่อจงรักภักดีต่อแก๊งฝูชิงอย่างมากและอุทิศชีวิตให้กับแก๊งมาโดยตลอดแต่สุดท้ายชีวิตของเขากลับจบลงแบบนี้ ดังนั้นจ้าวซินจะยอมรับได้อย่างไร? แต่ถ้าหากจ้าวไค่ตายอย่างสง่างามเพื่อแก๊งฝูชิงล่ะก็แน่นอนว่าจ้าวซินก็จะไม่พูดอะไรและยอมรับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเขาก็คาดหวังว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้จะต้องชดใช้คืนในไม่ช้าก็เร็ว อย่างไรก็ตามจ้าวซินก็ไม่เต็มใจที่จะให้พ่อของเขาตายไปพร้อมกับฐานะคนทรยศอย่างแน่นอน ซึ่งถึงแม้ว่าจ้าวซินจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็ตามแต่เขาก็ยังเข้าใจอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่พ่อของเขาทำมาโดยตลอด
คำพูดของจ้าวซินนั้นค่อนข้างรุนแรงจนทำให้เซี่ยตงไป่อึดอัดใจอย่างมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่จ้าวไค่ล่ะก็เซี่ยตงไป่คงจะไล่จ้าวซินออกไปนานแล้ว แต่ไม่ว่าจ้าวไค่จะเป็นสายลับหรือไม่นั้นถึงยังไงจ้าวไค่ก็ยังเคยช่วยชีวิตเซี่ยตงไป่เอาไว้ซึ่งมันเป็นบุญคุณที่มิอาจตอบแทนได้เลยเพราะถ้าไม่มีจ้าวไค่ในวนั้นก็คงจะไม่มีเซี่ยตงไป่ในวันนี้ ดังนั้นในแง่ของความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วเซี่ยตงไป่เองก็อยากจะให้ความยุติธรรมแก่จ้าวไค่เช่นกัน
“ผมเองก็ไม่เชื่อหรอกว่าคุณจ้าวจะเป็นสายลับ..เพราะงั้นในเมื่อเราถกเถียงกันมาถึงจุดนี้แล้วทุกคนก็ควรจะรู้ความจริงและอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจนสักที” ชายร่างอ้วนพูด “หัวหน้าโย่วยืนกรานมาโดยตลอดว่าคุณจ้าวนั้นเป็นสายลับ..ถ้างั้นก็ช่วยพิสูจน์ให้หน่อยว่าคุณจ้าวนั้นเป็นสายลับจริงๆ ..ถ้าคุณแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนล่ะก็พวกเราทุกคนก็ไม่มีอะไรโต้แย้งอีกต่อไป”
คำพูดของชายร่างอ้วนนั้นค่อนข้างหนักแน่นและทันทีที่เขาพูดออกมาเหล่าผู้นำในห้องประชุมต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย นอกจากนี้ด้วยคำพูดที่โย่วซวนพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ชัดเจนดังนั้นมันก็ถึงเวลาแล้วที่โย่วซวนจะต้องชี้แจงให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นโย่วซวนเองที่จะเป็นฝ่ายถูกสงสัยและถูกจับตามอง
“คุณซวน..เนื่องจากทุกคนต้องการแบบนั้นและจ้าวซินเองก็อยู่ที่นี่แล้วเพราะงั้นคุณก็อธิบายสิ่งต่างได้เลย..พวกเราทั้งหมดเป็นพี่น้องกันเพราะงั้นเราจะไม่ทำร้ายความรู้สึกของทุกคน” เซี่ยตงไป่พูด อันที่จริงในหัวใจของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกมดกัดกินหัวใจของเขาแต่เพราะเขาเชื่อในโย่วซวนดังนั้นเขาจึงไม่สงสัยในตัวของโย่วซวนเลย ดังนั้นหลังจากที่โย่วซวนพูดเช่นนี้เซี่ยตงไป่จึงไม่ได้พูดอะไรมาก อย่างไรก็ตามในตอนนี้เหล่าผู้นำต่างก็ต้องการรู้ความจริงอย่างมากและค่อนข้างกดดันไปกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างยิ่ง
เย่เชียนก็ที่เงียบอยู่ด้านข้างก็เห็นว่าสิ่งต่างๆ เริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ จนมุมปากของเขาฉีดยิ้มขึ้นเล็กน้อยและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น ส่วนหลินเฟิงก็เหลือบมองเย่เชียนและยิ้มแบบเดียวกัน
“อืม!” โย่วซวนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเขาก็หันไปมองหน้าทุกคนแล้วพูดว่า “ผมพูดไปแล้วว่าคุณเย่กับคุณหลินสามารถเป็นพยานให้ได้…”
“แต่อาจารย์คะ..สิ่งที่คุณเย่กับคุณหลินพูดออกมานั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าผู้นำเขตจ้าวจะเป็นสายลับหนิ” เซี่ยจือยี่พูด ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำบางคนต่างก็พยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเซี่ยจือยี่และบางคนก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ผมเองก็ได้วิเคราะห์จากเหตุการณ์นั้นแล้ว..ซึ่งมันอาจเป็นได้ว่าสายลับตัวจริงต้องการใช้ผู้นำเขตจ้าวเป็นแพะรับบาปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา..ว่าแต่หัวหน้าโย่วครับหลักฐานทั้งหมดมีแค่นี้เองหรอ?”
“คุณหนูเซี่ยโปรดฟังฉันให้จบก่อน” โยวซวนพูดขัดจังหวะว่า “คำพูดของคุณเย่สะท้อนให้เห็นถึงสองประเด็น..ซึ่งอย่างแรกก็คือผู้นำเขตจ้าวนั้นเป็นสายลับจริงๆ แต่สมาคมมังกรดำต้องการฆ่าปิดปากเขาเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลออกมา..อย่างที่สองคือผู้นำเขตจ้าวไม่ใช่สายลับแต่สายลับตัวจริงต้องการเบี่ยงเบนความสนใจและใส่ร้ายป้ายสีเขา..เพราะงั้นเราต้องพิจารณาในสองแง่มุมนี้ให้ดี”
เย่เชียนนั้นต้องยอมรับเลยว่าโย่วซวนเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงและมีสติปัญญาสูงอย่างมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะหมาป่าผีไป๋ฮวยบอกว่าโย่วซวนเป็นสายลับล่ะก็เย่เชียนคงจะอยู่อย่างตาบอดต่อไปเพราะทุกๆ ครั้งที่โย่วซวนอธิบายนั้นเขาจะใช้คำพูดของเย่เชียนและหลินเฟิงเป็นตัวชี้วัดและจุดประสงค์ของโย่วซวนก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำให้เซี่ยตงไป่ไม่สงสัยในคำพูดของเขา เพื่อให้เหล่าผู้นำมีความไว้วางใจในคำพูดของเขามากขึ้น อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้คิดที่จะยืนยันหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ แต่เย่เชียนยังคงยิ้มในฐานะผู้สังเกตการณ์ข้างสนามต่อไป
.
.
.
.
.
.
.