ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 660 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 9
ตอนที่ 660 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 9
จ้าวซินนั้นเป็นเด็กโง่เขลาที่ไม่เคยมีส่วนร่วมในการดำเนินงานของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเลยเพราะงั้นเขาจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ที่ไหน การวางอุบายและการนองเลือดบนท้องถนนไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าใจได้เลย อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพื่อพ่อของเขาล่ะก็จ้าวซินคงจะไม่มาที่นี่ในวันนี้เพราะมันยากมากที่จะตัดสินใจเดินเข้ามายังที่แห่งนี้ได้
ไม่ว่าในกรณีใดเซี่ยตงไป่ก็เป็นหัวหน้าแก๊งและเป็นผู้นำสูงสุดของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาของแก๊งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่เมื่อจ้าวซินพูดเช่นนั้นออกมาแน่นอนว่าเซี่ยตงไป่ก็ย่อมโกรธอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นปัญหาทางอ้อมเช่นกันและนั่นคือเซี่ยตงไป่นั้นเชื่อใจโย่วซวนมากเกินไปและลำเอียงมากเกินไปด้วยเพราะถึงแม้ว่าคำพูดของจ้าวซินจะค่อนข้างรุนแรงแต่คำพูดนั้นๆก็สามารถชี้ให้เห็นจุดอ่อนและข้อผิดพลาดของโย่วซวนได้อย่างดี ดังนั้นในขณะที่เซี่ยตงไป่ยังคงสนับสนุนโย่วซวนในทางอ้อมอยู่มันก็ทำให้เหล่าผู้นำคนอื่นๆรู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะทุกๆสิ่งที่โย่วซวนได้ทำมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาล้วนอยู่ในสายตาของเหล่าผู้นำที่อยู่ที่นี่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีโย่วซวนก็คงจะไม่มีแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงในวันนี้
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเซี่ยตงไป่แล้วเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เย่เชียนนั้นไม่รู้ว่าโย่วซวนทำอะไรให้กับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงบ้างแต่ถ้าหากเป็นเย่เชียนล่ะก็เขาจะไม่มีวันเลือกที่จะไว้วางใจมือขวาที่ภักดีและปล่อยให้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนที่เซี่ยตงไป่เลือกอย่างแน่นอน ความไว้วางใจเป็นสิ่งหนึ่งและไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถปล่อยให้คนอื่นมาหลอกคุณได้และไม่ได้หมายความว่าคุณจะมอบสิทธิ์และทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคนอื่นโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเหมือนกับเซี่ยตงไป่ที่มอบให้แกโย่วซวนเป็นแน่ ซึ่งเย่เชียนที่ไว้ใจพี่น้องเขี้ยวหมาป่าและแม้แต่หมาป่าผีไป๋ฮวยเองซึ่งถือว่าพวกเขาเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานแต่เย่เชียนจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาแย่งชิงสิทธิ์ของเขาและจะไม่โปรดปรานใครคนใดคนหนึ่งมากเกินไปและนี่เป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้นำ หากน้ำในแก้วไม่สมดุลมันก็ย่อมนำไปสู่ความคับข้องใจของเหล่าพี่น้องคนอื่นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่เอื้ออำนวยต่อองค์กรอย่างยิ่ง
ในเมื่อเซี่ยงตงไป่ได้พูดอย่างชัดเจนแล้วจ้าวซินก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ต่อและเซี่ยตงไป่ก็ไม่ต้องการให้เด็กคนนี้เข้ามาพัวพันกับเรื่องที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นเขากลัวว่าจ้าวซินจะพูดอะไรที่ไม่เข้าหูจนเขาพลั้งมือฆ่าจ้าวซินไปและถ้าหากเซี่ยตงไปฆ่าจ้าวซินล่ะก็มันคงยากสำหรับเขาที่จะไปเผชิญหน้ากับจ้าวไค่ที่ตายไปแล้วและจะทำให้เหล่าผู้นำต่างก็คิดว่าตนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของโย่วซวนที่กำลังตบตาพวกเขาอยู่นั่นเอง
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจ้าวซินจะไม่มีจิตสำนึกดังกล่าวเพราะหลังจากมึนงงเล็กน้อยเขาก็เปิดปากพูดว่า “ขอบคุณครับ..แต่ถึงยังไงพ่อของผมก็เป็นสมาชิกของแก๊งฝูชิงและถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งฝูชิงด้วยก็ตามแต่ผมก็ไม่ต้องการให้พ่อของผมที่เหนื่อยมาตลอดชีวิตต้องเป็นภาระของแก๊งฝูชิงอีก..ผมหวังว่าลุงเซี่ยจะเข้าใจ”
“หลานจ้าว..ฉันรู้ว่าเอ็งกำลังเกรงใจแก๊งฝูชิงแต่นี่เป็นเรื่องภายในของแก๊งเพราะงั้นมันไม่เหมาะสมนักที่เอ็งจะเข้ามายุ่งเกี่ยวในฐานะคนนอก..เอ็งควรกลับไปได้แล้ว” ซานเย่พูดโดยเตือนสติจ้าวซินเพราะเด็กคนนี้มองไม่เห็นสถานการณ์ในปัจจุบันเอาเสียเลย
โย่วซวนนั้นมองเห็นฉากดังกล่าวโดยธรรมชาติและคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าโย่วซวนนั้นคาดหวังถึงสถานการณ์ที่จ้าวซินสร้างปัญหาให้กับเซี่ยตงไป่จนเซี่ยตงไป่ลงโทษจ้าวซินแต่ทว่าซานเย่กลับเข้ามาช่วยเหลือเจ้าซินและปกป้องเขา ซึ่งโย่วซวนนั้นรู้ดีว่าซานเย่ต้องการทำให้ตัวเองอับอายและต้องการใช้โอกาสที่จะกำจัดตนนั่นเอง ‘ไม่น่าแปลกใจที่ตอนแรกแกไม่ได้พูดอะไรสักคำ..ปรากฏว่าแกรอให้เด็กคนนี้ปรากฏตัวออกมานี่เอง..แกช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ..ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินแกต่ำไปหน่อยนะซานเย่’ โย่วซวนคิดอย่างลับๆ
โย่ซวนนั้นรู้ดีว่าถ้าเขาต้องการควบคุมแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงอย่างแท้จริงเขาก็ต้องกำจัดบุคคลระดับอาวุโสอย่างซานเย่ก่อน อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเขาประเมินจิ้งจอกเฒ่าคนนี้ต่ำไปและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าซานเย่จะเล่นกลอุบายนี้กับตัวเอง ซึ่งลองนึกภาพว่าสมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงข้างนอกที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาจนพูดได้ว่าแม้แต่แมลงวันก็ยังไม่สามารถบินเข้ามาได้ ดังนั้นชายชุดดำที่ฆ่าหยานคุนจะเข้ามาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับหนีออกไปได้อย่างชาญฉลาดหลังจากฆ่าคนได้อย่างไร? เดิมทีโย่วซวนไม่สามารถเข้าใจปัญหานี้ได้แต่ตอนนี้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วโย่วซวนจึงคิดว่าบุคคลนั้นน่าจะถูกซานเย่คนนี้พาเข้ามาใช่หรือไม่?
ซานเย่ผู้น่าสงสารที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแต่กลับถูกโย่วซวนสงสัยว่าเขาคือคนที่หาช่องทางการหลบหนีให้กับบุคคลปริศนาอย่างหมาป่าผีไป๋ฮวย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่โย่วซวนจะคิดแบบนี้เพราะถ้าหากเป็นซานเย่เองเขาก็จะคิดแบบเดียวกันกับโย่วซวนอย่างแน่นอนเพราะท้ายที่สุดแล้วความสามารถของซานเย่นั้นก็ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นเขาจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างไร
คำพูดของซานเย่นั้นถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าเขากำลังกล่าวโทษจ้าวซินแต่ใครๆก็สามารถบอกได้ว่าซานเย่นั้นกำลังช่วยจ้าวซินอยู่ ส่วนเซี่ยตงไป่เองก็ไม่ใช่คนโง่และเขาก็สามารถรู้ได้โดยธรรมชาติแต่ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่ค่อยพอใจนักแต่เขาก็ผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อยและพูดอย่างหมดความอดทนว่า “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถอะ” ไม่ว่าจะสถานการณ์จะเป็นเช่นไรถึงยังไงซานเย่ก็เป็นสมาชิกอาวุโสของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเช่นกัน ดังนั้นผู้อาวุโสในแก๊งย่อมมีน้ำหนักมากในการแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ ซึ่งแม้แต่เซี่ยตงไป่ในฐานะหัวหน้าแก๊งก็ยังไม่กล้าที่จะโต้แย้งเขาง่ายๆเลย ดังนั้นเซี่ยตงไป่จึงต้องอดทนและรอฟังสิ่งต่างๆอย่างใจเย็นเสียก่อน
“อันที่จริงก่อนที่พ่อของผมจะเสียชีวิตเขาก็มักจะสืบข่าวและสังเกตการณ์สิ่งต่างๆของแก๊งยามากุจิอย่างลับๆอยู่เสมอ..เป็นเพราะเหตุนี้เองแก๊งยามากุจิจึงมาเจรจากับพ่อของผมและจุดประสงค์ก็คือการทำให้พ่อของผมยอมจำนน” จ้าวซินพูด “หลังจากมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ท่าเรือในคืนนั้นพ่อของผมก็เหมือนจะตระหนักได้ถึงอันตรายของตัวเองดังนั้นเขาจึงให้ข้อมูลจากการสืบค้นของเขาให้กับผมซึ่งในนั้นมันมีบันทึกที่ละเอียดมากและมีหลักฐานครบถ้วน..แต่เดิมทีพ่อตั้งใจจะส่งมอบให้กับลุงเซี่ยในฐานะหัวหน้าแก๊งโดยเร็วที่สุดแต่ทว่าเรื่องต่างๆมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป”
เย่เชียนนั้นก็ถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่จ้าวซินพูดเพราะสิ่งที่จ้าวซินพูดนั้นก็มีเหตุผล ซึ่งเขาไม่จำเป็นที่จะต้องโกหกใดๆเว้นแต่เขาจะต้องการที่จะตายอย่างโง่เขลา ดังนั้นเย่เชียนจึงคิดว่าจ้าวซินนั้นมีหลักฐานจริงหรือไม่? ตามสถานการณ์ดังกล่าวเย่เชียนก็คาดเดาเอาว่าจ้าวซินนั้นเป็นหนึ่งในแผนการของซานเย่และเป้าหมายของเขาก็คือการที่ซานเย่ต้องการจัดการกับโย่วซวนเพราะความสงสัยที่มีมาเนิ่นนาน ดังนั้นสิ่งต่างๆเริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆและปากของเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มออกและมองดูสิ่งต่างๆดำเนินต่อไปอย่างอดทนเพื่อดูว่าโย่วซวนจะแสดงละครแบบไหนออกมาอีก
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโย้วซวนก็ถึงกับผงะและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะหลายปีที่ผ่านมาเขาได้รวบรวมสมาชิกจำนวนมากที่เข้ามาแฝงตัวในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเพื่อใช้โอกาสในวันนี้เพื่อกวาดล้างกองกำลังทั้งหมดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเขา แต่ทว่าซานเย่ผู้นี้กลับรู้ทันเสียก่อนซานเย่ในสายตาของโย่วซวนนั้นเขาช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์จริงๆเพราะปรากฏว่าซานเย่ใช้จ้าวซินเพื่อเป็นเหยื่อล่อ สิ่งนี้โย่วซวนก็คิดอย่างลับๆ
ในมุมมองของโย่วซวนนั้นถึงแม้ว่าซานเย่จะมีน้ำหนักมากและมีความหนักแน่นในคำพูดของเขาก็ตามแต่มันก็ไม่เหมาะสมหนักที่คนนอกอย่างจ้าวซินจะพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ประการแรกหากสิ่งต่างๆที่จ้าวซินพูดออกมาทำให้โย่วซวนต้องเดือดร้อนถึงยังไงมันก็ออกมาจากปากคนนอกอยู่ดีและถ้าหากสิ่งต่างๆเลวร้ายถึงยังไงโย่วซวนก็สามารถรอดพ้นจากเรื่องนี้ได้เช่นกัน ซึ่งนี่คือความเห็นของโย่วซวนที่มีต่อแผนการของซานเย่
โย่วซวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและระงับความตึงเครียดในใจและสูดลมหายใจเข้าลุกๆแล้วพูดว่า “จ้าวซิน..คุณต้องเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังพูดด้วย..คุณควรเข้าใจว่าคุณไม่ใช่สมาชิกของแก๊งฝูชิงเพราะงั้นถ้าคุณใส่ร้ายป้ายสีหรือหมิ่นประมาทใครที่นี่และไม่สามารถแสดงหลักฐานใดๆได้ล่ะก็คุณน่าจะรู้ผลที่ตามมาใช่ไหม?”
“ใช่!..หลานจ้าวเอ็งต้องคิดให้รอบคอบ” ซานเย่พูด “ถ้าเอ็งถอนคำพูดในตอนนี้พวกเราจะคิดเสียว่าเอ็งไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย..แต่ถ้าหากเอ็งยังคงยืนกรานแบบเดิมแล้วเอ็งแสดงหลักฐานที่ชี้ชัดไม่ได้ก็อย่ามาโทษพวกเราที่ไม่ไว้หน้าพ่อของเอ็งก็แล้วกัน”
ความคาดหวังก่อนหน้านี้ของโย่วซวนนั้นเขาหวังว่าจ้าวซินจะหยุดสิ่งที่กำลังจะทำแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเจ้าซินจะไม่คิดเช่นนั้นและในมุมมองของโย่วซวนสิ่งนี้ทำให้เขากังวลอย่างมากเพราะดูเหมือนว่าทุกคนกำลังอยากให้จ้าวซินพูดสิ่งต่างๆออกมาต่อหน้าเหล่าผู้นำทั้งหมด
“ขอบคุณมากครับลุงซาน” จ้าวซินพูด “แต่สิ่งที่ผมต้องการจะพูดต่อไปนี้ผมมั่นใจเลยว่ามันสามารถยืนยันสิ่งต่างๆได้” หลังจากหยุดไปชั่วขณะจ้าวซินก็เหลือบมองไปที่โย่วซวนแล้วพูดว่า “คุณโย่วไม่ต้องห่วงผมไม่เหมือนคุณหรอกเพราะผมมีหลักฐานจริงๆ”
หลังจากที่จ้าวซินพูดจบจ้าวซินก็หยิบเอกสารกองหนึ่งออกมาจากเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “สิ่งนี้คือบันทึกและข้อมูลตัวตนของสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งฝูชิง..ซึ่งมีทั้งสิ่งที่พวกเขาทำและเวลารวมไปถึงสถานที่..ทั้งหมดนี้มีหลักฐานที่ชี้ชัดอย่างครบถ้วน..หากพวกคุณไม่เชื่อก็ลองดูด้วยตัวเองกันเลย”
“ตรวจสอบมันเดี๋ยวนี้!” เซี่ยตงไป่พูดอย่างจริงจังจากนั้นสมาชิกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็เดินไปหยิบกองเอกสารจากมือของจ้าวซินแล้วนำไปให่เซี่ยตงไป่ ซึ่งเมื่อมองดูมันแล้วเซี่ยตงไป่ก็ขมวดคิ้วและมีใบหน้าที่มืดมนและน่ากลัวเพราะบันทึกข้างต้นมีรายละเอียดที่เยอะและชัดเจนมากทั้งเวลาและสถานที่และแม้แต่สิ่งที่พวกเขากำลังจะทำก็ถูกบันทึกเอาไว้ในรายละเอียดด้วย
เมื่อเห็นการแสดงออกและปฏิกิริยาของเซี่ยตงไป่แล้วเย่เชียนก็ตกตะลึงและเขาก็คาดเดาว่าข้อมูลที่จ้าวซินให้มานั้นไม่ใช่ของปลอม เป็นเพียงแค่ว่าเย่เชียนนั้นไม่เชื่อว่าจ้าวซินจะมีความสามารถในการหาข่าวเหล่านี้หรือแม้กระทั่งความกล้าที่จะเปิดเผยสิ่งต่างๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็มองไปที่หลินเฟิงและเบะปากเล็กน้อยเพราะเย่เชียนกลัวว่าในบันทึกเหล่านั้นจะมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าโย่วซวนเป็นสายลับ ซึ่งถ้าหากตัวตนของโย่วซวนถูกเปิดเผยมันก็จะทำให้แผนการของเย่เชียนทั้งหมดพังทลายไม่ใช่หรอ? เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงก็คิดเช่นเดียวกันกับเย่เชียนเช่นกันแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นเขาจึงรอดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างใจจดใจจ่อ
ใบหน้าของเซี่ยตงไป่ก็มืดมนราวกับเมฆฝนและมันดูน่ากลัวมาก ซึ่งหลังจากอ่านรายละเอียดสั้นๆเขาก็ส่งข้อมูลในมือไปยังโย่วซวนแล้วพูดว่า “ลองดูด้วยตัวเองสิคุณซวน!” เสียงนั้นจริงจังมากและดูเหมือนจะไม่พอใจโย่วซวนอย่างมาก
โย่วซวนก็รู้สึกประหม่าและกระวนกระวายอย่างมากจนเริ่มมีเหงื่อออกเต็มหน้าผากของเขาและหัวใจของเขาก็เต้นเร็วอย่างมาก
.
.
.
.
.
.
.