ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 662 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 11
ตอนที่ 662 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 11
การเปลี่ยนแปลงและการดำเนินเรื่องนี้ค่อนข้างเกินความคาดหมายของเย่เชียนอย่างมากเพราะมันพลิกผันแทบจะทุกอย่างซึ่งในตอนแรกโย่วซวนได้เปรียบอย่างต่อเนื่องแต่ทว่าการปรากฏตัวของจ้าวซินกลับทำให้สถานการณ์พลิกกลับอย่างสิ้นเชิงและต่อมาโย่วซวนก็ถูกบังคับให้ถอยทีละก้าวโดยจ้าวซินและเปลี่ยนจากการโจมตีเป็นการป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ ในตอนนี้เนื่องจากการหุนหันพลันแล่นของจ้าวซินจึงทำให้โย่วซวนกลับมาได้เปรียบอีกครั้งและถึงแม้ว่าโย่วซวนจะไม่สามารถช่วยชีวิตเหล่าสายลับคนอื่นๆได้อีกต่อไปก็ตามแต่เขาก็สามารถรักษาตำแหน่งของเขาเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่เย่เชียนชอบรับชมเพราะท้ายที่สุดจุดประสงค์ของเย่เชียนในการมาประชุมในวันนี้คือการดูว่าโย่วซวนจะแสดงละครอย่างไรแต่เขาไม่ได้ต้องการทำให้โย่วซวนจนตรอกในตอนนี้ไม่เช่นนั้นโย่วซวนจะไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งและแผนการในการทำลายสมาคมมังกรดำของเย่เชียนก็จะพังทลายลง ซึ่งการแสดงในวันนี้ของโย่วซวนนั้นทำให้เย่เชียนมีความสุขมากที่ได้ชม ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ได้เห็นแล้วว่าภายในองค์กรของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั้นไม่มั่นคงเลยแม้แต่น้อยและเมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็เป็นได้แค่องค์กรเล็กๆเท่านั้น
ถึงแม้ว่าคำพูดของโย่วซวนจะดูรุนแรงเกินไปแต่ถึงยังไงจ้าวซินก็ไม่ใช่สมาชิกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ดังนั้นการปล่อยให้เขามาที่การประชุมและให้เขาพูดสิ่งต่างๆมากถึงขนาดนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะไว้หน้าของจ้าวไค่พ่อของเขา แต่แล้วจ้าวซินยังคงจับผิดโย่วซวนอย่างไม่ลดละและพยายามตีกรอบและใส่ร้ายเขา ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่โย่วซวนจะพูดอย่างนั้น
การกระทำทั้งหมดของจ้าวซินนั้นเหมือนกับเขาได้รับคำสั่งและคำแนะนำจากซานเย่จริงๆอย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ซานเย่ก็รู้แล้วว่าเขาไม่มีทางที่จะเอาชนะโย่วซวนได้ในวันนี้อย่างแน่นอน ในกรณีนี้ซานเย่จึงรู้สึกว่าเขาควรช่วยชีวิตของจ้าวซินก่อนจากนั้นจึงค่อยมองหาโอกาสอีกครั้งในอนาคตและคิดหาวิธีอื่นที่จะกำจัดโย่วซวนที่เป็นภัยของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของเขา
“หลานจ้าว..เอ็งได้ยินสิ่งที่หัวหน้าเซี่ยพูดแล้วใช่ไหม..เอ็งจงใจใส่ร้ายคุณโย่วหรือเปล่า?..ถ้าเป็นแบบนั้นเอ็งก็ควรยอมรับอย่างกล้าหาญเพราะเขาน่ะมีส่วนสนับสนุนและพัฒนาอย่างมากต่อแก๊งฝูชิง..ฉันคิดว่าเอ็งคงรู้อะไรน้อยเกินไปเกี่ยวกับแก๊งฝูชิงของเรา” หลังจากหยุดไปชั่วขณะซานเย่ก็พูดต่อและคำพูดเต็มไปด้วยคำบอกใบ้อย่างชัดเจนแต่จ้าวซินก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
“เรื่องนี้เกี่ยวกับความภักดีและความซื่อสัตย์ของคุณซวนเอง..ถ้างั้นคุณตัดสินใจเองก็แล้วกัน” เซี่ยตงไป่พูด “คุณซวน..คุณจะเอายังไง”
“ในเมื่อคุณซานพูดแบบนั้นผมก็ต้องยอมรับตามนั้น..แต่ผมไม่ได้ต้องการให้จ้าวซินรับผิดชอบผมแค่ต้องการให้เขาให้ความยุติธรรมกับผม..ถ้าเขาต้องการใส่ร้ายผมล่ะก็เขาต้องมีหลักฐานเสียก่อน” โย่วซวนพูด ซึ่งนี่ไม่ใช่ความชอบธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโย่วซวนแต่เป็นเพียงความเสแสร้งเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จ้าวซินตัวเล็กๆไม่สามารถรับมือได้เลยและสิ่งสำคัญคือเขาต้องมองข้ามเรื่องนี้ไปให้ได้โดยเร็วที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากจ้าวซินถูกฆ่าในตอนนี้โย่วซวนจะค้นพบผู้บงการเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร? ดังนั้นโย่วซวนจึงเลือกที่จะทำเช่นนี้โดยไว้ชีวิตจ้าวซินเอาไว้ชั่วคราวก่อนและหลังจากที่รู้ตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของจ้าวซินแล้วล่ะก็มันก็ไม่สายที่จะกำจัดจ้าวซินที่เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง
“คุณโย่วพูดออกมาแล้วเพราะงั้นจ้าวซินยอมรับมาตรงนี้เลยว่าเอ็งจงใจใส่ร้ายเขาหรือเปล่า?..นี่เป็นโอกาสสุดท้ายไม่เช่นนั้นถ้าหากพวกเราพบว่าสิ่งที่เอ็งพูดออกมามันเป็นความเท็จล่ะก็อย่ามาโทษเรา..เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะไม่ไว้หน้าพ่อของเอ็งอีกต่อไป..และจะลงโทษเอ็งตามกฎของแก๊ง” ซานเย่พูดและมองจ้าวซินอย่างมีนัยยะสำคัญเพื่อบอกใบ้ในเวลาเดียวกัน
จ้าวซินก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแต่เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างลับๆโดยรู้ว่าเขาจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ด้วยโชคและบารมีของซานเย่ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆจ้าวซินก็พูดว่า “ใช่..เป็นความจริงที่ผมใส่ร้ายอาจารย์โย่วเพราะผมเกลียดเขาที่ใส่ร้ายพ่อของผมในฐานะสายลับก่อน..เพราะงั้นผมจึงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อปล่อยให้เขารับโทษไปพร้อมๆกันคนอื่นๆ..เรื่องนี้ผมยอมรับผิดเอง”
“ดี!..กล้าทำก็กล้ารับ!” เซี่ยตงไป่พูดอย่างโกรธเคือง “เอ็งรู้ไหมว่าพฤติกรรมของเอ็งมันไม่ดีเอาเสียเลย..เอ็งกำลังพยายามยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งภายในของแก๊งฝูชิง”
“หัวหน้าเซี่ยครับถึงจ้าวซินจะผิดในเรื่องนี้แต่ถึงยังไงคุณโย่วก็พูดแล้วว่าถ้าเขายอมรับตอนนี้คุณโย่วก็จะปล่อยผ่าน..ซึ่งเรื่องนี้มันก็น่าให้อภัยเพราะถือได้ว่าจ้าวซินนั้นเป็นคนที่ช่วยแก๊งฝูชิงของเราอย่างมากเพราะถ้าหากเขาไม่นำข้อมูลของสายลับมาให้เราผมเกรงว่าพวกเราคงจะยังอยู่ในความมืดโดยที่ไม่รู้อะไรเลย..ด้วยเหตุนี้หัวหน้าเซี่ยช่วยยกโทษให้เขาในครั้งนี้ด้วย” ซานเย่พูด
“ใช่ค่ะพ่อ..ถึงแม้ว่าจ้าวซินจะผิดแต่ความดีความชอบของเขามันก็เทียบไม่ได้กับความผิดเลย..เพราะงั้นเราปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ” เซี่ยจือยี่ก็เห็นด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับทุกคนในแก๊งฝูชิงตอนนี้ก็ไม่ต้องการให้แก๊งมีปัญหาเพิ่ม ซึ่งคนอย่างเซี่ยตงไป่นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งข้อดีคือเขาสามารถซื้อใจคนได้แต่ข้อเสียก็คือเขาไม่สามารถตัดสินใจอะไรอย่างเด็ดขาดได้และคนอื่นๆก็จะนำหน้าเขาหนึ่งก้าวเสมอ ดังนั้นในแง่ของผู้นำแล้วทัศนคติแบบนี้นั้นไม่ดีต่อองค์กรอย่างยิ่งและมันเป็นการดีที่สุดที่จะมีความเมตตาและไม่เพียงแต่ต้องยึดหัวใจผู้คนเท่านั้นแต่ต้องทำให้คนเคารพและเกรงกลัว ซึ่งนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในการเป็นผู้นำ
“คุณซวนคิดยังไงกับเรื่องนี้?” เซี่ยตงไป่พูดพร้อมกับเหลือบมองไปที่โย่วซวน ถึงแม้ว่าเซี่ยตงไป่จะเกลียดชังความดื้อรั้นและไม่รู้จักกาลเทศะของจ้าวซินเกี่ยวกับเหตุการณ์ในปัจจุบันก็ตามแต่ถึงยังไงจ้าวซินก็เป็นลูกชายของผู้มีพระคุณของเขา ดังนั้นลึกๆแล้วเซี่ยตงไป่ก็ไม่ต้องการทำอะไรจ้าวซิน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมและชีวิตของโย่วซวนดังนั้นเซี่ยตงไป่จึงต้องถามความคิดเห็นของโย่วซวนอีกครั้ง
เนื่องจากโย่วซวนได้สิ่งที่ต้องการแล้วแน่นอนว่าเขาจะไม่ไล่ตามความรับผิดชอบของจ้าวซินอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นความประทับใจของเซี่ยตงไป่ที่มีต่อเขาจะลดลงอีกครั้งและจะย่ำยีศักดิ์ศรีของตนมากกว่าเดิม “ผมไม่มีความเห็นใดๆ..ทุกอย่างว่ากันตามหัวหน้าเซี่ยเลยครับ” โย่วซวนพูด
เซี่ยตงไป่ก็พยักหน้าเบาๆและพูดว่า “จ้าวซินตอนนี้คุณซวนไม่ได้มีอะไรคับข้องใจในเรื่องที่เอ็งใส่ร้ายเขาอีกต่อไปแล้ว..เพราะงั้นการที่เอ็งช่วยนำข้อมูลของสายลับมาให้พวกเราเพื่อชี้ตัวสายลับแบบนี้ฉันก็จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป..เอาล่ะเอ็งมีอะไรจะถามอีกไหมถ้าไม่มีก็ออกไปได้แล้ว..ส่วนเรื่องพิธีงานศพของจ้าวไค่แก๊งฝูชิงของเราจะรับผิดชอบในการจัดงานให้เอง”
ชีวิตเล็กๆน้อยๆของจ้าวซินนั้นก็ปลอดภัยแล้วดังนั้นจ้าวซินจึงไม่กล้าพูดอะไรใดๆอีกเพียงแค่กล่าวคำขอบคุณว่า “ขอบคุณสำหรับความเมตตาครับ”
เซี่ยตงไป่ก็ไม่ต้องการเสียเวลาพูดคุยกับจ้าวซินอีกต่อไป เขาจึงทำเพียงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้จ้าวซินออกไป จากนั้นซานเย่ก็ก็พยักหน้าให้จ้าวซินแล้วไม่นานจ้าวซินก็เดินออกไปจากห้องประชุม
ไม่นานหลังจากที่จ้าวซินจากไปทั้งเย่เชียนและหลินเฟิงก็สัมผัสได้ว่าตัวตนของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็จางหายไปเช่นกันจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงแต่แล้วเขาก็คิดได้ว่าการประชุมก็น่าจะจบลงแล้วและไม่จำเป็นที่จะต้องดำเนินต่อไปอีก ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่หมาป่าผีไป๋ฮวยจะจากไป
หลังจากเห็นจ้าวซินจากไปเซี่ยตงไป่ก็กวาดสายตามองคนที่อยู่ที่นี่แล้วพูดว่า “เหตุผลที่เรียกทุกคนมาประชุมในวันนี้ก็คือการหาข้อมูลเกี่ยวกับสายลับภายในของแก๊งฝูชิงของเรา..ในตอนนี้สิ่งต่างๆก็ได้รับการชี้แจงแล้วและชัดเจนอย่างมาก..ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความดีความชอบของผู้นำเขตจ้าว..เพราะฉะนั้นคุณซวนคุณช่วยจัดพิธีงานศพให้กับผู้นำเขตจ้าวอย่างสมเกียรติด้วย”
“ได้ครับ” โย่วซวนตอบ
“สำหรับสายลับเหล่านั้นหลังจากที่ฉันสอบปากคำทีละคนแล้วเราจะมาหารือเกี่ยวกับวิธีจัดการกันอีกครั้ง..พวกคุณมีความคิดเห็นยังไงกันบ้าง” เซี่ยตงไป่พูด
“ทุกอย่างว่ากันตามหัวหน้าเลยครับ” ซานเย่พูด ส่วนผู้นำคนอื่นๆต่างก็เห็นด้วย
จากนั้นเซี่ยตงไป่ก็มองไปที่เย่เชียนและหลินเฟิงจากนั้นก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าแล้วพูดว่า “น้องเย่..น้องหลิน..ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลาไปกับเรื่องตลกเหล่านี้..ฉันไม่เคยคิดเลยว่าแก๊งฝูชิงของเราจะมีสายลับมากมายและเกือบจะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้าย..ฉันเสียใจกับเรื่องนี้จริงๆ”
“ผมคิดว่าหัวหน้าเซี่ยเองก็คงไม่อยากจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก” เย่เชียนพูด “แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วเพราะงั้นมันก็ไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขอย่างรวดเร็ว..เราอย่าไปทำให้แก๊งฝูชิงต้องพังไปเพราะสายลับพวกนี้เลย”
“ใช่!” หลินเฟิงพูดอย่างเห็นด้วย “การสูญเสียพี่น้องจำนวนมากในคราวเดียวก็ว่าแย่แล้วแต่เรายังต้องพิจารณาปัญหาต่างๆที่พวกเขาเกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย” แม้ว่าเขาจะขุ่นเคืองเซี่ยตงไป่ก็ตามแต่เพื่อผลประโยชน์ของเซี่ยจือยี่แล้วหลินเฟิงก็ไม่ต้องการให้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงวุ่นวายไปมากกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นความช่วยเหลือของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการต่อสู้ร่วมกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในการเผชิญหน้ากับประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศ ดังนั้นหากแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงมีปัญหาล่ะก็มันจะส่งผลต่อความคืบหน้าของแผนการทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“น้องเย่และน้องหลินพูดถูก..ฉันรับปากเลยว่าแก๊งฝูชิงจะไม่มีปัญหาอะไรและจะไม่ส่งผลกระทบต่อน้องๆทั้งสองอย่างแน่นอน” เซี่ยตงไป่พูด
“มันต้องเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอนครับ” เย่เชียนพูด “ผมคิดว่าการประชุมในครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว..ผมกับพี่หลินมีธุระที่ต้องทำเพราะงั้นพวกผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ได้สิ” เซี่ยตงไป่พยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณซวนไปส่งน้องเย่และน้องหลินกลับที”
“ไม่เป็นไรครับ” เย่เชียนโบกมือปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วพูดว่า “พวกเราออกไปเองได้..พวกคุณเชิญคุยกันต่อเถอะครับ..ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ..คุณเย่กัลคุณหลินเป็นแขกผู้มีเกียรติของแก๊งฝูชิงของเราเพราะงั้นผมจะละเลยได้ยังไง” โย่วซวนพูดขณะที่เดินไปด้านข้างของเย่เชียนแล้วพูดว่า “เชิญครับ!”
“ถ้างั้นผมขอรบกวนหัวหน้าโย่วด้วยนะครับ” เย่เชียนยักไหล่เบาๆแล้วพูด หลังจากพูดคุยกันเย่เชียนก็มองหน้ากันกับหลินเฟิงและทั้งสองก็เดินออกจากสโมสรไปพร้อมๆกัน ส่วนโย่วซวนก็เดินตามไปอย่างเคารพ
เหตุการณ์ในครั้งนี้ถึงแม้ว่าโย่วซวนจะปลอดภัยแต่มันก็เป็นความล้มเหลวสำหรับโย่วซวนเช่นกันเพราะเขาไม่เพียงแค่ล้มเหลวในการกำจัดเหล่าผู้นำต่างฝ่ายของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงที่ไม่เห็นด้วยและไม่ลงรอยกับเขาเท่านั้นแต่ตัวแทนสายลับคนอื่นๆทั้งหมดกลับถูกเปิดเผยตัวตนอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เกินความคาดหมายของโย่วซวนอย่างมากและมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดหวังทั้งการปรากฏตัวของจ้าวซินที่มาพร้อมกับรายชื่อดังกล่าวอีก
อย่างไรก็ตามโย่วซวนก็เชื่อว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่นั่นเขาก็สามารถนำสายลับชุดใหม่เข้ามาแฝงตัวในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงได้เรื่อยๆและกำจัดสมาชิกที่จงรักภักดีต่อแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงไปทีละคน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องใส่ใจกับการเคลื่อนไหวของเย่เชียนอยู่เสมอและเขาต้องรายงานสิ่งต่างๆให้กับสมาคมมังกรดำ
.
.
.
.
.
.
.