ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 665 ความจริง
ตอนที่ 665 ความจริง
เมื่อพูดถึงหลินฟานและได้เห็นปฏิกิริยาของหลินเฟิงแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอันซือกับเย่เหวินที่เป็นผู้หญิงสองคนที่เหมือนจะเป็นแม่และน้องสาวแท้ๆของเขา ซึ่งเย่เชียนก็ไม่อยากจะสงสัยพวกเธอแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อหน้าเขาสิ่งต่าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะสะท้อนว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ง่ายและไม่สวยหรูนัก ยิ่งไปกว่านั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็พูดเป็นนัยๆเหมือนรู้อะไรบางอย่าง แต่เย่เชียนก็รู้นิสัยของไป๋ฮวยดีเพราะถ้าเขาไม่ต้องการพูดมันก็ไร้ประโยชน์ที่จะถามไปถามอะไรเขา
เย่เชียนนั้นไม่เจอพวกเธอนานกว่าหนึ่งปีดังนั้นเย่เชียนจึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้พวกเธอเป็นอย่างไรกันบ้างเพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเธอก็เคยมอบความสุขให้กับเย่เชียนที่เหมือนกับการพบญาติพี่น้อง ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนก็ยังคงเต็มใจที่จะเชื่อพวกเธอต่อให้เขายังไม่ได้ค้นพบความจริงก็ตาม แต่เย่เชียนนั้นไม่เพียงแต่แบกรับภาระของตัวเองแต่ยังมีพี่น้องเขี้ยวหมาป่าอีกด้วยดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังในทุกๆสิ่งที่เขาทำและนอกจากนี้เย่เชียนก็ยังอยากจะรู้ว่าถ้าหากอันซือและเย่เหวินไม่ใช่แม่และน้องสาวในสายเลือดของเขาจริงๆล่ะก็จุดประสงค์ของพวกเธอคืออะไรกันแน่?
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดมากเพราะเขาต้องรอสิ่งต่างๆในประเทศญี่ปุ่นคลี่คลายก่อนและบางทีเมื่อถึงเวลานั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยอาจเต็มใจที่จะบอกความจริงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นได้เพราะไป๋ฮวยนั้นก็ไม่จำเป็นต้องโกหกหรือแต่งเรื่องดังกล่าวเลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลยและถึงแม้ว่าแจ็คจะยังไม่พบรายละเอียดและประวัติความเป็นมาของอันซือและเย่เหวินก็ตามแต่เย่เชียนก็ยังคงปล่อยให้แจ็คให้ความสนใจกับการสืบค้นข้อมูลของพวกเธอต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบ
เด็กกำพร้าทุกคนต่างก็ปรารถนาความรักจากครอบครัว ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถเข้าใจความคิดของหลินเฟิงได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากเป็นเขาล่ะก็เย่เชียนก็จะเป็นเหมือนกับหลินเฟิงจริงๆ อย่างไรก็ตามจากมุมมองของเย่เชียนแล้วเขาก็เชื่อว่าหลินฟานนั้นเชื่อในคำสั่งสอนของหลินจินไท่จริงๆที่ว่า ‘คนที่ไม่เคยเผชิญหน้ากับความลำบากก็จะไม่มีวันแข็งแกร่งได้’ เย่เชียนยังคงเห็นด้วยในคำพูดนี้
คนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงต้องได้รับประสบการณ์ผ่านชีวิตและความตายมาก่อนไม่งั้นคนๆนั้นจะสามารถเติบโตและแข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง ซึ่งมันจะบั่นทอนจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาและในมุมมองของเย่เชียนนั้นหลินฟานก็มีรากฐานที่ดีและมีอนาคตที่ไกลอย่างแน่นอน เย่เชียนนั้นหวังว่าเด็กคนนี้จะสามารถใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางนี้ได้และแม้แต่สิ่งที่ตนทำไม่ได้บางทีหลินฟานคนนี้อาจจะทำได้ก็ได้
ดังนั้นเย่เชียนจึงหวังว่าหลินเฟิงจะไม่ทำอย่างนั้นและจะไม่บังคับให้หลินฟานมาอยู่ภายใต้การดูแลและการควบคุมของเขา อย่างไรก็ตามหลินเฟิงเลือกที่จะทำเช่นนั้นเย่เชียนก็จะไม่ห้ามเพราะถึงยังไงหลินเฟิงก็เป็นพี่ชายของหลินฟาน ซึ่งเรื่องนี้มันก็ยังไม่ถึงเวลาเพราะฉะนั้นเย่เชียนก็จะไม่พูดอะไรในตอนนี้และยังไม่รู้เลยว่าหลินฟานเป็นน้องชายแท้ๆในสายเลือดของหลินเฟิงหรือเปล่า
กว่าจะรู้ตัวรถก็ขับมาถึงประตูโรงแรมแล้วและหลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนและหลินเฟิงก็ลงจากรถและเดินเข้าไปที่โรงแรมและเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าไป๋ฮวยนั้นนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับคาบบุหรี่เอาไว้ในปากแต่เขาไม่ได้จุดไฟสูบ
ฃเย่เชียนก็แน่นิ่งไปชั่วขณะแล้วอย่างแผ่วเบาจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปแล้วพูดว่า “ถ้าพี่อยากสูบบุหรี่ก็สูบไปสิ”
ไป๋ฮวยก็ส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า “ฉันสัญญากับใครบางคนเอาไว้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่..เพราะงั้นลูกผู้ชายก็ควรจะรักษาคำพูด”
คนๆนั้นจะเป็นใครไปได้? ซึ่งเย่เชียนก็เดาว่าน่าจะเป็นหวังยู่เพราะนอกจากเธอแล้วเย่เชียนก็นึกถึงใครที่สามารถเปลี่ยนไป๋ฮวยไม่ออกนอกจากหวังยู่ เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเพราะการเปลี่ยนคนอย่างไป๋ฮวยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นหวังยู่คนนี้ค่อยๆมีอิทธิพลต่อไป๋ฮวยแล้วและเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงเขาไปทีละน้อย
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ต้องกังวลกับปัญหาเหล่านี้ที่เขามีอดีตที่ไม่ค่อยดีนักกับหวังยู่เพราะไป๋ฮวยนั้นมีความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองที่ยอดเยี่ยมมากเพราะงั้นเย่เชียนก็เชื่อว่าไป๋ฮวยน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นมันก็ย่อมจะทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกอับอายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการดีกว่าที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
หลินเฟิงก็เดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของไป๋ฮวยและนั่งลงจากนั้นก็เหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “นายไปสอดส่องที่การประชุมมาแล้วนายคิดว่าไงบ้าง?”
“ไม่จำเป็นต้องดูหรอกเพราะสิ่งต่างๆมันถูกวางแผนเอาไว้หมดแล้ว” ไป๋ฮวยพูดเบาๆ
เย่เชียนกับหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและพวกเขาก็ประหลาดใจอย่างมากเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าไป๋ฮวยกำลังพูดอะไรอยู่เกี่ยวกับแผนการที่วางเอาไว้ “การปรากฏตัวของจ้าวซินที่เกินความคาดหมายและการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของโย่วซวนนั้นก็เกือบจะสำเร็จ..เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้อยู่ในแผนของนายด้วยหรือเปล่า?” หลินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่!..แต่ยกเว้นการที่จ้าวซินคิดที่จะเปิดเผยตัวตนของโย่วซวน..ซี่งถ้าหากโย่วซวนได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ล่ะก็มันจะกระทบต่อแผนการของพวกเราด้วย” ไป๋ฮวยพูด
คำพูดของไป๋ฮวยก็ยิ่งทำให้เย่เชียนกับหลินเฟิงงุนงงและไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลย “พีไป๋ฮวยเราไม่เข้าใจสิ่งที่พี่พูดเลย..ช่วยอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยจะได้ไหม?” เย่เชียนพูด
ไป๋ฮวยก็เหลือบมองเย่เชียนกับหลินเฟิงจากนั้นก็พูดว่า “พวกนายทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ..สิ่งต่างๆมันก็ชัดเจนอยู่แล้วทำไมพวกนายไม่สังเกตเห็นเหรอ?..พวกนายก็พบโย่วซวนที่บ้านของจ้าวไค่ในคืนนั้นไม่ใช่เหรอ..นั่นแหละก่อนหน้านั้นโย่วซวนก็ได้ส่งคนไปฆ่าจ้าวซินแต่ฉันไปช่วยเขาเอาไว้ก่อนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งฝูชิงและบอกให้เขาไปเข้าร่วมการประชุมภายในของแก๊งฝูชิง..ซึ่งแผนการในขั้นแรกคือการให้เขาไปหาซานเย่และมอบเอกสารชี้ตัวสายลับให้กับซานเย่..จากนั้นให้ซานเย่ติดต่อไปหาเหล่าผู้นำแล้วหารือเรื่องการจัดประชุมด่วน..แต่ทว่าโย่วซวนกลับไหวตัวทันและเรียกจัดการประชุมก่อนซานเย่”
เย่เชียนและหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพวกเขาก็มองกันและกันด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นเพราะพวกเขาไม่ได้คาดหวังถึงสถานการณ์เช่นนี้เลยดังนั้นพวกเขาจึงต้องฟังต่อไปอย่างตั้งใจ
หลังจากหยุดไปชั่วขณะไป๋ฮวยก็พูดต่อ “ฉันไม่ได้คาดหวังว่าซานเย่จะใช้โอกาสนี้ในการกำจัดโย่วซวนไปพร้อมกับเหล่าสายลับของแก๊งฝูชิงโดยการเพิ่มข้อมูลของโย่วปะปนไปกับข้อมูลที่ฉันให้จ้าวซินไป..แต่ก็เห็นได้ชัดว่าซานเย่ประเมินโย่วซวนต่ำเกินไปเพราะตอนนี้เขาไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะจัดการกับโย่วซวนเลย”
“พี่คือคนที่ฆ่าหยานคุนหรือเปล่า?” เย่เชียนถาม
ไป๋ฮวยก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่!..ฉันเป็นคนฆ่าหยานคุนเองเพราะหยานคุนสายลับของสมาคมมังกรดำและเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของโย่วซวน..ซึ่งโย่วซวนจะใช้หยานคุนเพื่อใส่ร้ายสมาชิกแก๊งฝูชิงที่ภักดีต่อแก๊งฝูชิงโดยสารภาพว่าตัวเองก็เป็นสายลับเช่นกัน”
“ไป๋ฮวย..นายทำให้ฉันกับเย่เชียนดูแย่เลย..นายทำสิ่งต่างๆโดยที่พวกเราไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย..แต่ฉันเชื่อว่าโย่วซวนจะต้องคิดแบบเดียวกับฉันและเย่เชียนโดยคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นซานเย่คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้” ไป๋ฮวยพูด “เพราะงั้นฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นนาย”
“ถึงแม้ว่าแก๊งฝูชิงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนักแต่พวกเขาก็มีรากฐานที่ทรงพลังที่ประเทศญี่ปุ่น..เพราะงั้นโย่วซวนถึงได้เข้ามาแฝงตัวและจะยึดครองแก๊งฝูชิงไป..ด้วยเหตุนี้ถ้าตัวตนสายลับของโย่วซวนถูกเปิดเผยมันก็จะทำให้แผนการของเราทั้งหมดได้รับผลกระทบอย่างมาก..ดังนั้นฉันจึงใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งฝูชิงแทนที่จะทำจัดโย่วซวน..ซึ่งการทำแบบนี้มันเหมาะสมกับแผนการของเรามากกว่าโดยที่สมาคมมังกรดำไม่รู้ตัว” ไป๋ฮวยพูด
“พี่ไป๋รู้อยู่แล้วเหรอว่าใครที่เป็นสายลับแฝงตัวที่สมาคมมังกรดำส่งมายังแก๊งฝูชิง?” เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วถาม “ดูเหมือนว่าพี่จะรู้สิ่งต่างๆเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นมากเลยนะ”
ไป๋ฮวยก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “อะไรนะ..นายกลัวว่าฉันกำลังวางแผนหักหลังนายอย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นผมแค่จะบอกว่าพี่รู้เรื่องต่างๆในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดีผมเลยจะถาม” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจและนี่เป็นข้อสงสัยที่มากที่สุดในใจของเย่เชียนเพราะถ้าหากไป๋ฮวยไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเขาก็คงไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องข้อมูลต่างๆมากมายถึงขนาดนี้เป็นแน่ ตัวอย่างเช่นเรื่องสายลับจำนวนมากมายในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงที่แม้แต่สมาชิกอาวุโสยังไม่อาจรู้ได้แต่ไป๋ฮวยกลับรู้และเรื่องบางเรื่องก็ถูกปกปิดมานานกว่า 10 ปีแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุตัวตนของสายลับเหล่านั้นภายในระยะเวลาอันสั้น
“นายอยากรู้จริงๆเหรอ?” ไป๋ฮวยพูดอย่างเฉยเมย “ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องบอกนายว่าฉันทำอะไรไปบ้าง..เพราะงั้นถ้านายไม่เชื่อฉันก็แล้วแต่..ฉันไม่ได้จะช่วยนายในการกำจัดสมาคมมังกรดำเพราะอันที่จริงนั่นก็เป็นเป้าหมายของฉันอยู่แล้ว..ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันกับสมาคมมังกรดำน่ะมีเรื่องที่ต้องสะสางกัน..ทั้งหมดนี้ฉันก็แค่ไม่อยากเห็นนายตายด้วยน้ำมือของคนอื่น..ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะช่วยนายแบบนั้น”
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ไม่ๆ..ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าผมไม่เชื่อพี่..ถ้าผมไม่เชื่อแม้แต่พี่ชายที่ดีที่สุดของผมล่ะก็ผมจะไว้ใจใครได้อีก?..ไม่อย่างงั้นผมจะให้พี่หลินโทรไปหาพี่เหรอ..ผมแค่อยากรู้ว่าพี่ได้วางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือเปล่าก็แค่นั้นเพราะผมจะได้ถอนตัวแล้วให้พี่ดำเนินตามแผนการของพี่”
“ไม่!..ถ้าฉันต้องการถอนตัวหรือสถานการณ์ต่างๆมันเริ่มเลวร้ายลงฉันจะจัดการเองโดยที่ไม่ขอความช่วยเหลือจากนาย” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด
นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาทะเลาะเพราะไป๋ฮวยนั้นเป็นคนประเภทที่ไม่เคยยอมแพ้แม้แต่คำพูด ซึ่งอันที่จริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาไป๋ฮวยก็ทำสิ่งต่างๆเพื่อเขี้ยวหมาป่ามาโดยตลอด ดังนั้นเขาจะไม่รู้ความคิดของเย่เชียนได้อย่างไร? เพราะฉะนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเย่เชียนต้องการขยายพลังและอิทธิพลขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไปยังประเทศญี่ปุ่น? ดังนั้นไป๋ฮวยจึงเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรกและนี่เป็นเพียงแค่ว่าเขาไม่ต้องการให้เย่เชียนรู้สึกว่าเขาเป็นหนี้ตนเพราะถึงยังไงเขากับเย่เชียนนั้นก็ต้องต่อสู้และเผชิญหน้ากันในสักวันหนึ่งอยู่ดี
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนกับไป๋ฮวยโต้เถียงกันแบบนี้หลินเฟิงจึงเอ่ยปากพูดว่า “พวกนายเป็นพี่น้องกันแล้วพวกนายจะเถียงกันเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ทำไม..ฉันเชื่อว่าไป๋ฮวยจะไม่ทรยศเราหรอก..เพราะเป้าหมายของพวกเราก็คือการทำลายสมาคมมังกรดำเหมือนกัน..ดังนั้นถ้าหากพวกเราขัดแย้งกันล่ะก็พวกเราจะรับมือกับสมาคมมังกรดำได้ยังไง?”
.
.
.
.
.
.
.