ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 670 ความเห็นที่แตกต่างของเย่เชียนกับไป๋ฮวย
ตอนที่ 670 ความเห็นที่แตกต่างของเย่เชียนกับไป๋ฮวย
อันที่จริงไม่ใช่แค่ประเทศญี่ปุ่นเพราะทุกๆประเทศในโลกก็เหมือนกันหมดที่พรรคการเมืองต่างๆก็จะมีกองกำลังใต้ดินเบื้องหลังเป็นของตัวเองซึ่งจุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการช่วยพวกเขาจัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างลับๆ ซึ่งปรากฏการณ์นี้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการปกครองแบบหลายๆพรรคการเมือง ซึ่งการเลือกตั้งทุกๆครั้งจะเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดเพราะกองกำลังที่ซ่อนอยู่จำนวนมากก็จะดำเนินกิจกรรมเบื้องหลังอยู่ตลอดเวลา
ตระกูลฟูมะและตระกูลดันโซนั้นเป็นองค์กรใต้ดินที่คอยสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆและมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายบางอย่างแต่กิจกรรมเบื้องหลังพวกเขานั้นก็ไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่เรียกว่าโลกใต้ดินที่มืดดำอย่างมาก อันที่จริงพรรครัฐบาลมักจะเป็นโลกใต้ดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแต่แค่มีชื่อที่ฟังดูดีก็เท่านั้นเอง
ตอนนี้การเลือกตั้งพรรครัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นก็ใกล้ถึงเวลาแล้วและพรรคการเมืองใหญ่ๆทุกพรรคต่างก็เริ่มเคลื่อนไหวตามกัน ดังนั้นกองกำลังที่เปิดเผยและเป็นความลับที่คอยสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีสงครามก็ตามแต่มันก็เป็นเพียงความสมดุลที่ละเอียดอ่อนและพร้อมที่จะพังทลายได้ทุกเมื่อและถ้าหากความสมดุลนี้ถูกทำลายก็ย่อมส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และพรรคการเมืองใหญ่ๆก็จะเริ่มต่อสู้กันเองและเมื่อถึงตอนนั้นประเทศญี่ปุ่นก็จะวุ่นวายอย่างมาก
แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อเย่เชียนมากเพราะทวีปตะวันออกกลางนั้นมีสงครามอยู่บ่อยครั้งและองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็สามารถเติบโตและพัฒนาภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนั้นเพราะยิ่งสถานที่วุ่นวายมากเท่าไหร่เย่เชียนก็จะยิ่งมีไหวพริบมากขึ้นเท่านั้นและใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อคว้าประโยชน์สูงสุดเสมอ ดังนั้นตราบใดที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ในความโกลาหลล่ะก็เย่เชียนก็จะสามารถพลิกผันและรับมือกับสมาคมมังกรดำได้ดียิ่งขึ้น
สิ่งที่หลินเฟิงพูดเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ประการหนึ่งมันสามารถจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ๆในประเทศญี่ปุ่นได้และทำให้พวกเขาต่อสู้กันเอง ในทางกลับกันสิ่งนี้ยังสามารถทำให้สมาคมมังกรดำเคลื่อนไหวและไม่มีเวลาเตรียมตัวที่จะรับมือกับสถานการณ์ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซัน
แน่นอนว่าการโค่นล้มองค์กรทหารรับจ้างเรดซันนั้นส่งผลเสียต่อสมาคมมังกรดำอย่างมากแต่ก็ไม่มันก็ไม่สามารถทำให้สมาคมมังกรดำพังทลายได้อยู่ดี อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดองค์กรทหารรับจ้างเรดซันก็เป็นหนึ่งในกำลังหลักของสมาคมมังกรดำ ดังนั้นมันก็เท่ากับการทำให้พลังของสมาคมมังกรดำอ่อนแอลง ซึ่งการที่สมาคมมังกรดำจะหยั่งรากลึกในประเทศญี่ปุ่นมานานหลายปีจึงทำให้มีพลังและอิทธิพลมหาศาล ด้วยเหตุนี้หากเย่เชียนต้องการทำลายสมาคมมังกรดำเขาก็ต้องค่อยๆทำให้พลังของสมาคมมังกรดำอ่อนลงทีละน้อยแล้วค่อยจัดการในรวดเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ
เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “นี่เป็นวิธีเดียวในตอนนี้..เรื่องให้ผมรับผิดชอบก็แล้วกันเพราะสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าของผมล้วนเป็นชาวญี่ปุ่นเพราะงั้นถ้าเป็นเขาน่าจะเหมาะสม”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” ไป๋ฮวยพูด “ถ้านายต้องการสร้างสถานการณ์แบบนั้นนายต้องเข้าใจสิ่งต่างๆระหว่างตระกูลนินจาเหล่านั้นก่อน..รวมถึงคำศัพท์เฉพาะที่เป็นรหัสและการกระทำของพวกเขาตลอดจนวิธีการกระทำและสัญลักษณ์ต่างๆแบบนั้นมันจะได้ผลดีที่สุด”
“ไม่!” เย่เชียนพูดปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ถึงแม้ว่าสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นแต่ตอนนี้พวกเธอเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของผมแล้วผมจะไม่ปล่อยให้พวกเธอตายเปล่า..ผมจะไม่ให้พวกเธอไปทำแบบนั้นอย่างแน่นอน” เย่เชียนนั้นเข้าใจความหมายของไป๋ฮวยได้เพราะไป๋ฮวยแนะนำว่าให้คนของเย่เชียนไปลอบสังหารคนของตระกูลนินจาใดตระกูลหนึ่งแล้วเลียนแบบพฤติกรรมของตระกูลนั้นๆ อย่างไรก็ตามหน่วยกรงเล็บหมาป่านั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเขี้ยวหมาป่าและเย่เชียนก็ไม่ต้องการให้พวกเธอเข้าไปเสี่ยงแบบนั้น
ไป๋ฮวยก็พูดอย่างเย็นชาว่า “มันก็แค่มีโอกาสเสี่ยงและโอกาสของความสำเร็จก็ครึ่งต่อครึ่ง..ฉันหวังว่าพวกเราจะดึงดูดความสนใจของพวกตระกูลนินจาได้” ไป๋ฮวยพูด ซึ่งถึงแม้ว่าเขี้ยวหมาป่าจะมีความสำคัญต่อเขาก็ตามแต่หน่วยกรงเล็บหมาป่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาและเนื่องจากหน่วยกรงเล็บหมาป่าเป็นหนึ่งในหน่วยย่อยของเขี้ยวหมาป่าเพราะงั้นพวกเธอจึงควรจะเสียสละเพื่อองค์กร อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เชียนยืนยันเช่นนั้นไป๋ฮวยก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป
หลินเฟิงก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เพราะถ้าหากเขาเป็นเย่เชียนล่ะก็เขาจะไม่มีวันปล่อยให้พี่น้องของเซเว่นคิลไปเสี่ยงชีวิตเช่นกัน
“ถ้างั้นก็ตามนั้น” เย่เชียนพูดต่อ “สำหรับเส้นทางหลับหนีนั้นดูเหมือนว่าเซี่ยจือยี่จะเตรียมการอย่างลับๆเอาไว้แล้ว..ส่วนโย่วซวนน่ะเป็นตัวปัญหาจริงๆ”
“แต่ภายใต้ปัญมามันก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันเพราะเราสามารถส่งต่อข่าวปลอมให้กับโย่วซวนแล้วให้โย่วซวนส่งต่อสมาคมมังกรดำ” หลินเฟิงพูด “ถ้างั้นพรุ่งนี้เรานัดหารือกับโย่วซวนดีกว่า..จำเอาไว้ว่าทุกคนต้องคุยกันเรื่องกำหนดการแผนบุกโจมตีและการล่าถอยที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเขา..รวมถึงแผนการส่งตัวหยานฮั่นออกจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกนินจา..จากนั้นถ้าฉันคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิดหยานฮั่นจะต้องถูกพวกสมาคมมังกรดำไล่ล่าอีกครั้งอย่างแน่นอน”
“มันเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศ..เราไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้” เย่เชียนพูด “ผมจะให้ม่อหลงคอยคุ้มกันหยานฮั่น..เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นถึงบุคลากรของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจีนเพราะงั้นผมไม่สามารถปล่อยให้คนของเขามีปัญหาภายใต้การดูแลของผมได้..ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าปู่หวงฟู่จะมีปฏิกิริยายังไงถ้าเขารู้ว่าผมใช้คนของเขาเป็นเหยื่อล่อ”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว..ถ้านายช่วยเขาได้มันก็ดีแต่ถ้าหากนายพยายามแล้วแต่ยังช่วยไม่ได้มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร..เพราะพวกเขาเป็นถึงคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติพวกเขาก็ต้องมีความรับผิดชอบแต่หน้าที่” ไป๋ฮวยพูด
นี่อาจเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างเย่เชียนกับไป๋ฮวย ซึ่งเย่เชียนมักจะลำบากใจเวลาตัดสินใจอะไรอยู่เสมอเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนต่างๆ แต่สำหรับไป๋ฮวยแล้วตราบใดที่คนๆไม่ใช่คนที่เขาอยากจะช่วยล่ะก็เขาก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนหรือคนใกล้ชิดของคนที่เขารู้จัก แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าไป๋ฮวยไม่สนโลกแต่ทัศนคติของเขานั้นต้องจริงจังและเด็ดขาดอยู่เสมอ เพราะในมุมมองของเขาชีวิตก็คือการเสียสละอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และไม่โต้เถียงกับไป๋ฮวยต่อ แต่เย่เชียนหันไปมองไอซอลเดแฮมป์ตันแล้วพูดว่า “คุณไอซอลเด..คนของคุณมาถึงญี่ปุ่นหมดแล้วหรือยัง?..ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเราอาจต้องลงมือในเร็วๆนี้”
ไอซอลเดแฮมป์ตันก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “สมาชิกทั้งหมดมาถึงที่นี่แล้วและพวกเขาก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ตลอดเวลา”
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน” เย่เชียนถาม “เราต้องซ่อนตัวตนของพวกเราเอาไว้เพราะถ้าหากพวกเราถูกค้นพบล่ะก็แผนการทั้งหมดก็จะพังทลาย”
“ไม่ต้องห่วงเพราะสมาชิกนีโอมิลิทารี่ชุดนี่มีประสบการณ์มานานหลายปี..ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมาในนามของบุคลากรจากบริษัทในเครือของนีโอมิลิทารี่เพาะงั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร..แต่เมื่อไหร่ที่พวกทหารรับจ้างเรดซันถูกทำลายรัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอนและอาจมีปัญหาในตอนนั้น” ไอซอลเดแฮมป์ตันพูด
“ไม่น่าจะมีปัญหานะ” เย่เชียนพูดต่อ “ไม่ต้องกังวลไปผมจะส่งพี่น้องนีโอมิลิทารี่ออกจากประเทศญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย”
“ฉันไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอก..เพราะตั้งแต่มาที่นี่พวกฉันก็มาพร้อมจิตวิญญาณแห่งทหารเลือดเหล็ก” ไอซอลเดแฮมป์ตันพูด “อันที่จริงฉันยังมีการเตรียมการบางอย่างสำหรับเส้นทางถอยทัพด้วย..ฉันจะใช้บริษัทในเครือพาสมาชิกทั้งหมดออกจากประเทศญี่ปุ่น”
“ไม่เป็นไรเราจะเตรียมแผนสำรองเอาไว้หากแผนแรกไม่ได้ผลเราก็ยังมีโอกาสที่จะแก้ไขมันได้” เย่เชียนพูด หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็มองดูนาฬิกาข้อมือของเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะเราคุยกันจบแล้วแต่มันยังไม่ดึกเลยและผมก็หิวด้วย..ทำไมเราไม่ไปดื่มด้วยกันสักหน่อยล่ะ”
“ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำฉันไม่อยากเสียเวลาไปกับการดื่ม..ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน” ไป๋ฮวยพูดแล้วเดินออกไป
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นเพราะถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ภายในดวงตาของไป๋ฮวยราวกับว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะถามเขาจึงมองไปทางหลินเฟิงกับไอซอลเดแฮมป์ตันอย่างขมขื่นและพูดว่า “เขาเป็นแบบนี้เสมอแหละ..แต่พวกเราก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะมากนัก..ถ้างั้นผมจะให้คนออกไปซื้อของแล้วมาดื่นกินกันที่นี่ดีกว่า”
หลินเฟิงกับไอซอลเดแฮมป์ตันก็ไม่ได้คัดค้านและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กดเบอร์โทรศัพท์ของชิงเฟิงซึ่งชิงเฟิงนั้นดูกระวนกระวายอย่างมาก “บอส!..ผมมีบางอย่างที่ต้องทำผมต้องซื้อไวน์มาดื่ม..ผมเบื่อจนจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว”
เย่เชียนถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “นายจะทำอะไรก็ทำ..ที่แต่ตอนนี้นายช่วยออกไปซื้ออะไรมาต้อนรับแขกที่นี่หน่อย..ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ..คุณไอซอลเดก็อยู่ที่นี่ด้วยเพราะงั้นเอาไว้คุยกันทีหลัง”
“โถ่บอส!” ชิงเฟิงพูดจบและกดวางสายไปด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่นากาจิมะชินนะที่อยู่ข้างๆเขาแล้วพูดว่า “ฉันอยู่กับเธอไม่ได้แล้วเพราะบอสโทรมาและขอให้ฉันไปซื้ออะไรให้พวกเขากิน” ขณะที่ชิงเฟิงพูดเขาก็สัมผัสใบหน้าของนากาจิมะชินนะและจูบริมฝีปากของเธอแล้วหันหลังเดินออกไป แต่ชิงเฟิงก็ยังคงพึมพำว่า “ประเทศญี่ปุ่นแม่งบัดซบจริงๆอากาศมันจะหนาวไปถึงไหน..ไม่อยากออกไปข้างนอกเลย”
หน่วยกรงเล็บหมาป่าที่ค่อยคุ้มกันไอซอลเดแฮมป์ตันจากด้านนอกนั้นชิงเฟิงเป็นผู้รับผิดชอบสิ่งต่างๆในภารกิจนี้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจะต้องมาตรวจสอบในไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี ซึ่งมันเป็นเวลานานแล้วที่ชิงเฟิงไม่ได้มีอะไรกับนากาจิมะชินนะและมันไม่ง่ายเลยที่พวกเขาทั้งสองจะมีเวลาให้กันได้แต่ทว่าเย่เชียนกลับโทรเข้ามาและรบกวน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ชิงเฟิงก็สามารถเข้าใจเย่เชียนได้
เมื่อชิงเฟิงเพิ่งก้าวออกมาจากห้องพักเขาก็ต้องหยุดกะทันหันและเมื่อมองไปที่ผู้คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาชิงเฟิงก็ตกตะลึงเล็กน้อยและถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณมาหาผมงั้นเหรอ?”
.
.
.
.
.
.
.