ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 671 ความลับบางอย่าง
ตอนที่ 671 ความลับบางอย่าง
คนๆนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นไป๋ฮวยที่เพิ่งจะเดินออกมาจากเซฟเฮ้าส์ของไอซอลเดแฮมป์ตัน เนื่องจากมีบางสิ่งที่เย่เชียนไม่สามารถทำได้ ดังนั้นไป๋ฮวยจึงต้องทำแทนเขาและนี่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกเย่เชียนว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไปสู่ความรุ่งโรจน์
เมื่อเห็นไป๋ฮวยแล้วชิงเฟิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็งุนงงว่าทำไมไป๋ฮวยถึงมาที่นี่ ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะเคยพูดคุยกับไป๋ฮวยมาหลายครั้งแต่ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง เพราะทุกๆครั้งที่ชิงเฟิงพบกับไป๋ฮวยนั่นก็เฉพาะตอนที่เขาอยู่กับเย่เชียนและไม่เคยพบกับเขาตามลำพัง เห็นได้ชัดว่าไป๋ฮวยมีบางอย่างและเขาก็ไม่ต้องการให้เย่เชียนรู้
ไป๋ฮวยก็มองไปที่นากาจิมะชินนะที่อยู่ข้างๆชิงเฟิงจากนั้นก็หันไปมองชิงเฟงแล้วพูดว่า “อะไรกันเนี่ย?”
หน้าของนากาจิมะชินนะก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีแดงและเธอรู้สึกเขินอายเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอทำกับชิงเฟิง แต่ทว่าชิงเฟิงกลับไม่สนใจ เขายิ้มและพูดว่า “หืม..ไม่ว่าผมจะยุ่งสักแค่ไหนแต่ถ้าเป็นพี่ล่ะก็ผมว่างเสมอ” จากนั้นเขาก็หันไปมองนากาจิมะชินนะแล้วพูดว่า “อ๋อฉันจะแนะนำเธอให้เขาคือ…เอ่อ…” หลังจากลังเลอยู่นานชิงเฟิงก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรเขาจึงพูดว่า “เขาชื่อพี่ไป๋..เรียกพี่ไป๋ก็แล้วกัน”
“คุณไป๋สวัสดีค่ะ” นากาจิมะชินนะพูด
ไป๋ฮวยก็พยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่นายดูมีความสุขแบบนี้..เพราะมีสาวสวยแบบนี้อยู่ข้างๆนี่เอง”
ชิงเฟิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “เอาหน่าๆ..เมื่อกี้บอสสั่งให้พวกเราไปบอกใครสักคนให้ออกไปซื้ออาหารเพราะงั้นเธอไปก่อนเลย..ฉันกับพี่ไป๋จะคุยกันน่ะ”
นากาจิมะชินนะก็พยักหน้าเบาๆและทำความเคารพไป๋ฮวยแล้วเดินออกไป
หลังจากเห็นนากาจิมะชินนะจากไปชิงเฟิงก็เหลือบมองไป๋ฮวยแล้วพูดว่า “เอาล่ะ..พี่มาหาผมทำไม..อยากไปดื่มกับผมงั้นหรอ”
ไป๋ฮวยก็พูดว่า “ฉันไม่ได้มาเพื่อจะชวนดื่ม..ฉันมาที่นี่เพื่อจะคุยกับนายเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญมาก..แล้วนายล่ะสนใจอยากจะลองฟังดูไหม?”
“แน่นอนสิ..พี่ถึงกับมาที่นี่เพราะงั้นมันต้องน่าสนใจมากแน่ๆ” ชิงเฟิงแล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำท่าทางเชิญแล้วพูดว่า “มาเถอะเข้ามาข้างในก่อน” หลังจากนั้นชิงเฟิงก็หยิบบุหรี่ออกมาจากเสื้อของเขาแล้วส่งให้ไป๋ฮวยแต่ไป๋ฮวยส่ายหัวเบาๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นชิงเฟิงจึงเบะปากแล้วคีบบุหรี่ใส่ปากจากนั้นก็พูดว่า “พี่ไม่รู้หรอกว่าวันนี้ผมเบื่อมากแค่ไหน..การอยู่เฉยๆมันน่าอึดอัดมาก..ว่าแต่พี่ไปพี่มาหาผมทำไม”
“ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้นายทำสิ่งต่างๆได้ดีเลยนี่..นายได้รับมอบหมายให้ดูแลหน่วยกรงเล็บหมาป่าใช่ไหม?” ไป๋ฮวยพูดเบาๆ
“ไม่เอาน่าอย่ามาล้อเลียนผมสิ..พี่ก็น่ารักรู้จักผมดีว่าผมอยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้เพราะมันน่าเบื่อ..แต่ก่อนผมได้ออกปฏิบัติการตลอดแต่ตอนนี้กลับต้องมาคอยดูแลและบัญชาการหน่วยกรงเล็บหมาป่า” ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“ทำไมล่ะ?..ฉันคิดว่าการได้บัญชาการหน่วยกรงเล็บหมาป่ามันยอดเยี่ยมมาก..เท่าที่ฉันรู้มาสมาชิกทั้งหมดของหน่วยกรงเล็บหมาป่าคือคนจากองค์กรดาร์คลิลลี่และสมาชิกทั้งหมดก็ล้วนมีแต่ผู้หญิงสวยๆอยู่ในนั้น..นายไม่ชอบเหรอ?” ไป๋ฮวยพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่รู้ไหมว่าบางครั้งการมีผู้หญิงมากเกินไปมันก็น่ารำคาญ..ผมอยู่กับพวกผู้หญิงกลุ่มนี้ทั้งวันจนหัวของผมจะระเบิดอยู่แล้ว..สิ่งที่แย่กว่านั้นคือผมไม่สามารถเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้มากนัก..ผมรู้จักแค่ประโยคในหนังผู้ใหญ่บางคำก็แค่นั้น..เพราะงั้นพี่คิดว่าผมจะสนุกกับมันเหรอ..ถ้าเป็นพี่ผมคิดว่าไม่เกินสามวันพี่คงจะเบื่อ”
“อย่าพูดถึงเรื่องไร้สาระเลย..ฉันมาเพื่อคุยเรื่องสำคัญกับนาย..ฉันคิดว่าตอนนี้นายคงจะอยากรู้มากเลยใช่ไหมล่ะว่ามันเรื่องอะไรกันแน่” ไป๋ฮวยพูด
“ผมเพิ่งเห็นพี่กับบอสเข้าไปหาไอซอลเดแฮมป์ตันด้วยกัน..มันมีอะไรบางอย่างผิดปกติงั้นหรอ” ชิงเฟิงพูด
“หึ!” ไป๋ฮวยพูด “มันมีบางอย่างที่ฉันยังไม่ได้บอกพวกเขา..เย่เชียนยังไม่เด็ดขาดพอและมีสิ่งต่างๆที่เขาไม่สามารถละทิ้งได้..แต่เพื่อให้แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นเราจะคิดแบบนั้นไม่ได้!”
“หืม..งั้นพูดมาเลย” ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “คนอื่นบอกว่าพี่ต้องการทำลายเขี้ยวหมาป่าแต่ผมไม่เชื่อหรอก..เพราะจริงๆแล้วทุกๆอย่างที่พี่ทำก็เพื่อผลประโยชน์ของเขี้ยวหมาป่ามาเสมอ”
ไป๋ฮวยก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ที่ฉันร่วมมือกับเขี้ยวหมาป่าในครั้งนี้มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันล้มเลิกความคิดของฉันไป..ฉันแค่ไม่ต้องการให้เขี้ยวหมาป่าถูกทำลายโดยคนอื่นก็แค่นั้นเพราะมันมีแค่ฉันเท่านั้นที่สามารถทำลายเขี้ยวหมาป่าได้..เพราะงั้นนายก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปซะ..เมื่อถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ฉันจะไม่เมตตา!”
ชิงเฟิงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “เอาล่ะเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นกันเลย..มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันตอนนี้เพราะงั้นเรามาคุยเรื่อที่สำคัญกันดีกว่า..พี่ต้องการให้ผมทำอะไร?”
“พูดง่ายๆว่าฉันต้องการหน่วยกล้าตายเพื่อไปลอบสังหารหัวหน้าและผู้นำของตระกูลนินจาฟูมะและตระกูลนินจาอิงะ” ไป๋ฮวยพูดเพราะเขารู้ดีว่าเย่เชียนจะไม่มีวันเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากที่เย่เชียนปฏิเสธไป๋ฮวยจึงไม่อยากที่จะพูดอะไรอีกต่อไป ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการจะคืบหน้าไปอย่างราบรื่นไป๋ฮวยจึงต้องทำแบบนีเพราะนักการเมืองเหล่านั้นไม่ใช่คนโง่และสมาชิกของตระกูลนินจาเหล่านั้นก็ไม่ใช่คนโง่และไม่สามารถตบตาเล่นละครหลอกพวกเขาได้ง่ายๆ ดังนั้นทุกอย่างต้องสมจริงและต้องมีคนตายเพื่อให้อัตราความสำเร็จในแผนการโดยรวมนั้นมากที่สุด
ชิงเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหากับการลอบสังหารผู้นำของตระกูลนินจาหรอก..เพราะสมาชิกทั้งหมดของหน่วยกรงเล็บหมาป่าล้วนเป็นอดีตคงขององค์กรดาร์คลิลลี่..แต่ผมยังไม่รู้รายละเอียดโดยรวมเลยพี่ไป๋ช่วยบอกผมเพิ่มเติมหน่อยจะได้ไหม”
“ฉันคิดว่านายก็เหมือนกับเย่เชียน..พวกนายไม่เด็ดขาดเหมือนก่อนแล้ว” ไป๋ฮวยพูด “ก็สิ่งที่ฉันพูดออกไปนั่นแหละคือทั้งหมด”
ชิงเฟิงก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ก็ถ้าผมรู้ข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้บางทีเราอาจจะมีทางเลือกเพิ่มเติมก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นไป๋ฮวยก็พูดว่า “พวกเราเพิ่งคุยกันว่าเราจะหลอกใช้พลังของตระกูลนินจาอิงะเพื่อก่อสงครามกับตระกูลดันโซเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามีเวลาและโอกาสรับมือกับพวกเราในการทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน..เพราะงั้นฉันจึงต้องการหน่วยกล้าตายที่ปลอมตัวเป็นนินจาไปลอบสังหารผู้นำระดับสูงของตระกูลอิงะแล้วต้องถูกจับจากนั้นก็สารภาพตัวตนออกมา..หากเป็นแบบนั้นแน่นอนว่าตระกูลอิงะจะต้องกดดันตระกูลดันโซอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..จากนั้นเราก็โจมตีพวกทหารรับจ้างเรดซันได้อย่างง่ายดายโดยไร้การสนับสนุนจากพวกตระกูลนินจาดันโซ”
ชิงเฟองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็พูดว่า “การหาหน่วยกล้าตายน่ะไม่ใช่เรื่องยากแต่กุญแจสำคัญก็คือเราจะทำยังไงให้พวกตระกูลนินจาเชื่อ..พวกนั้นไม่ได้โง่ที่จะเชื่อง่ายๆหรอกใช่ไหม?”
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอกเพราะฉันจะเล่าทุกๆอย่างที่ฉันรู้เกี่ยวกับตระกูลนินจาให้ฟังเพื่อที่เราจะได้รู้ทุกสิ่งและหลอกพวกมันได้..ซึ่งถึงแม้ว่าพวกมันจะมีข้อสงสัยแต่พวกมันก็ไม่มีเวลาที่จะมาคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆในช่วงเวลาวิกฤตินี้หรอกเพราะการเลือกตั้งพรรครัฐบาลก็กำลังจะถึงเวลาแล้วเพราะงั้นสงครามในครั้งนี้มันจึงเป็นเรื่องของเวลา..ดังนั้นภายใต้พายุลูกใหญ่แบบนี้มันจะทำให้คนตาบอดจนไม่ทันตั้งตัว” ไป๋ฮวยพูด
เย่เชียนนั้นเป็นคนที่ใส่ใจกับทุกๆคนรอบตัวและมีความรักความผูกพันมากมายแต่ทว่าไป๋ฮวยนั้นเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ดังนั้นเขาจึงเก่งเรื่องการใช้ความเกลียดชังระหว่างผู้คนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาเองและนี่คือสิ่งที่ทำให้เขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สิ่งที่ไป๋ฮวยพูดออกมานั้นมันสามารถทำให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลนินจาอย่างเดือดดาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มีมาเนิ่นนานดังนั้นตราบใดที่พวกเขาใช้ความเกลียดชังระหว่างตระกูลนินจาให้เกิดประโยชน์ได้ล่ะก็มันจะช่วยพวกเขาได้อย่างมาก
“นี่ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะพวกเธอทั้งหมดเป็นนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่และพวกเธอทุกคนก็พร้อมที่จะเสียสละเพื่อองค์กร..แต่ถ้าบอสรู้ว่าผมทำแบบนี้ผมคงจะโดนลงโทษขั้นเด็ดขาดอย่างแน่นอน” ชิงเฟิงพูด
“นายจะทำหรือไม่ทำล่ะ..เย่เชียนน่ะเปลี่ยนไปเยอะเขาลังเลที่จะเสียสละ..สงครามทุกสงครามล้วนต้องมีผู้เสียสละเสมอถึงจะได้รับชัยชนะ..นี่เป็นสิ่งที่ต้องมีทุกยุคทุกสมัยและไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย..ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ล่ะก็ตอนที่เราโจมตีพวกทหารรับจ้างเรดซันเราจะเผชิญหน้ากับพวกนินจาและอาจจะพ่ายแพ้เลยด้วยซ้ำ” ไป๋ฮวยพูดต่อ “ในฐานะที่นายเป็นหนึ่งในสมาชิกเขี้ยวหมาป่านายก็ควรพิจารณาได้นะว่ามันไม่ใช่อนาคตของนายเองแต่มันเป็นอนาคตของพี่น้องทุกคนในเขี้ยวหมาป่าใช่ไหม?..ถ้านายกลัวว่าเย่เชียนจะลงโทษนายนั่นมันก็จริงเพราะเขาเป็นผู้นำ..แต่ลองนึกถึงส่วนรวมดูสิมันต้องมีการเสียสละ..เขาในฐานะผู้นำมันก็เป็นเรื่องที่ลำบากใจฉันรู้ดี..แต่นายในฐานะสมาชิกคนหนึ่งนายจึงสามารถทำให้สิ่งที่เขาทำไม่ได้..นายคิดว่าฉันพูดถูกไหม?”
.
.
.
.
.
.
.