ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 677 กวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ตอนที่ 4
ตอนที่ 677 กวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ตอนที่ 4
เมื่อสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าบอกว่าเย่เชียนกำลังต่อสู้เพียงลำพังกับชิบะโชโกะในศูนย์บัญชาการเช่นนั้นหลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเพราะหลินเฟิงนั้นรู้จักเหล่านินจามากกว่าเย่เชียนมากเพราะองค์กรเซเว่นคิลเคยเผชิญหน้ากับเหล่านินจามาหลายครั้งแล้ว ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับเหล่านินจาเพราะการเคลื่อนไหวของนินจานั้นรวดเร็วและแม่นยำมากจึงยากที่จะรับมือ เป็นเพราะเหตุนี้เองที่หลินเฟิงต้องการที่จะคิดหลักสูตรการฝึกซ้อมเพื่อต่อสู้กับนินจาเหล่านั้นในอนาคต
ถึงแม้ว่าจะมีการพูดกันว่าเหล่านินจาดันโซนั้นเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษก็ตามและความสามารถในการต่อสู้ของแต่ละคนนั้นจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนักแต่ก็ไม่ควรมองข้าม ยิ่งไปกว่านั้นไป๋ฮวยยังเคยเตือนเอาไว้ด้วยว่าชิบะโชโกะนั้นเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษและเป็นผู้หญิงที่เล่ห์เหลี่ยมอย่างมาก ดังนั้นแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องมีเล่ห์กลมากมายที่เย่เชียนต้องรับมือ
อย่างไรก็ตามหนึ่งในสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าอย่างหลิวเทียนเฉินซึ่งเชี่ยวชาญด้านสารเคมีและพิษอย่างมากดังนั้นเขาก็น่าจะแนะนำเย่เชียนเกี่ยวกับการจัดการกับผู้ที่ใช้ยาพิษ แต่ทว่าเย่เชียนก็ไม่ควรจะประมาทอยู่ดีและยังเลือกที่จะต่อสู้กับชิบะโชโกะตามลำพังซึ่งทำให้หลินเฟิงกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พวกคุณไปรวมกลุ่มกับพวกนีโอมิลิทารี่เดี๋ยวผมไปที่ศูนย์บัญชาการ” หลินเฟิงตะโกนแล้วรีบวิ่งไปที่ศูนย์บัญชาการกลาง ซึ่งเย่เชียนนั้นเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของปฏิบัติการนี้และเป็นบุคคลสำคัญดังนั้นถ้าหากเย่เชียนถูกชิบะโชโกะเอาชนะได้ล่ะก็ศึกในครั้งนี้ก็จะล้มเหลวและมันจะเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวช ซึ่งหลินเฟิงไม่ต้องการที่จะเห็นสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นและมันก็เกี่ยวข้องกับชีวิตของเย่เชียนด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะไม่รีบร้อนได้อย่างไร?
เมื่อหลินเฟิงผลักเปิดประตูห้องศูนย์บัญชาการเข้าไปก็พบว่าเย่เชียนกับชิบะโชโกะกำลังต่อสู้กันราวกับไฟที่โหมกระหน่ำและเมื่อเห็นเย่เชียนปลอดภัยดีหลินเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “มันไร้สาระมาก..นี่ไม่ใช่สงครามของนายคนเดียวนะ..มันเกี่ยวกับเขี้ยวหมาป่า..เซเว่นคิล..นีโอมิลิทารี่และอีกหลายๆคนรวมถึงหมาป่าผีไป๋ฮวยด้วย..นายได้พิจารณาถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า?”
“ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่พี่หลินไม่ต้องกังวลไปหรอก” เย่เชียนพูดขณะรับมือกับการโจมตีของชิบะโชโกะ
“หืม..เดี๋ยวเรื่องนี้จบเราค่อยคุยกันทีหลัง” หลินเฟิงถอนหายใจเฮือกใหญ่และหลังจากพูดจบเขาก็กำลังจะเข้าไปช่วยแต่เย่เชียนขัดจังหวะว่า “พี่หลินอย่าเข้ามา..ผมขอจัดการเอง..ถ้าเรารุมผู้หญิงคนเดียวมันจะดูไม่ดีและถ้าเรื่องนี้มันแพร่ออกไปคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเรากัน”
“นาย…” หลินเฟิงถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์และหยุดการกระทำของเขา แต่เขายังคงให้ความสนใจกับสถานการณ์ข้างหน้าอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะช่วยเหลือเมื่อมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
“วันนี้ฉันจะสอนคุณบางอย่างเพื่อที่คุณจะได้ไม่ไปดูถูกผู้หญิงอีกในอนาคต” ชิบะโชโกะพูดอย่างเย็นชาและเธอก็ใช้มีดในมือฟันเข้าไปที่คอของเย่เชียนและในเวลาเดียวกันมือซ้ายของก็ถือเข็มบางอย่างเอาไว้
เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าชิบะโชโกะเชี่ยวชาญด้านใช้พิษดังนั้นเย่เชียนจึงเตรียมพร้อมรับมือกับเธอ เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของชิบะโชโกะแล้วเย่เชียนก็ถอยกลับทันทีโดยกลั้นหายใจเอาไว้ ในขณะนี้ภายในร่างกายของเย่เชียนนั้นก็มีพลังอันชั่วร้ายหมุนเวียนอยู่อย่างบ้าคลั่งและในทันใดนั้นเจตนาฆ่าของเย่เชียนก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและกลายเป็นความอำมหิตอย่างยิ่ง
หลินเฟิงนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในร่างกายของเย่เชียน ซึ่งเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากตกตะลึงไปชั่วขณะและแน่นิ่งไปในทันที เพราะกลิ่นอายรอบๆตัวเย่เชียนนั้นดูชั่วร้ายเกินไปและมันสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
หนึ่งปีที่ผ่านมานั้นเย่เชียนไม่ได้อยู่เฉยๆและถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยแต่เขาก็ไม่ละทิ้งการฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณไปเพราะเย่เชียนรู้ดีว่าศัตรูของเขาในอนาคตจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าหากเขาไม่พัฒนาตัวเองเขาก็จะเป็นฝ่ายถูกล่า ซึ่งเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเย่เชียนประสบความสำเร็จในการฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณของเขาให้อยู่ในระดับสูงจนทักษะการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ก้าวกระโดดอย่างมาก
เย่เชียนนั้นถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเพราะในเวลาไม่ถึง 2 ปีเขากลับประสบความสำเร็จในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณจนถึงระดับสูงและเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในศิลปะการต่อสู้โบราณคือการฝึกฝนพลังชี่และยังต้องใช้พรสวรรค์ รวมไปถึงโชคอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่พ่อของเขาทิ้งเอาไว้ให้และพระไร้นามจากวัดหลิงหลงที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่ะก็เขาจะยับยั้งพลังที่ชั่วร้ายและฝึกฝนจนมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร
การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นยากขึ้นทีละขั้นและการขัดเกลาทุกขั้นตอนนั้นก็ยากมาก ซึ่งคนธรรมดาถึงแม้จะต้องการเข้าสู่ขั้นเริ่มต้นและฝึกตนก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 2 ปี และถ้าหากพวกเขาต้องการไปถึงขั้นสูงล่ะก็พวกเขาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 5 ปี แต่เย่เชียนนั้นใช้เวลาไปไม่ถึง 2 ปี จนเย่เชียนได้เปลี่ยนจากคนธรรมดาที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้โบราณมาเป็นระดับปรมาจารย์ขั้นสูงและต้องบอกเลยว่าเขาเป็นดั่งอัจฉริยะรุ่นใหม่
ขณะที่กลิ่นอายที่ชั่วร้ายของเย่เชียนระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งดวงตาของเย่เชียนค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่น่าหวาดกลัว ซึ่งมาพร้อมกับมีดคลื่นโลหิตสีแดงเลือดและเหมือนว่ามันจะมีเลือดสดๆไหลเวียนเป็นลูกคลื่นในนั้น ซึ่งฉากดังกล่าวทำให้ชิบะโชโกะประหลาดใจอย่างยิ่ง
ตอนที่เธอต่อสู้กับเย่เชียนนั้นถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าเย่เชียนนั้นเก่งแต่เธอก็ไม่คิดว่าเย่เชียนจะมีพลังมากถึงขนาดนี้และถึงแม้ว่านินจาของประเทศญี่ปุ่นจะสืบทอดสิ่งต่างๆมาจากศิลปะการป้องกันตัวแบบจีนโบราณก็ตามแต่ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบกับศิลปะการต่อสู้ของจีนได้เลย อย่างไรก็ตามชิบะโชโกะนั้นก็ยังคงมั่นใจมากและคิดว่าสิ่งนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะเธอคิดว่าถึงแม้ว่าทักษะของเย่เชียนจะดีแค่ไหนถึงยังไงมันก็ไม่สามารถต้านทานพิษได้หรอกใช่ไหม?
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงรอบๆตัวของเย่เชียนเช่นนี้ชิบะโชโกะก็ไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไปและเธอก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นเธอจึงใช้สัตว์พิษมากมายไม่ว่าจะเป็นงู,แมงป่อง,ตะขาบปล่อยไปทางเย่เชียน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนและหลินเฟิงประหลาดใจและแอบคิดว่าก็ไม่น่าแปลกใจที่ไป๋ฮวยเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าราชินีแห่งพิษเพราะมันเป็นความจริงอย่ายิ่ง
อย่างไรก็ตามฉากต่อไปนี้กลับทำให้ชิบะโชโกะตกตะลึงอย่างสมบูรณ์แบบเพราะงู,ตะขาบและแมงป่องที่เธอปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ใส่เย่เชียนนั้นพวกมันกลับหนีไปราวกับว่าพวกมันได้เห็นบางสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ซึ่งเย่เชียนเองก็สามารถเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ชิบะโชโกะปล่อยสัตว์และแมลงเหล่านั้นออกมาเย่เชียนก็กำลังคิดหาวิธีจัดการกับมันแต่ทว่ามันกลับไม่ได้ผลอย่างที่เขาคิด
เมื่อสัตว์และแมลงมีพิษเหล่านั้นกำลังจะคืบคลานมาหาเย่เชียนแต่จู่ๆพวกมันก็หันหลังกลับและหนีไปราวกับว่าพวกมันได้เห็นอะไรบางหรือพบกับศัตรูที่พวกมันกลัวอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนงุนงงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่าตัวเขานั้นน่ากลัวกว่าสัตว์เหล่านี้หรือไม่?
หลังจากแสยะยิ้มแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “ผมได้ยินมาว่าคุณชิบะโชโกะเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษนะ..เหมือนจะจริงอย่างที่คนเขาว่ากัน..แต่สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะกลัวผมนะ”
“หึ..ก็คุณมีพิษสงร้ายกว่าสัตว์เหล่านี้ไงล่ะ” ชิบะโชโกะพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“หืม..กล้าพูดแบบนี้กับผมงั้นเหรอ!” เย่เชียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์และเมื่อเสียงของเขาจบลงเย่เชียนก็พุ่งเข้าไปหาชิบะโชโกะแล้วใช้มีดคลื่นโลหิตในมือของเขาแทงไปที่คอของชิบะโชโกะทันที
เนื่องจากพลังที่ชั่วร้ายในตัวของเย่เชียนตื่นขึ้นจึงทำให้แสงของมีดคลื่นโลหิตก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเย่เชียนง้างมีดคลื่นโลหิตเอาไว้จึงทำให้แสงสีแดงสว่างส่องเข้าไปในดวงตาของชิบะโชโกะจนเธอลืมตาไม่ขึ้น ดังนั้นถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้ของชิบะโชโกะจะดีมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่สามารถสู้ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณอย่างเย่เชียนได้ แต่ทว่าทักษะการต่อสู้นั้นไม่ใช่ทุกอย่างที่กำหนดชัยชนะแต่มีปัจจัยอื่นๆรวมด้วย ด้านจิตวิญญาณในการต่อสู้ของเย่เชียนนั้นไม่มีใครเทียบเขาได้และพลังที่ชั่วร้ายในตัวเขาก็ยิ่งใหญ่เกินไป ซึ่งนี่เป็นกุญแจสู่ชัยชนะของเขานั่นเอง
ชิบะโชโกะนั้นไม่สามารถต้านทานแสงสว่างของมีดคลื่นโลหิตได้ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะหลับตาและในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะให้เวลาเย่เชียนได้ฆ่าเธอแต่แน่นอนว่ามีดของเย่เชียนนั้นไม่ได้แทงเข้าไปในคอของเธอเพราะเหตุผลที่เขาเลือกต่อสู้กับชิบะโชโกะนั่นก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการฆ่าเธอเพียงแต่เขาต้องการข้อมูลและความลับต่างๆจากเธอนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสัตว์และแมลงพิษจำนวนมากคืบคลานออกมาจากร่างกายของชิบะโชโกะแล้วเย่เชียนก็ไม่กล้าที่จะประมาท ดังนั้นเย่เชียนจึงใช้มีดจ่อเข้าไปที่คอของชิบะโชโกะและพูดว่า “คุณแพ้แล้ว”
“ฉันไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง..ฉันหวังว่าคุณเย่จะสามารถให้คำตอบฉันได้” ชิบะโชโกะพูดต่อ “สัตว์พิษทั้งหมดของฉันถูกคัดเลือกมาอย่างดี..และแต่ละตัวต่างก็มีพิษที่ร้ายแรงเพราะงั้นฉันจึงอยากรู้ว่าคุณเย่ฉันใช้อะไรไล่พวกมันออกไปจากคุณ..ฉันอยากรู้ว่าคุณมีอะไรบางอย่างอยู่จริงๆหรือเปล่า?”
“หืม..?” เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นอกจากมีดในมือของผมแล้วก็ไม่มีอะไรเลย..ทำไมล่ะ?” ตัวเย่เชียนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสัตว์พิษพวกนั้นถึงหนีออกไปเมื่อเห็นเขาและหลังจากที่ชิบะโชโกะถามเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ‘ห๊ะ!..หรือมันจะเป็นเพราะมีดเล่มนี้จริงๆ?’
ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะคุ้นเคยกับคำพูดของเย่เชียนแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับสิ่งที่เย่เชียนพูดในตอนนี้ ซึ่งเขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะสามารถพูดติดตลกภายใต้สถานการณ์แบบนี้ได้
.
.
.
.
.
.
.