ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 679 สงครามกลางท่าเรือ ตอนที่ 1
ตอนที่ 679 สงครามกลางท่าเรือ ตอนที่ 1
เมื่อหยานฮั่นรู้ว่าเขาถูกคนอื่นใช้เป็นเหยื่อล่อแล้วแน่นอนว่าเขาต้องไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเย่เชียนนั้นทำเกินไปหน่อยเพราะถ้าหากเย่เชียนบอกกับเขาก่อนเขาก็พอรับได้แต่ทว่าการที่เย่เชียนทำแบบนี้เขาจึงรู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง
“ถ้าจะคิดแบบนั้นมันก็ช่วยไม่ได้” ม่อหลงพูด “ทุกคนล้วนมีจุดยืนและความคิดที่แตกต่างกัน..ถ้าคุณคิดว่าพวกเราหลอกใช้คุณล่ะก็ผมก็ไม่อยากจะเถียง..แต่คุณควรจะขอบคุณพวกเราเลยด้วยซ้ำ” หลังจากพูดจบม่อหลงก็ไม่สนใจหยานฮั่นอีกต่อไป
เมื่อเห็นเช่นนั้นโย่วซวนก็พูดว่า “ผมจะบอกความจริงกับคุณให้นะว่าการส่งตัวหยานฮั่นออกนอกประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ก็เพื่อหลอกล่อหยานฮั่นออกมาแล้วดักฆ่าเขาก่อนที่เขาจะถูกส่งตัวออกจากท่าเรือ..เพราะงั้นพวกคุณไม่มีทางรอดกลับไปได้หรอก”
“เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว..แต่คุณจะทำอะไรผมได้? ..เพราะผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเต็มไปด้วยกับดัก” ม่อหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
“หืม..ถ้าเก่งขนาดนั้นก็รอดออกไปให้ได้สิ” โย่วซวนพูดอย่างเย้ยหยัน “ผมได้ยินมาว่าสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าน่ะแข็งแกร่งมากแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่ใช่อีกแล้ว..หมาป่าเขี้ยวมังกรที่เชี่ยวชาญในการพรางตัวและซุ่มยิงผมพูดถูกไหม? ..แต่ดูเหมือนว่าวันนี้คุณจะใช้ความสามารถเฉพาะตัวของคุณไม่ได้สินะ”
“ไม่เป็นไร..ผมชอบความท้าทายเพื่อที่ผมจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น” ม่อหลงพูดเบาๆ “ถ้างั้นผมก็จะบอกความจริงอีกอย่างกับคุณ..แผนการส่งตัวหยานฮั่นออกจากประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ก็เป็นแค่เพียงแผนหลอกล่อให้คุณมาติดกับที่นี่และไม่ให้คุณเคลื่อนไหวไปไหนได้..เพราะตอนนี้คนของพวกเราทั้งหมดได้ไปที่สำนักงานใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันแล้ว..ตามกำหนดการณ์ที่คาดไว้การต่อสู้ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในหนึ่งชั่วโมง!”
โย่วซวนนั้นถึงกับตกตะลึงเพราะเขามีความชัดเจนมากเกี่ยวกับกำลังรบขององค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ซึ่งถ้าพวกเขาหากไม่มีความช่วยเหลือจากสมาคมังกรดำล่ะก็การถูกเย่เชียนและองค์กรทหารรับจ้างทั้งสองอย่างเขี้ยวหมาป่ากับนีโอมิลิทารี่รวมถึงองค์กรเซเว่นคิลโจมตีพร้อมกันแล้วองค์กรทหารรับจ้างเรดซันที่ไม่ได้เตรียมมาตรการรับมือใดๆ ก็คงจะถึงวาระเป็นแน่สิ่งนี้โย่วซวนตระหนักดีและความผิดพลาดที่เขาทำพลาดในครั้งนี้ก็ร้ายแรงอย่างมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่ความมั่นใจในตัวเองจนเกินไปแล้วมันจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร? การพังทลายขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันทั้งหมดเกิดขึ้นโดยเขาเอง
สิ่งที่ทำให้โย่วซวนกลัวก็คือถ้าหากองค์กรทหารรับจ้างเรดซันถูกทำลายล่ะก็เขาจะถูกสมาคมมังกรดำลงโทษอย่างรุนแรงและเมื่อถึงตอนนั้นสมาคมมังกรดำก็จะไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาสะสมความดีความชอบในการเป็นสายลับแฝงตัวมาหลายปีก็ไม่สามารถชดเชยความผิดพลาดนี้ได้เลยและเป็นไปได้มากที่เบื้องบนของสมาคมมังกรดำจะคิดว่าเขาจงใจปล่อยข่าวเท็จและแปรพักตร์และเขาก็คาดเดาได้เลยว่าจุดจบพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นโย่วซวนก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเขาได้แต่หวังและภาวนาว่าเขาจะรอดไปได้เท่านั้นเอง
เมื่อตระหนักถึงสิ่งต่างๆ แล้วโย่วซวนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องมั่นใจขนาดนั้นหรอกเพราะสิ่งต่างๆ มันยังไม่จบ..ผลแพ้ชนะยังไม่ออกมาเลย..ถึงแม้ว่ากำลังการรบของพวกทหารรับจ้างเรดซันจะไม่ดีเท่าเขี้ยวหมาป่าของคุณแต่คุณก็ต้องชัดเจนนะว่าที่นี่คือประเทศญี่ปุ่นและสมาคมมังกรดำของผมก็มีอำนาจและอิทธิพลมาก..เพราะงั้นต่อให้พวกคุณทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซันไปผมก็มั่นใจได้เลยว่าพวกคุณจะไม่สามารถหลบหนีออกไปจากประเทศญี่ปุ่นได้อย่างแน่นอน..เย่เชียนน่ะฉลาดก็จริงแต่ก็น่าเสียดายนะเพราะพวกคุณจะต้องตายอย่างเปล่าประโยชน์ที่นี่ในคืนนี้”
ม่อหลงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นเหรอ? ..คุณประเมินบอสของผมต่ำไปหน่อยนะ” ทันใดนั้นม่อหลงก็พูดกับมุมมืดๆ ว่า “ชิงเฟิง!..รออะไรอยู่นี่มันยังไม่ถึงเวลาอีกเหรอ”
ทันทีที่เสียงของม่อหลงจบลงเขาก็คว้าเอวของเซี่ยจือยี่เอาไว้แล้ววิ่งไปหลบที่ด้านข้างของรถ หลังจากนั้นก็มีเสียงปืนเก็บเสียงเบาๆ หลายกระบอกดังขึ้นและไม่นานนักเหล่านินจาก็ล้มลงกับพื้นเจ็ดถึงแปดคนทันที “พวกนินจางั้นเหรอ? ..ก็ได้แค่นี้แหละ!” ชิงเฟิงตะโกน “สาวๆ ..ฆ่าพวกมันให้หมด!”
หลังจากนั้นชิงเฟิงก็ได้นำสมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่าพุ่งเข้าไปหาเหล่านินจาตระกูลดันโซทันที ซึ่งม่อหลงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไอ้บ้านี่!” ม่อหลงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนินจาพวกนี้ถึงไม่ชอบใช้ปืนเพราะมีดกับดาบมันดูล้าสมัยไปหน่อย ดังนั้นถ้าหากชิงเฟิงยังคงใช้ปืนยิงต่อเนื่องเรื่อยๆ ล่ะก็นินจาเหล่านี้ก็คงจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับไป แต่ทว่าชิงเฟิงกลับเลือกที่จะใช้การต่อสู้ระยะประชิดซึ่งทำให้ม่อหลงค่อนข้างหดหู่แต่โชคดีที่จำนวนคนของหน่วยกรงเล็บหมาป่าได้เปรียบอย่างมาก ดังนั้นสิ่งต่างๆ จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาในการจัดการกับนินจานินจาเหล่านี้
หลังจากนั้นม่อหลังก็หันไปมองเซี่ยจือยี่กับหยานฮั่นแล้วพูดว่า “พวกคุณอยู่ที่นี่อย่าไปไหนนะ..ผมจะไปช่วยเขา”
“ผมเองก็จะไปด้วย” หยานฮั่นพูด “เป้าหมายของพวกเขาคือผม..ผมทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก”
ม่อหลงก็หันไปมองหยานฮั่นแล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องทำอะไร..ถ้าหากคุณต้องการจะช่วยล่ะก็ถ้างั้นก็ช่วยผมปกป้องเธอหน่อย..ส่วนที่เหลือเดี๋ยวพวกผมจัดการเอง..คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าพวกเราจะรับประกันความปลอดภัยของคุณเนื่องจากบอสของเรารับปากกับคุณเอาไว้ว่าเขาจะส่งคุณออกจากญี่ปุ่นอย่างปลอดภัยเพราะงั้นคุณวางใจได้เลย” จากนั้นเขาก็มองไปที่เซี่ยจือยี่แล้วพูดว่า “คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา..เพราะงั้นก็อยู่ที่นี่และอย่าไปไหน”
เซี่ยจือยี่เองก็มีความชัดเจนมากเกี่ยวกับทักษะของเหล่านินจา ซึ่งคราวที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะม่อหลงปกป้องเธอล่ะก็เธอคือจะต้องตายไปแล้วในคืนนั้น ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการสร้างภาระใดๆ ให้กับม่อหลงอีกเพื่อที่ม่อหลงจะได้ต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ “คุณไปเถอะ” เซี่ยจือยี่พยักหน้าแล้วพูด
เมื่อม่อหลงก้าวออกไปได้สักพักเขาก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “คุณช่วยพูดอะไรดีๆ หน่อยจะได้ไหม..คำว่าไปเถอะคืออะไร? ..จะให้ผมตายไปแบบนี้น่ะหรอ?”
เซี่ยจือยี่ก็ตกตะลึงอย่างมากและมองม่อหลงด้วยความประหลาดใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ม่อหลงหยอกล้อกับเธอ ดังนั้นเธอจึงมีความสุขอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเธอต้องการจะพูดม่อหลงก็รีบวิ่งออกไปเสียแล้ว
เมื่อม่อหลงวิ่งไปถึงชิงเฟิงเขาก็ตะโกนว่า “พวกนินจาดันโซเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษเพราะงั้นทุกคนระวังให้ดีด้วย..ทางที่ดีอย่าเข้าใกล้ถ้าไม่จำเป็น!”
เมื่อเห็นม่อหลงวิ่งเข้ามาชิงเฟิงก็ถึงกับผงะแล้วพูดว่า “พี่ม่อหลง..ไหงเราคุยกับบอสเอาไว้ว่าถ้าหากสถานการณ์ยังไม่เลวร้ายพี่จะไม่เข้ามายุ่งไงล่ะ?”
คำพูดของชิงเฟิงนั้นเหมือนลมพัดโชยมาและกลบเกลื่อนคำพูดของเขาไปเพราะม่อหลงถือปืนไรเฟิลอัตโนมัติและกราดยิงใส่เหล่านินจาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชิงเฟิงก็รู้สึกไม่เร้าใจเพราะเขาอยากที่จะเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้และโอกาสนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เขาจึงไม่เลือกที่จะใช้ปืนแต่เลือกที่จะต่อสู้ระยะประชิดแทน
เมื่อม่อหลงกวาดสายตามองออกไปเขาก็ถึงกับผงะเพราะเขาไม่คิดว่าโย่วซวนจะมีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่อมเช่นนี้ ซึ่งถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองม่อหลงก็ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ เพราะเขาสามารถรับมือกับสมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่าได้ถึงสามคนพร้อมๆ กันและยังสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายอีกด้วย นี่หรือผู้เป็นอาจารย์และแม่ทัพของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง? อย่างไรก็ตามถ้าหากไม่ลองต่อสู้ด้วยตัวเองก็ไม่อาจรู้ได้
เมื่อเห็นเช่นนั้นม่อหลงก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้โย่วซวนและเผชิญหน้ากับเขาและบอกสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าทั้งสามว่า “คุณไปสมทบกับคนอื่นๆ ..เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง” สมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่าทั้งสามก็พยักหน้าแล้ววิ่งออกไปทันที
“ถ้าผมไม่ได้มาเห็นด้วยตาของตัวเองผมคงไม่เชื่อ..โย่วซวนผู้เป็นจ้าวแห่งศิลปะการต่อสู้ขนานแท้!” ม่อหลงพูดเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของโย่วซวน
“คืนนี้ผมจะฆ่าจือยี่ซะ!..ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะไม่ไปช่วยเธอ” โย่วซวนพูด “คุณสามารถใช้เหยื่อล่อได้..ผมเองก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน..การเห็นคนรักตายไปเนี่ยมันคงทรมานที่สุดแล้ว..ผมจะทำให้คุณเสียใจอย่างไม่มีวันลืม”
“เป็นความคิดที่ดีนี่..ถ้าทำได้ก็ลองดู” ม่อหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผมได้ยินมาว่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าแต่ละคนนั้นมีความสามารถที่โดนเด่นและแตกต่างกัน..ส่วนคุณหมาป่าเขี้ยวมังกรที่เก่งด้านการพรางตัวและซุ่มยิงสินะแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณจะต้องต่อสู้ระยะประชิดแบบนี้น่าเสียดายนะว่ามั้ย?”
“ไม่เป็นไร..ผมเองก็อยากจะทดสอบฝีมือของตัวเองเหมือนกัน!” ม่อหลงพูดแล้วแสยะยิ้มเบาๆ
ในเวลานี้การต่อสู้ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเหล่านินจาตระกูลดันโซก็สูญเสียคนไปถึงห้าหรือหกคนแล้วและมีนินจารอดอยู่เพียงหกหรือเจ็ดคนเท่านั้น ส่วนสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าก็บาดเจ็บไปสี่ถึงห้าคนและส่วนใหญ่เป็นเพราะความสามารถและไหวพริบของหน่วยกรงเล็บหมาป่าไม่เช่นนั้นเกรงว่าการสูญเสียจะมากกว่านี้เพราะถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดแต่พวกเธอก็เสียเปรียบเหล่านินจาอย่างมาก
เมื่อเห็นฉากดังกล่าวชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าและถึงแม้ว่าเขาจะผลีผลามไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สนใจความปลอดภัยของพวกพ้อง อีกอย่างถึงแม้ว่าสาวๆ เหล่านี้จะเคยเป็นสมาชิกขององค์กรดาร์คลิลลี่และเคยมีความคับแค้นใจกับเขี้ยวหมาป่ามาก่อนก็ตามแต่ตอนนี้พวกเธอก็เป็นหนึ่งส่วนของเขี้ยวหมาป่าแล้วและยังได้รับการเปลี่ยนชื่อองค์กรเป็นหน่วยกรงเล็บหมาป่า ดังนั้นแน่นอนว่าชิงเฟิงจะต้องรู้สึกโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นพวกพ้องของเขาถูกเหล่านินจาจัดการ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเหล่านินจาจากตระกูลดันโซจะมีทักษะที่สูงเช่นนี้ ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เพราะความได้เปรียบด้านจำนวนคนล่ะก็ชิงเฟิงก็กลัวพวกเขาอาจจะถูกเหล่านินจาของตระกูลดันโซฆ่าตายในคืนนี้เป็นแน่
ในตอนนี้ชิงเฟิงได้แค่หวังเพียงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดเพราะถ้าหากเวลาล่าช้าเกินไปมันจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ต้องการให้พวกพ้องในหน่วยกรงเล็บ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ชิงเฟิงก็ค่อยๆ บุกโจมตีอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นและเดือดดาลอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากที่จะยื้อเวลาก็ตามแต่ม่อหลงก็รู้ดีว่าการต่อสู้กับโย่วซวนนั้นจะต้องไม่ง่ายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามโชคดีที่ม่อหลงติดตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพื่อศึกษาศิลปะการต่อสู้โบราณมานานกว่าหนึ่งปีและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ได้ฝึกฝนเขาอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดจึงทำให้ทักษะของม่อหลงนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างมากรวมกับกริชดาวตกที่เป็นอาวุธวิเศษที่สืบทอดมาในลัทธิม่อจื๊อตั้งแต่สมัยโบราณมาช้านาน ซึ่งภายใต้พลังของศิลปะการต่อสู้โบราณแล้วพลังของมันจึงเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมาก
โย่วซวนเองก็ค่อยๆ เริ่มกดดันและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเพราะเขาเองก็เป็นถึงปรมาจารย์ในตระกูลนินจาดันโซ เขานั้นได้รับการฝึกฝนเป็นนินจาตั้งแต่ยังเด็กและทักษะของเขาก็โดดเด่นที่สุดในยุคนั้น เป็นเพราะเหตุนี้เองที่เขาได้รับการสนับสนุนจากสมาคมมังกรดำและถูกส่งตัวไปยังแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเพื่อทำหน้าที่สายลับแฝงตัว อย่างไรก็ตามภายใต้การโจมตีอันทรงพลังของม่อหลงนั้นโย่วซวนไม่เพียงแต่ไม่ล่าถอยแต่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย ซึ่งทำให้ม่อหลงประหลาดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
.
.
.
.
.
.