ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 685 โค่นบัลลังก์ ตอนที่ 1
ตอนที่ 685 โค่นบัลลังก์ ตอนที่ 1
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? แม้แต่ซานเย่เองก็ยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดของเธอเพราะตั้งแต่ที่เธอติดตามซานเย่เธอก็ทำตัวน่าพึงพอใจมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงแต่เธอจะทำให้ซานเย่มีความสุขเท่านั้นแต่เธอยังช่วยซานเย่แก้ปัญหาสิ่งต่างๆเฉพาะหน้าได้อีกด้วย ดังนั้นซายเย่จึงไว้ใจเธอมากและแทบจะฟังคำพูดของเธอทุกอย่าง
ซานเย่ก็ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ที่รัก..ฉันต้องการความคิดเห็นของคุณจริงๆ..คืนนี้เซี่ยตงไป่โทรหาฉันและบอกให้ฉันไปเข้าร่วมประชุมภายในที่สโมสรของแก๊งพรุ่งนี้เช้า..คุณคิดว่าฉันควรจะไปหรือไม่ไปดี..คุณช่วยฉันตัดสินใจหน่อยสิ”
ฮัวหยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “คุณซาน..อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเลยเพราะเซี่ยตงไป่น่ะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ..ครั้งล่าสุดเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตต่างก็รู้ดีว่าโย่วซวนนั้นเปลี่ยนไป..เพราะงั้นตราบใดที่คุณเสนอความคิดเห็นพวกเขาก็จะสนับสนุนคุณอย่างแน่นอน”
ซานเย่ก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คิดผิดแล้ว..เพราะคนเหล่านั้นจะไม่เห็นด้วยกับฉันอย่างแน่นอนเพราะพวกเขาจะเป็นกลางเสมอ..ขอแค่พวกเขาไม่ช่วยเซี่ยตงไป่ในการคัดค้านแค่นั้นก็พอ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกเพราะหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาต่างก็เคารพคุณซาน..แต่เซี่ยตงไป่กลับโยนทุกอย่างให้โย่วซวนรับผิดชอบเพราะงั้นตราบใดที่คุณซานตัดสินใจล่ะก็ตำแหน่งผู้นำและหัวหน้าแก๊งก็จะเป็นของคุณ..เพราะงั้นพรุ่งนี้จะเป็นงานฉลองสำหรับคุณและฉันก็คิดว่าเซี่ยตงไป่จะเห็นด้วยกับคุณ..เพราะงั้นทำไมเราไม่เตรียมตัวกันเลยล่ะ?” ฮัวหยินพูด
ซานเย่ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน..ฉันสนับสนุนให้เซี่ยตงไป่เป็นหัวหน้าแก๊งมาเกือบสิบปีแล้วเพราะงั้นถ้าฉันทำให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่งได้ฉันก็สามารถดึงเขาลงมาจากตำแหน่งได้เช่นกัน” หลังจากหยุดไปชั่วขณะซานเย่ก็หันไปมองฮัวหยินแล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “สาวน้อย..คุณต้องให้รีบให้กำเนิดลูกของฉันโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะ..เขาจะต้องสืบทอดตำแหน่งของฉันได้เมื่อถึงเวลา”
**************************************************
วันรุ่งขึ้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็จัดการประชุมภายในครั้งที่สี่ในรอบหนึ่งปีและแต่ละครั้งก็ห่างกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น มีการประชุมสองครั้งติดต่อกัน ซึ่งทำให้เหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตหลายคนสงสัย อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเปิดเผยตัวตนสายลับแฝงตัวในครั้งก่อนทางแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจึงได้ก่อตั้งหัวหน้าเขตคนใหม่ถึง 4 คน
เย่เชียนกับหลินเฟิงนั้นก็มาถึงสถานที่จัดประชุมตั้งแต่เช้าตรู่และหลังจากทักทายกันเสร็จพวกเขาก็นั่งแยกกัน ส่วนม่อหลงก็ไม่ได้ยืนข้างเซี่ยตงไป่เหมือนครั้งที่แล้วแต่นั่งอยู่ข้างๆเซี่ยจือยี่อย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากนั้นไม่นานเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตก็มาถึงทีละคนและเหลือเพียงซานเย่เท่านั้นที่ยังไม่ปรากฏตัว เมื่อเห็นเช่นนั้นเซี่ยตงไป่ก็มองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือของเขาพร้อมกับสีหน้าที่ดูจริงจังเล็กน้อยและเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์
ม่อหลงก็หันไปมองเซี่ยจือยี่แล้วพูดว่า “คุณออกไปดูทีว่าซานเย่มาถึงหรือยัง..บอกให้พี่น้องข้างนอกระวังสถานการณ์โดยรอบด้วย”
เซี่ยจือยี่ก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะแล้วรีบพยักหน้าจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทันทีที่เธอมาถึงประตูเธอก็เห็นซานเย่กำลังก้าวเข้ามาโดยมีฟู่คุนเดินตามเขามาอย่างใกล้ชิดและเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องโถงดวงตาของฟู่คุนก็หรี่ลงจากนั้นเขาก็เดินตามซานเย่เข้าไปราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่เย่เชียนก็สามารถสังเกตเห็นแววตาของฟู่คุนได้ ซึ่งเย่เชียนก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาของฟู่คุนนั้นกำลังมองไปทางตำแหน่งของเซี่ยตงไป่ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วและเขาก็งุนงงเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่า ‘หรือนี่จะถึงวาระการล้มล้างบัลลังก์ของเซี่ยตงไป่แล้ว?”
เมื่อเห็นซานเย่เข้ามาคิ้วที่ขมวดกันของเซี่ยตงไป่ก็คลายออกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณซานมาแล้วหรือ..ทุกคนกำลังรอคุณอยู่”
ซานเย่ก็ตอบแค่ “อืม” เบาๆและไม่ได้พูดอะไรต่อ สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดของเซี่ยตงไป่นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของซานเย่เลย ซึ่งทำให้เหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตต่างก็กังวลเล็กน้อย ซึ่งเย่เชียนกับหลินเฟิงนั้นก็เข้าใจเหมือนกันเพราะพวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน อย่างไรก็ตามในวันนี้พวกเขาก็แค่มาฟังสิ่งต่างๆดังนั้นมันจึงดูไม่ดีที่พวกเขาจะแสดงความคิดเห็นอะไรมากเกินไป เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่รอดูว่าสิ่งต่างๆจะดำเนินไปอย่างไร
เหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตในห้องโถงต่างก็ทักทายและแสดงความเคารพซานเย่ทีละคน ซึ่งซานเย่ก็ตอบกลับอย่างเคร่งครัดและหลังจากเดินไปที่ที่นั่งของตัวเองและนั่งลงเขาก็เหลือบไปมองม่อหลงจากนั้นก็กวาดสายตาไปยังเซี่ยตงไป่แต่เขาก็ไม่เห็นโย่วซวนดังนั้นเขาจึงงุนงงและคิดอย่างลับๆพูดว่า ‘เป็นไปได้ไหมที่เซี่ยตงไป่รู้สิ่งต่างๆก่อนดังนั้นเขาจึงไม่ให้โย่วซวนมาที่นี่เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ในการกำจัดตน?’
“ที่ผมนัดพวกคุณมาประชุมในวันนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องบางอย่างที่สำคัญกับพวกคุณทุกคน…” เมื่อเห็นว่าทุกคนมาถึงแล้วเซี่ยตงไป่ก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณเปิดประการประชุม อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบซานเย่ก็ขัดจังหวะเขาว่า “หัวหน้าเซี่ยอย่าเพิ่งรีบร้อนเลย..ฉันคิดว่าเราควรรอคุณโย่วมาก่อนไม่ดีกว่าหรือ” ซานเย่พูด
เซี่ยตงไป่ก็ขมวดคิ้วและมีสีหน้าที่ดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในฐานะหัวหน้าแก๊งแล้วการที่เขาถูกขัดจังหวะในสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่นั้นแน่นอนว่ามันเป็นการเสียหน้าอย่างมากและไม่แปลกที่เขาจะไม่สบอารมณ์ แต่เซี่ยตงไป่ก็ยังระงับความโกรธของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “หืม..คุณซานต้องการอะไรหรือ..ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”
“คำถามแรกคือทำไมคุณโย่วถึงไม่มา?..การประชุมภายในของแก๊งจะขาดเขาไปได้อย่างไร?..หัวหน้าเซี่ยอธิบายให้เราฟังได้ไหม?..หรือเป็นไปได้ไหมว่าคุณโย่วกำลังทำอะไรบางอย่างในขณะที่พวกเรากำลังอยู่ในการประชุม?” ซานเย่พูด
คำพูดเต็มไปด้วยการยั่วยุและเซี่ยตงไป่ก็เต็มไปด้วยความโกรธและเขาก็คิดอย่างลับๆว่า ‘ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะมีจุดประสงค์อื่น’ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเซี่ยตงไป่ก็พูดเบาๆว่า “ว่าแต่คุณซานมีอะไรจะพูดหรือเปล่า?..เราควรเข้าประเด็นหลักของการประชุมหรือจะหารือกันเกี่ยวกับคำถามของคุณกันก่อน?”
“ฉันแค่อยากถามว่าทำไมเขาถึงมานั่งอยู่ตรงนี้” ซานเย่พูดแล้วชี้ไปทางม่อหลงซึ่งนั่งอยู่ตรงด้านหน้าและเป็นตำแหน่งผู้นำเขตหลักของแก๊ง ซึ่งมันเป็นที่นั่งของเหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตแต่ทว่าครั้งนี้เซี่ยตงไป่จัดให้ม่อหลงนั่งในตำแหน่งดังกล่าวซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขายินยอมให้ม่อหลงเข้าสู่การบริหารภายในของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงแล้ว
“แล้วทำไมเขาถึงไม่สามารถนั่งได้ล่ะคะ?” เซี่ยจือยี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อยและอึดอัดใจอย่างมาก
“นี่คือการประชุมภายในของแก๊งฝูชิงของเราและเขาเป็นแค่คนนอกเพราะงั้นเขาจะนั่งในที่นั่งของผู้นำและหัวหน้าเขตได้ยังไง?” ซานเย่พูด
“คุณซานผมเชื่อว่าคุณก็น่าจะทราบความสัมพันธ์ระหว่างม่อหลงกับจือยี่ใช่ไหม?..เพราะงั้นผมจึงอยากให้เขาเข้ามาช่วยบริหารแก๊งฝูชิงของ..คุณมีปัญหาอะไรหรือถ้าเขาจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้” เซี่ยตงไป่พูดเบาๆ ส่วนม่อหลงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพบว่าเย่เชียนนั้นกำลังส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งม่อหลงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย
“เขาจะมารับตำแหน่งผู้บริหารของแก๊งงั้นหรอ” ซานเย่ก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “เขาก็เป็นแค่คนที่มาใหม่และเขาก็ยังเป็นสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอยู่..เพราะงั้นมันคงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ที่จะให้เขาเข้ามาดูแลสิ่งต่างๆของแก๊งฝูชิงของเรา..การที่หัวหน้าเซี่ยทำแบบนี้มันไม่เป็นการดูถูกพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในแก๊งหรอกเหรอ?”
“คุณซาน..คุณเป็นถึงผู้อาวุโสของแก๊งเพราะงั้นผมก็เคารพคุณ..แต่วันนี้คุณยังไม่ได้พิจารณาสิ่งที่คุณพูดออกมา..ในฐานะหัวหน้าแก๊งฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งและถอดถอนหัวหน้าเขตหรือผู้นำเลยใช่ไหม?” เซี่ยตงไป่พูดแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“หัวหน้าแก๊งงั้นเหรอ..คุณทำอะไรบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคุณปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของโย่วซวนทั้งหมด..ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะพี่น้องของเราที่ต่อสู้กันมาอย่างยากลำบากแก๊งของเราก็คงจะถูกยุบไปแล้ว..ตอนนั้นที่ผมสนับสนุนให้คุณรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งก็เพราะว่าผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นแบบนี้เหมือนในตอนนี้..คุณทำให้ผมผิดหวังจริงๆเพราะงั้นการอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมาเป็นเวลาตั้งสิบปีคงจะเพียงพอสำหรับคุณแล้ว..มันถึงวาระที่คุณต้องวางมือแล้ว” ซานเย่พูดอย่างเฉียบขาด
เหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตหลายคนก็เริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของซานเย่เพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนได้รับการสนับสนุนและปลูกฝังโดยซานเย่ แต่มีแค่สามในสิบเท่านั้นที่เห็นด้วยกับซานเย่ส่วนคนที่เหลือก็ยังคงรอดูท่าทีและไม่พูดอะไรใดๆ อย่างที่ซานเย่พูด คนเหล่านี้ล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่อยากได้ตำแหน่งกันทั้งนั้น ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันก็ชัดเจนมากแล้วว่าซานเย่นั้นตั้งใจที่จะขับไล่เซี่ยตงไป่ลงสู่ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งและขึ้นสู่ตำแหน่งแทน ดังนั้นในตอนนี้เหล่าผู้นำและหัวหน้าเขตก็ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายและข้างหนึ่งเป็นของเซี่ยตงไป่ส่วนอีกข้างเป็นของซานเย่ ทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดของเหล่าผู้นำที่เหลือคือไม่พูดอะไรใดๆเลยเพราะเมื่อตัดสินใจหลังจากเห็นสถานการณ์โดยรวมพวกเขาก็ชัดเจนแล้ว
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วงุนงงเล็กน้อยแต่ในใจของเขาดูเหมือนจะไม่แปลกใจสักเท่าไหร่เพราะเขารู้สึกราวกับว่าเซี่ยตงไป่คาดหวังสิ่งนี้เอาไว้เช่นกันและเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เหล่านี้ ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาแค่รู้สึกว่าเซี่ยตงไป่นั้นคงไม่ยอมง่ายๆถึงขนาดนั้น
.
.
.
.
.
.
.