ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 687 โค่นบัลลังก์ ตอนที่ 3
ตอนที่ 687 โค่นบัลลังก์ ตอนที่ 3
ซานเย่ไม่คาดคิดว่าฟู่คุนที่ติดตามเขามาเป็นเวลาหกปีและถูกมองว่าเป็นมือขวาของเขาแต่กลับกลายเป็นสายลับของเซี่ยตงไป่ที่ส่งมาอยู่กับตนนั่นเอง ดังนั้นแผนการทั้งหมดที่เขาเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จึงพังทลายไปอย่างสมบูรณ์และดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะก้าวออกไปจากจุดนี้ได้อย่างยากลำบาก
ซานเย่นั้นเป็นคนที่ผ่านเรื่องต่างๆมามากมายแต่สุดท้ายเขาก็ได้แพ้ให้กับคนใกล้ตัวและเป็นเพราะเขามั่นใจเกินไปและเขาก็ประเมินเซี่ยตงไป่ต่ำเกินไปนั่นเอง
เมื่อได้รับข้อมูลการเคลื่อนไหวและวีรกรรมต่างๆของซานเย่จากฟู่คุนแล้วเซี่ยตงไป่ก็ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “คุณซาน..คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ผมไม่มีอะไรจะพูด..ผมแค่ประเมินคุณต่ำไปก็เท่านั้น..เพราะงั้นคุณชนะผมแล้ว..สาแก่ใจแล้วสินะ” ซานเย่พูดอย่างขุ่นเคืองและความมั่นใจบนใบหน้าก่อนหน้านี้ก็หายไปทันที
“หลักฐานทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะทำให้คุณไม่สามารถอ้างสิ่งต่างๆและปฏิเสธได้เลย..ทั้งยังมีความผิดและแหกกฎของแก๊งอย่างชัดเจนและเจตนา..ไหนลองบอกผมหน่อยสิว่าผมจะต้องทำยังไงกับคุณดี?” เซี่ยตงไป่พูด
ซานเย่ก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “หึ..อย่ามาต่อความยาวสาวความยืดกันเลย..ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหนและผมก็รู้ดีกว่าใครๆ..ศักดิ์ศรีและใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ..เพราะงั้นตั้งแต่ที่ผมทำแบบนี้ผมก็ยินดีที่จะก้าวลงไปในนรกตั้งแต่แรกแล้ว..ดังนั้นก็ทำทุกอย่างที่คุณต้องการซะ..ผมจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ผมทำลงไปเป็นอันขาด!”
เมื่อคำพูดจบลงร่องรอยของความเศร้าโศกก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเซี่ยตงไปราวกับว่าเขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป อย่างไรก็ตามในมุมมองของเย่เชียนนั้นถ้าหากเซี่ยตงไปรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งนานแล้วถ้าอย่างนั้นเรื่องทั้งหมดจึงเป็นเพียงการแสดงและเซี่ยตงไป่เลือกทำแบบนี้เพื่อเอาชนะใจเหล่าผู้นำคนอื่นๆนั่นเอง
ด้วยการถอนหายใจเบาๆเซี่ยตงไป่ก็พูดว่า “หลายปีที่ผ่านมาผมไม่อยากที่จะหยิบยกเรื่องนี้ออกมาพูดเลย..เพราะผมคิดว่าคุณเป็นผู้อาวุโสของแก๊งฝูชิงของเราและเสียสละให้กับแก๊งมานาน..ผมน่ะเข้าใจว่าคุณหลงทางและไม่รู้จะหันหลังกลับยังไง..แต่สุดท้ายก็คุณยังถลำตัวลงไปและยังต้องการตำแหน่งหัวหน้าแก๊งอีก..ผมเองก็เข้าใจกันดีว่าการเลือกหัวหน้าแก๊งคนใหม่นั้นถูกยกเลิกมาสามครั้งแล้วแต่ทุกคนก็เห็นควรด้วย..ยิ่งไปกว่านั้นตราบใดที่คุณมาคุยเปิดใจกับผมล่ะก็ผมจะยอมให้คุณเป็นผู้นำแทน..แต่ทว่าคุณกลับทำอะไรแบบนี้..แก๊งของเรามีกฎอยู่เพราะงั้นถ้าผมไม่ลงโทษคุณแล้วผมจะดูแลแก๊งฝูชิงได้ยังไงในอนาคต?”
“ถ้าคุณต้องการทำอะไรผมก็เชิญ..แต่อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับภรรยาและลูกของผมก็พอ..ผมหวังว่าคุณจะปล่อยครอบครัวของผมไปเพราะพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย” ซานเย่พูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“พอดีผมได้รับข่าวร้ายเมื่อเช้านี้ว่าลูกชายกับลูกสะใภ้และหลานชายของคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา..ซึ่งแพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ทัน..ผมเสียใจด้วย” เซี่ยตงไป่พูด “อย่างไรก็ตามคุณที่เป็นผู้อาวุโสของแก๊งเพราะงั้นผมจะไม่ฆ่าคุณ”
“คุณมันโหดเหี้ยมจริงๆ!” ซานเย่ยืนขึ้นและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดเพราะถ้าเขามองไม่เห็นเบื้องหลังของสิ่งนี้นั่นก็แสดงว่าเขาเป็นคนโง่ที่อยู่ในแก๊งจนถึงทุกวันนี้ เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยตงไป่จะพูดเช่นนั้นแต่ทว่าความจริงแล้วเซี่ยตงไป่จะต้องจัดฉากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเชิงอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างชัดเจนเพราะการถอนรากถอนโคนนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะทำ “คุณเซี่ย!..คุณอย่าได้ภาคภูมิใจนักเลย..ผมเสียใจจริงๆที่สร้างปีศาจอย่างคุณขึ้นไป..สักวันผมจะคืนพวกมันให้กับคุณ!” ซานเย่พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “และแกด้วยฟู่คุน!..ฉันถือว่าแกเป็นลูกน้องคนสนิทและฉันก็ไว้ใจแกไปอย่างไร้ประโยชน์..แกทรยศฉันเพราะงั้นถ้าฉันตายฉันก็จะลากแกลงนรกไปด้วย!”
ทันทีที่คำพูดของซานเย่จบลงเขาก็พุ่งออกไปข้างหน้าและคว้ามีดออกมาแทงเข้าไปที่หลังของฟู่คุนโดยตรงจนมันทะลุออกมาทางหน้าอกด้านหน้า ท้ายที่สุดแล้วซานเย่ก็ได้เข้าร่วมแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กและเคยต่อสู้มาไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งทั้งศึกเล็กและศึกใหญ่ ซึ่งถึงแม้ว่าซานเย่จะอายุมากแล้วและไม่ได้ต่อสู้มานานหลายปีแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทักษะและความสามารถของเขาทั้งหมดจะหายไป เนื่องจากฟู่คุนทรยศเขาแล้วเขาก็ไม่สามารถปล่อยฟู่คุนไปได้และถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายถึงยังไงเขาก็ต้องลากฟู่คุนลงนรกไปกับเขาด้วย
เซี่ยตงไป่ก็ไม่แยแสอีกต่อไปและดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ต้องการช่วยฟู่คุน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเซี่ยตงไป่ต้องการให้ซานเย่ฆ่าฟู่คุนตั้งแต่แรกแล้ว เดิมทีฟู่คุนนั้นหวังที่จะได้รับคำเยินยอสรรเสริญและตำแหน่งที่สำคัญๆแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของซานเย่ ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงของฟู่คุนและอ้าปากเหมือนจะพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไปและร่างกายของเขาก็ค่อยๆล้มลงไปอย่างช้าๆ
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และถอนหายใจเบาๆเพราะด้วยความร้ายกาจและความเจ้าเล่ห์ของเซี่ยตงไป่นั้นทำให้เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถ้าเป็นตัวเขาเองเย่เชียนก็จะทำแบบเดียวกันและจะไม่ช่วยฟู่คุนเพราะทุกคนรู้ว่าถ้าหากฟู่คุนสามารถทรยศต่อซานเย่ได้ฟู่คุนก็สามารถทรยศเซี่ยตงไป่หรือแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงได้เช่นกัน ดังนั้นเซี่ยตงไป่จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมและไม่ต้องลงมือเองอีกต่างหาก
ในโลกนี้ไม่มีคำว่าภักดีและความภักดีก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความได้เปรียบในการต่อรองแต่มันก็ไม่เคยเพียงพอสำหรับการหักหลังใดๆทั้งสิ้น
“กล้าหาญจริงๆ..ช่างกล้าแม้แต่การฆ่าคนที่นี่..ดูเหมือนว่าความผิดในครั้งนี้ผมจะปล่อยไปไม่ได้หรอกนะ” เซี่ยตงไป่ก็ลุกขึ้นและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “จับเขามาคุกเข่าต้องหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”
ถึงแม้ว่าซานเย่จะเกิดมาภายใต้ความยากลำบากและผ่านการต่อสู้มามากมายก็ตามแต่ทว่าตอนนี้เขาก็แก่และอายุมากแล้วเพราะงั้นทักษะการต่อสู้และพละกำลังของเขาจึงไม่เหมือนแต่ก่อน นอกจากนี้ซานเย่เองก็รู้ดีว่าวันนี้ถึงเขาจะดิ้นรนสักแค่ไหนแต่เขาก็คงหนีไม่พ้นความตายอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงล้มการเดินจากไปอย่างเงียบๆและยอมตาย ณ ตรงนี้แทน
“ถ้างั้นผมจะช่วยให้คุณได้ตายอย่างสมใจอยากเอง!” เมื่อเซี่ยตงไป่พูดจบจู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆและสง่างามด้วยใบหน้าที่มีเสน่ห์ซึ่งไม่ใช่ใครแต่เป็นฮัวหยินของซานเย่นั่นเอง
“สาวน้อยเธอมาที่นี่ทำไม..เขาจับเธอมาหรือ?” ซานเย่พูด “ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง..ฉันขออย่างเดียว..อย่าทำร้ายผู้หญิงคนนี้!”
“หึ..ช่างน่าสมเพชจริงๆ..ที่คุณเปลี่ยนไปมันก็เป็นเพราะความรักที่ไร้สาระพวกนี้ด้วยนั่นแหละ!” เซี่ยตงไป่พูดอย่างเย้ยหยัน
ฮัวหยินนั้นไม่สนใจซานเย่แต่เธอกลับเลือกที่จะเดินตรงไปที่เซี่ยตงไป่แล้วโค้งคำนับพร้อมกับพูดเบาๆว่า “หัวหน้าคะ..ภารกิจของฉันก็เสร็จสิ้นแล้วเพราะงั้นฉันก็ไม่อยากอยู่ต่อหน้าตาเฒ่าคนนี้อีกต่อไป”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งสีหน้าของหลินเฟิงก็เหมือนกับเย่เชียนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีท่าทีที่กำลังสงสัยและแน่นอนว่าพวกเขานั้นสงสัยในตัวของหญิงสาวคนนี้จนเย่เชียนกับหลินเฟิงถึงกับต้องมองหน้ากันและส่ายหัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ
เซี่ยตงไป่ก็หัวเราะและโอบฮัวหยินเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “คุณทำงานหนักมาหลายปีแล้วเพราะงั้นตอนนี้คุณสามารถอยู่เคียงข้างฉันและช่วยฉันในทุกๆเรื่องได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า..คุณใจดีมาก!” ฮวยหยินพูดอย่างสุภาพและจูบเซี่ยตงไป่ที่แก้มด้วย ซึ่งฉากนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจในทันทีและแม้แต่เซี่ยจือยี่เองก็ประหลาดใจเช่นกันและมีร่องรอยของความไม่สบอารมณ์และความเศร้าอยู่บนใบหน้าของเธอ
เมื่อเห็นฉากนี้ซานเย่ก็รู้สึกหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์อย่างมากและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง เพราะตลอดเวลาที่เขาย่างกายเข้าที่นี่เขาก็พบแต่ความผิดหวังและสิ่งต่างๆก็เกิดขึ้นเพราะคนสองคนที่เขาไว้วางใจมากที่สุด “เซี่ยตงไป่..แกมันเฒ่าหัวงู!..หึหึ..ข้าไม่เสียใจหรอกเพราะสักวันหนึ่งแกจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เลวร้ายมากกว่าที่ฉันพบเจอมา!” เมื่อซานเย่พูดจบ เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“คนกำลังจะตายแต่ยังกล้าปากดีอยู่อีเหรอ?..พาเขาไปขังซะและช่วยดูแลเขาอย่าปล่อยให้เขาฆ่าตัวตายเพราะฉันต้องการสอบสวนเขาเป็นการส่วนตัว!” เซี่ยตงไป่พูดอย่างจริงจังและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความชั่วร้ายจนทันใดนั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าเขานั้นไม่รู้จักเซี่ยตงไป่เลยหรือพูดอีกอย่างก็คือเขาไม่เคยรู้จักเซี่ยตงไป่คนที่อยู่ข้างหน้าของเขาในตอนนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้เซี่ยตงไป่นั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง
การที่เย่เชียนเลือกที่จะร่วมมือกับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั้นนอกจากความสัมพันธ์ของกัปตันเทียนเฟิงกับเซี่ยตงไป่แล้วมันก็ไม่มีอะไรอื่นอีก ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเซี่ยตงไป่จะเป็นคนที่เจ้าเล่ห์และปลอมตัวแสดงละครเก่งเกินคาดอย่างยิ่ง ดังนั้นในสายตาของเย่เชียนแล้วเซี่ยตงไป่นั้นเป็นเพื่อนที่ไม่คู่ควรกับเป็นพันธมิตรจริงๆ ดังนั้นเย่เชียนจึงกังวลเกี่ยวกับการร่วมมือในอนาคตเพราะเย่เชียนนั้นก็ไม่รู้ว่าวันใดวันหนึ่งเซี่ยตงไป่จะขายเพื่อนและพวกพ้องและทรยศเขี้ยวหมาป่าเพื่อผลประโยชน์หรือไม่นั่นเอง
นอกจากนี้เซี่ยตงไป่ยังมีหญิงสาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมารยาข้างๆซึ่งเธอเผยให้เห็นความชั่วร้ายในตัวเธออย่างยิ่งจนเย่เชียนและหลินเฟิงนั้นรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาและยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดูจากคำพูดและการกระทำของเธอผู้นี้แล้วเธอดูไม่เหมือนคนจีนแต่ดูเหมือนหญิงสาวชาวญี่ปุ่นมากกว่า ซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกไม่สบายใจเพราะนี่คือประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเหมือนสนามหลังบ้านของสมาคมมังกรดำ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ใช่สายลับของสมาคมมังกรดำ
เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงเองก็มีความกังวลเช่นเดียวกันกับเย่เชียนเพราะคิ้วของเขาก็ขมวดแน่นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถึงแม้ว่าการกระทำของเซี่ยตงไป่ในปัจจุบันจะเข้าใจได้ในเชิงของการบริหารองค์กรก็ตามแต่มันก็ไม่ใช่วิธีที่ดีอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี่ก็เป็นเรื่องภายในของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ดังนั้นเย่เชียนกับหลินเฟิงจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้และไม่คิดที่จะเข้าไปแทรกแซง แต่ทว่าเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ในการร่วมมือกันกับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงแล้วเย่เชียนกับหลินเฟิงจึงต้องคำนึงถึงอันตรายที่เกี่ยวข้องและสุ่มเสี่ยงทั้งหมด
“พ่อคะ!..เธอเป็นใคร?” เซี่ยจือยี่ถามด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
“จือยี่อย่าเข้ามายุ่ง!..เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเมื่อกลับไปถึงบ้าน” เซี่ยตงไป่ตะคอกจากนั้นก็เหลือบมองไปที่เหล่าหัวหน้าเขตและผู้นำห้องโถงแล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าพวกคุณทุกคนสนับสนุนซานเย่มากแค่ไหนและผมก็รู้ดีว่าพวกคุณกับซานเย่นั้นเกี่ยวข้องกันยังไง..แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก..ผมแค่หวังว่าพวกคุณจะสามารถทำงานร่วมกันได้เพื่อทำให้แก๊งฝูชิงของเราพัฒนาไปอย่างรุ่งโรจน์”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเซี่ยตงไป่ก็พูดต่อ “เอาล่ะ..การเรียกทุกคนมายังที่นี่ในวันนี้นั้นอย่างแรกคือต้องอธิบายให้ทุกคนฟังว่าคุณซวนนั้นเป็นสายลับของสมาคมมังกรดำ..ส่วนอีกเรื่องก็เป็นการก่อกบฏของซานเย่เพราะงั้นผมอยากจะขอความคิดเห็นของพวกคุณ..เรื่องแรกเป็นเรื่องที่ซานเย่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะงั้นเราจึงมีความจำเป็นต้องแต่งตั้งผู้นำคนใหม่..ไม่ทราบว่ามีใครที่เหมาะสมหรือมีความคิดเห็นบ้างหรือเปล่า? ”
.
.
.
.
.
.
.