ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 689 หญิงสาวผู้ลึกลับ ตอนที่ 2
ตอนที่ 689 หญิงสาวผู้ลึกลับ ตอนที่ 2
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเย่เชียนก็พูดพลางหัวเราะเบาๆว่า “ฮ่าๆ..คุณฮัวหยินนั่นก็เป็นเพียงคำร่ำลือที่ไร้สาระจากผู้คนเฉยๆน่ะ”
“คุณเย่อ่อนน้อมถ่อมตนเกินไป..ถ้ามีโอกาสฉันก็มีคำถามอีกมากที่จะถามคุณเย่..เพราะงั้นฉันหวังว่าคุณเย่จะไม่ลังเลที่จะสอนฉันนะคะ” ฮัวหยินพูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
“ถ้ามีโอกาสเราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆกันได้เสมอ” เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้ม
ฮัวหยินก็หันมามองหลินเฟิงแล้วพูดว่า “ฉันเคยได้ยินวิชาลับไร้เงาขององค์กรเซเว่นคิลมาตั้งนานแล้ว..พวกคุณสามารถฆ่าคนราวกับล่องหนได้..โอ้..การได้พบราชาแห่งโลกทหารรับจ้างกับสุดยอดนักฆ่าพร้อมๆกันนี่ช่างเป็นเกียรติของฉันจริงๆ”
อาจเป็นไปได้ว่าหลินเฟิงนั้นไม่สามารถรู้สึกได้เพราะเขาแค่จับมือกับฮัวหยินเบาๆและปล่อยมือออกไม่เหมือนกับเย่เชียนที่สามารถสัมผัสได้ ซึ่งโชคดีที่หลินเฟิงไม่เข้าใจไม่เช่นนั้นหลินเฟิงคงจะฆ่าเธอและหลินเฟิงก็ไม่สนใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซี่ยตงไป่นั้นเป็นอย่างไรเพราะถ้าเขารู้ว่าเธอกำลังหยอกล้อตนอยู่หลินเฟิงคงจะไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
“คุณฮัวหยินก็เยินยอผมเกินไปเพราะการเปรียบเทียบผมกับน้องเย่ทำให้ผมละอายใจจริงๆ..เขาน่ะเป็นราชาตัวจริงแต่ผมเป็นแค่นักฆ่าในเงามืดผมไม่สามารถไปเทียบกับเขาได้หรอก..คุณต่างหากที่อายุเพียงเท่านี้แต่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำของแก๊งฝูชิงได้และยังได้รับความไว้วางใจจากคุณเซี่ยอีก..คุณต้องมีอนาคตที่สดใสจริงๆ..ผมเองก็ต้องรบกวนคุณในอนาคตและผมก็หวังว่าคุณฮัวหยินจะยินดีนะครับ” หลินเฟิงไม่แยแสเพราะถึงแม้ว่าคำพูดจะสุภาพมากแต่การแสดงออกของเขาก็แข็งทื่อมากเช่นกัน
“ฮ่าๆ..อย่าพูดแบบนั้นสิ..ถ้ามีโอกาสฉันก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” เซี่ยตงไป่พูดแทน “เรื่องในวันนี้ทำให้คุณสองคนต้องเสียเวลา..เฮ้อ..ภายในแก๊งของฉันกลับมีคนทรยศมากมายจนฉันรู้สึกละอายใจจริงๆที่พบเจอมันครั้งแล้วครั้งเล่า”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยพี่ใหญ่” เย่เชียนพูดต่อ “เมื่อพี่ใหญ่วางแผนเอาไว้ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณอยู่แล้ว..ผมเชื่อว่าแก๊งฝูชิงจะสามารถพัฒนาและเติบโตภายใต้การดูแลของพี่ใหญ่..ผมเชื่อว่าในอนาคตจะไม่มีอะไรสามารถมาหยุดยั้งพวกเราได้ถ้าพวกเราร่วมมือกัน”
“เป็นเกียรติอย่างมากที่ฉันได้รับคำชมจากน้องเย่” เซี่ยตงไป่พูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตามผมก็ต้องขอบคุณพี่ใหญ่..ว่าแต่ตอนนี้มีการติดต่อจากแก๊งฉ่างหลีจากสหรัฐและหวังหูจากประเทศจีนบ้างหรือเปล่า..พวกเขาจะมาถึงประเทศญี่ปุ่นตอนไหนกัน?”
“อาจใช้เวลานานสักหน่อย..ฉันเพิ่งติดต่อไปหาพวกเขาเมื่อวานนี้และพวกเขาก็บอกว่ากำลังเตรียมการกันอยู่..ถ้าฉันคาดการณ์ไม่ผิดพวกเขาน่าจะมาถึงภายในครึ่งเดือนนับจากนี้” เซี่ยตงไป่พูดต่อ “น้องเย่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก..เพราะงั้นก็ผ่อนคลายได้เลย..ฉันสัญญาเลยว่าเราจะต้องทำลายแก๊งยามากุจิให้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณมากครับพี่ใหญ่..ผมรู้สึกโล่งใจมาก..เนื่องจากพี่ใหญ่พูดแบบนั้นผมก็ไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป..แต่ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผมมาได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
“ได้เสมอ” เซี่ยตงไป่พูด “น้องเย่..คุณหลิน..ตอนนี้ก็มีเวลาพอสมควรเพราะงั้นทำไมเราไม่ไปดื่มกันสักหน่อยล่ะ”
เย่เชียนก็ยกข้อมือขึ้นเพื่อตรวจสอบเวลาบนนาฬิกาข้อมือจากนั้นเย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ครับพี่ใหญ่..แต่ผมกับพี่หลินยังมีธุระที่ต้องทำอยู่..เอาไว้วันอื่นดีกว่าผมต้องขอโทษจริงๆ”
“ฉันเข้าใจๆ..ถ้างั้นก็แยกย้ายกันไปทำธุระเถอะ..ถึงยังไงพวกเราก็ยังมีเวลาอีกเยอะเพราะงั้นเอาไว้ดื่มด้วยกันวันอื่นก็ได้” เซี่ยตงไป่พูด
“ผมต้องขอโทษจริงๆครับ..ถ้างั้นผมกับพี่หลินขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากเย่เชียนพูดจบเขาก็จับมือกับเซี่ยตงไป่และหันไปเหลือบมองฮัวหยิน ซึ่งฮัวหยินก็ยิ้มให้เย่เชียนเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังยั่วยวนเย่เชียนและเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่หันกลับไปมองที่เซี่ยตงไป่แต่โชคดีที่เซี่ยตงไป่ไม่ได้สังเกตเห็น
หลินเฟิงก็เพียงแค่กล่าวคำอำลากับเซี่ยตงไป่แล้วจากไปพร้อมกับเย่เชียน ซึ่งหลินเฟิงนั้นมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อเซี่ยตงไป่ ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของเย่เชียนล่ะก็หลินเฟิงก็ไม่คิดที่จะมองหน้าเซี่ยตงไป่เลย ยิ่งไปกว่านั้นการที่หลินเฟิงได้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้จึงทำให้ความประทับใจของหลินเฟิงที่มีต่อเซี่ยตงไป่ก็ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมอีก ดังนั้นแน่นอนว่าหลินเฟิงจะไม่สุภาพกับเซี่ยตงไป่เหมือนกับเย่เชียน
หลังจากออกจากสโมสรแล้วเย่เชียนกับหลินเฟิงก็ขึ้นรถและสตาร์ทรถแล้วขับตรงไปที่โรงแรมทันที
“พี่เย่นี่เสน่ห์แรงจริงๆ..ดูเหมือนว่าฮัวหยินจะชอบนายนะ” จะตามคุณ” หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อยและพูด
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “พี่หลินอย่าล้อฉันเล่นอีกเลย..เสน่ห์อะไรกันผมคิดว่ามันเป็นหายนะเลยด้วยซ้ำ..ว่าแต่พี่หลินคิดยังไงกับผู้หญิงคนนี้บ้าง..ผมว่าเธอแปลกๆ”
หลินเฟิงก็พูดว่า “เมื่อดูจากผิวเผินแล้วผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะอ่อนแอแต่เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้..นอกจากนี้ ใบหน้าที่ประจบประแจงของเธอก็ทำให้ผู้คนหลงเสน่ห์จนไม่อาจต้านทานได้..ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีจุดประสงค์ในการเข้าใกล้แก๊งฝูชิงอย่างแน่นอน..ฉันคิดว่าเซี่ยตงไป่นั้นมั่นใจเกินไปว่าจะควบคุมเธอได้..ฉันคิดว่าเขาคิดผิดแล้ว”
“หืม..ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เย่เชียนพูดด้วยความสนใจ
“จำที่ฉันพูดได้ไหมว่าองค์กรนินจาที่ใหญ่ที่สุดมีสามตระกูลในประเทศญี่ปุ่น..เพราะนอกจากตระกูลฟูมะและตระกูลดันโซแล้ว ตระกูลที่ลึกลับที่สุดคือตระกูลฮัตโตริ..แต่ไม่รู้สิฉันอาจคิดไปเองว่าเธอคนนี้อาจเป็นคนของสำนักชาโด้ซากุระ” หลินเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูด
“ชาโด้ซากุระ?” เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วถาม
“ใช่..ออร่าที่อยู่รอบๆตัวเธอนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาสามารถมีได้และมันต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด..ซึ่งพวกสำนักชาโด้ซากุระนั้นเก่งด้านเสน่ห์และมีทักษะการต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกตระกูลนินจาอิงะเลย..พวกเธอทั้งหมดเป็นผู้หญิงและพวกเธอมักจะฆ่าศัตรูโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวจนยากที่จะป้องกันได้” หลินเฟิงพูด
“ชาโด้ซากุระ?..จุดประสงค์ที่เธอมาที่แก๊งฝูชิงคืออะไร..พี่หลินรู้ไหมว่าสำนักชาโด้ซากุระนั้นสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคไหน?..หรือว่าพวกเธอรับงานเพื่อเงินเท่านั้น?” เย่เชียนถาม
หลินเฟิงก็ส่ายหัวเบาๆแล้วตอบว่า “เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่..เพราะสำนักชาโด้ซากุระนั้นลึกลับพอๆกับตระกูลฮัตโตริและสำนักต่างก็มีตัวตนทางกฎหมายเป็นความลับ..ฉันบอกได้เลยว่าผู้หญิงที่สวยๆทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นคนของสำนักชาโด้ซากุระกันทุกคน..นอกจากนี้แล้วฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชาโด้ซากุระเลย”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าผมคงต้องถามพี่ไป๋ฮวยสินะ..หลังจากกลับไปผมจะลองถามเขาดูว่าเขามีข้อมูลอะไรบ้าง..ซึ่งถ้าฮัวหยินเป็นคนจากสำนักชาโด้ซากุระจริงๆล่ะก็เรื่องต่างๆมันคงไม่ง่ายและมันต้องซับซ้อนกว่าเดิมหลายเท่าอย่างแน่นอน” หลังจากหยุดชั่วคราว เย่เฉียนถามอีกครั้ง: “พี่หลิน คุณคิดอย่างไรกับเซี่ยตงไป๋?”
“ไม่ใช่ว่าฉันจะพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเขาหรือลับหลังนะ..ฉันแค่คิดว่าเซี่ยตงไป่น่ะเจ้าเล่ห์เกินไปและไม่คู่ควรกับการเป็นเพื่อนหรือพันธมิตรเลย..ดูเรื่องต่างๆในวันนี้เป็นตัวอย่างสิ..ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้มันอาจจะไม่ผิดสำหรับแก๊งฝูชิงเพราะเขาทำให้สมาชิกทั้งหมดมีความเกรงกลัวต่อเขา..แต่ทว่าเมื่อลองคิดดูดีๆเขาคนนี้ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์มาก..สักวันหนึ่งเขาอาจจะทรยศเราก็ได้เพราะฉะนั้นก็ระมัดระวังเขาเอาไว้และอย่าจริงใจเกินไปไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำถ้าเราถูกเขาขายเพื่อนหรือทรยศ”
“ใช่!..ผมเคยประเมินเขาต่ำไปก่อนหน้านี้แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้..ซึ่งครั้งนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าพวกเราอาจจะกลายเป็นเบี้ยของเขาแล้วและเขาก็ใช้พวกเราเป็นตัวหมาก..แต่ก็นะ..อันที่จริงแล้วผมไม่ได้คิดที่จะเป็นพันธมิตรกับแก๊งฝูชิงหรอก..เพราะงั้นถ้าเซี่ยตงไป่คิดจะทำอะไรกับพวกเราล่ะก็ผมจะถอนรากถอนโคนแก๊งฝูชิงและทำลายมันให้สิ้นเอง” เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“ฉันคิดว่าเขาคงจะคาดการณ์เรื่องนั้นเอาไว้เหมือนกัน..เพราะไม่งั้นเขาไม่ให้ม่อหลงเข้าไปจัดการสิ่งต่างๆของแก๊งหรอก..เพราะเขาก็รู้ทั้งรู้ว่าม่อหลงนั้นเป็นสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าแต่เขาก็ยังให้ม่อหลงอยู่ในแก๊งฝูชิงแบบนี้แล้วยังให้ตำแหน่งที่สูงอีกต่างหาก..เพราะงั้นฉันคิดว่าเขาต้องการใช้ม่อหลงเพื่อป้องกันนายจากการทำลายแก๊งฝูชิงในอนาคตด้วยการมอบลูกสาวให้กับม่อหลงและเกลี้ยกล่อมปลูกฝังม่อหลง”
“ฮ่าๆ..ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเซี่ยตงไป่ก็ประเมินพี่น้องเขี้ยวหมาป่าของผมต่ำเกินไปแล้ว” เย่เชียนพูดอย่างมั่นใจ “เขาไม่เพียงแค่ประเมินผมต่ำเกินไปแต่ยังประเมินม่อหลงต่ำเกินไปด้วย..เอาจริงๆไหมว่าตัวตนที่แท้จริงของม่อหลงน่ะแม้แต่ผมเองก็ต้องไว้หน้าเขาเลย..เพราะงั้นถ้าหากเซี่ยตงไป่คิดที่จะทำอะไรกับม่อหลงจริงๆล่ะก็อนาคตและชีวิตของเซี่ยตงไป่คงจะดับสูญอย่างแน่นอน”
ม่อหลงคือใคร? เขาก็คือผู้สืบทอดของลัทธิม่อจื๊อที่สามารถบัญชาการเหล่าสาวกนับพันที่หลับใหลอยู่ทั่วโลกได้ ถึงแม้ว่าการต่อสู้ระหว่างสาวกอธรรมและสาวกธรรมะจะทำให้สำนักม่อจื๊อแตกออกเป็นสองฝ่ายก็ตาม อย่างไรก็ตามเนื่องจากคนอย่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังสามารถดำรงอยู่ได้นั่นก็หมายความว่ายังมีสาวกอีกมากที่ยังหลับใหลและรอวันหวนคืนอยู่ ซึ่งถึงแม้ว่าม่อหลงจะไม่มีพลังของสาวกอธรรมแล้วก็ตามแต่ทว่าแค่สาวกธรรรมะเพียงฝ่ายเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เซี่ยตงไป่และแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงพังทลายย่อยยับแล้ว
นี่เป็นครั้งที่สองที่เย่เชียนพูดถึงตัวตนของม่อหลงซึ่งทำให้หลินเฟิงสับสนมากขึ้นเกี่ยวกับตัวตนของม่อหลง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนไม่ได้พูดอะไรต่อดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่อยากที่ถามต่อเพราะถ้าหากเย่เชียนไม่พูดออกมาเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถามอะไร
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ดูเหมือนว่าผมต้องโทรหาหวังหูกับคูลอฟส์อังเดรแล้วสินะ..ผมไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาถูกเซี่ยตงไป่หลอกได้”
เดิมทีเย่เชียนนั้นคิดว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะช่วยสิ่งต่างๆได้แต่ตอนนี้เย่เชียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเร่งทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จเพราะเรื่องนี้มันยังไม่ชัดเจนดังนั้นเย่เชียนก็จะไม่ยกเลิกแผนการกวาดล้างองค์กรใต้ดินของประเทศญี่ปุ่นไปอย่างง่ายดายอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาต้องระมัดระวังทุกสิ่งทุกอย่างให้มากกว่าเดิมอย่างมาก
.
.
.
.
.
.
.