ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 692 ความกังวลของซ่งหลัน
ตอนที่ 692 ความกังวลของซ่งหลัน
การแก้ไขความขัดแย้งของตระกูลฟูมะกับตระกูลดันโซผ่านการแข่งขันศิลปะการต่อสู้นั้นไม่ใช่สิ่งที่เย่เชียนหวังที่จะได้เห็น เพราะเมื่อตระกูลนินจาเหล่านี้เปลี่ยนการแข่งขันการต่อสู้ให้เป็นสงครามจิตวิทยานั้นมันก็มีผลเสียกับเย่เชียนถ้าหากตระกูลฟูมะแพ้ล่ะก็สมาคมมังกรดำก็จะหันมาสนใจเย่เชียนกับเขี้ยวหมาป่าและเริ่มจัดการกับเย่เชียนต่อนั่นเอง
เย่เชียนก็หันหน้าไปเหลือบมองที่หลินเฟิงซึ่งเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงก็มีความคิดเช่นเดียวกับเย่เชียนและทั้งสองก็มองหน้ากันและยิ้มจากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของคาเอดะแล้วชิบะชิเงโอะก็พยักหน้าจากนั้นก็เหลือบมองที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ผมได้ยินมาว่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่านั้นก็ต่อสู้เก่งระดับปรมาจารย์เลยไม่ใช่หรอครับ..ไม่ทราบว่าคุณเย่สนใจจะส่งคนของคุณมาเข้าร่วมหรือเปล่า?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชิบะพวกผมน่ะต่อสู้ได้แต่ถ้าเป็นการแข่งขันแล้วมันคงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่..ที่ผมมาในคราวนี้ก็เพื่อมาชมศิลปะการต่อสู้ของประเทศญี่ปุ่นก็เท่านั้น”
“คุณเย่ช่างถ่อมตัวจริงๆ..แต่ก็นะคงจะเป็นการดีกว่าถ้าคุณจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวังวนนี้อย่างไม่คิดหน้าไม่คิดหลัง” ชิบะชิเงโอะพูดพร้อมกับเล่นสำนวนการใช้คำ
เย่เชียนนั้นสามารถเข้าใจความหมายของชิบะชิเงโอะได้เพราะเขากำลังเตือนเย่เชียนว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างตระกูลฟูมะกับสมาคมมังกรดำและอย่าคิดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว ทางด้านของเย่เชียนก็ยิ้มอย่างเฉยเมยและไม่ได้พูดอะไรใดๆตอบ
“แบบนั้นจะดีสำหรับตัวคุณเอง” ชิบะชิเงโอะเหลือบมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “ผมหวังว่าคุณเย่จะจำคำพูดของผมเอาไว้..ถ้าคุณเห็นลูกสาวของผม..คุณช่วยเกลี้ยกล่อมเธอให้เธอกลับบ้านด้วยเพราะการอยู่ข้างนอกคนเดียวมันอันตรายมาก” หลังจากชิบะชิเงโอะพูดอย่างเป็นนัยๆจบแล้วเขาก็เดินไปยังสนามการแข่งขัน การที่ชิบะชิเงโอะสามารถอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าของสมาคมมังกรดำได้นั้นแน่นอนว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นไม่ว่าเย่เชียนจะพูดอะไรหรือการเปลี่ยนท่าทางการแสดงออกเพียงเล็กน้อยนั้นชิบะชิเงโอะก็ต้องสามารถรู้ตัวได้
เมื่อเห็นชิบะชิเงโอะจากไปคาเอดะก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์จากนั้นเหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “คุณเย่ครับ..ผมเกือบลืมบอกคุณไปอย่างหนึ่ง”
“มีอะไรหรอครับ..ถ้าคุณคาเอดะอยากจะพูดก็พูดออกมาตรงๆได้เลย” เย่เชียนพูด
“คุณปู่ของผมเชิญชวนคุณเย่ไปเยี่ยมบ้านตระกูลฟูมะของผม..ถ้าคุณเย่มีเวลาว่างก็ให้เกียรติมาหน่อยนะครับ” คาเอดะพูด
“คุณปู่ของคุณ?” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยความสงสัย
“ใช่..คุณปู่ของผม..ผู้อาวุโสแห่งตระกูลฟูมะและผู้นำของตระกูลนินจาอิงะฟูมะฮายาคุจิ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยเย่เชียนก็พูดว่า “เนื่องจากผู้อาวุโสแห่งตระกูลฟูมะเชิญชวนผมล่ะก็ผมจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง?”
“ปู่ของผมท่านรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเขี้ยวหมาป่าเช่นกัน..เมื่อเร็วๆนี้องค์กรทหารรับจ้างเรดซันถูกทำลายในชั่วข้ามคืนเพราะงั้นเรื่องนี้ก็ทำให้ปู่ของผมหันมาสนใจคุณเย่ด้วยความชื่นชม..ดังนั้นท่านจึงอยากจะเชิญคุณเย่ไปพบ..นอกจากนี้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปกับฟูมะกรุ๊ปต่างก็เป็นพันธมิตรที่ร่วมมือกันเชิงธุรกิจอยู่แล้วและยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องพึ่งพาคุณเย่ในอนาคต..ยิ่งไปกว่านั้นคุณเย่มาจากต่างแดนแบบนี้และคุณเย่ก็ได้ยินสิ่งที่ชิบะชิเงโอะพูดเมื่อครู่นี้ไหมครับ?..ในตอนนี้สมาคมมังกรดำกำลังโกรธเกรี้ยวที่คุณเย่ทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซันและนั่นก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อเขี้ยวหมาป่าได้เพราะพลังของเขี้ยวหมาป่านั้นก็ชัดเจนสำหรับทุกคน..แต่ที่นี่คือประเทศญี่ปุ่นเพราะงั้นถ้าคุณเย่ต้องการที่จะพัฒนาที่นี่คุณก็ต้องการพันธมิตรที่ดีใช่ไหม?..คุณเย่คิดว่าไงบ้าง?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สิ่งที่คุณคาเอดะพูดมาก็สมเหตุสมผลมาก..เพราะการทำธุรกิจในปีนี้เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆดังนั้นเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจึงต้องการพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นเพราะงั้นผมจึงต้องรบกวนคุณคาเอดะอีกมาก..เนื่องจากผู้อาวุโสเชิญชวนผมขนาดนี้ผมจะปฏิเสธได้ยังไง..ผมคงจะไร้มารยาทมาก..ถ้างั้นวันนี้หลังจากการแข่งขันศิลปะการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วผมจะไปเยี่ยมผู้อาสุโสฟูมะเลยก็แล้วกัน?”
“ได้ครับ..ผมจะไปแจ้งคุณปู่ของผมและให้เขาเตรียมตัวรอ” คาเอดะพูด “คุณเย่เชิญเข้าไปข้างในก่อนครับ”
เย่เชียนก็พยักหน้าและทุกคนก็เดินไปที่สนามการแข่งขันแต่เพราะเป็นบริเวณ VIP ผู้คนจึงไม่เยอะและส่วนใหญ่ก็เป็นคนมีฐานะ ซึ่งเย่เชียนก็จดจำรูปลักษณ์ของพวกเขาทีละคนเพื่อที่เขาจะได้ทำสิ่งต่างๆในอนาคตได้อย่างราบรื่น ยิ่งไปกว่านั้นหลินเฟิงก็กระซิบแนะคนที่เขารู้จักให้เย่เชียนฟังข้างๆหูของเขา
ครั้งนี้มีคนมาเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันศิลปะการป้องกันตัวและศิลปะการต่อสู้เยอะมาก แถมยังมีคนใหญ่คนโตในวงการทหารและการเมืองและธุรกิจมากมาย ทั้งผู้นำตระกูลฟูมะ ฟูมะไคโตะ ผู้นำตระกูลดันโซ ดันโซบายาชิ ต่างก็เข้าร่วมด้วย ซึ่งหลังจากได้ยินการแนะนำของหลินเฟิงแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านอาหารในวันนั้นว่าดันโซบายาชิคนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆที่ต้องการใส่ร้ายป้ายสีและโยนความผิดให้กับตระกูลฮัตโตริเพื่อให้ตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตริขัดแย้งกัน
ตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตรินั้นมีความคับแค้นใจต่อกันมาเป็นเวลานานและเพียงเพราะว่าเวลาในปัจจุบันนั้นอยู่ในยุคที่ไร้สงครามไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ที่ร้านอาหารของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงคงจะเป็นตัวจุดชนวนสงครามระหว่างตระกูลนินจาไปเสียแล้ว เพราะคาเอดะนั้นคือทายาทและผู้สืบทอดตระกูลฟูมะในอนาคตและเป็นหลานชายสุดที่รักของฮายาคุจิและในอนาคตเขาก็จะได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้นำของสำนักนินจาอิงะ ดังนั้นการที่ตระกูลฮัตโตริกล้าส่งคนมาลอบสังหารเขาและถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดๆก็ตามถึงยังไงฟูมะฮายาคุจิก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อกวาดล้างตระกูลฮัตโตริเป็นแน่ แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองตระกูลนั้นไม่ได้คาดคิดเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการของตระกูลดันโซ ดังนั้นเย่เชียนต้องบอกเลยว่าดันโซบายาชิคนนี้น่ากลัวมาก
หลังจากมาถึงห้องส่วนตัวVIPที่ชั้นสองแล้ว คาเอดะก็บริการอำนวยความสะดวกเย่เชียนกับคนอื่นๆแล้วเดินออกไป ซึ่งการตกแต่งห้องส่วนตัวนั้นมีความโดดเด่นและสง่างามมากซึ่งสอดคล้องกับสถานะของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชนชั้นสูงโดยมีโซฟาสุดหรูโต๊ะกาแฟและชุดน้ำชาพร้อมให้บริการและพนักงานเสิร์ฟก็พร้อมเสมอ ที่ด้านหน้าเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ด้านเดียวและสามารถเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากด้านในได้แต่คนด้านนอกจะไม่สามารถมองเห็นภายในได้เลย
ตลอดเวลาคาเอดะนั้นทำตัวสุภาพมากจนเย่เชียนเกือบจะคิดว่าคาเอดะคนนี้เลิกคิดเรื่องการจีบซ่งหลันและไม่พร้อมที่จะแข่งขันกับตนไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามไม่ว่าคาเอดะจะซ่อนตัวได้ดีเพียงใดแต่สิ่งต่างๆในดวงตาของเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ ซึ่งมันมีความขุ่นเคืองเล็กน้อยนั้นโดยบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าคาเอดะคนนี้ยังไม่ยอมแพ้
หลินเฟิงยังสังเกตเห็นความแปลกประหลาดจากการแสดงออกของคาเอดะได้ ซึ่งหลังจากที่คาเอดะออกไปจากห้องหลินเฟิงก็พูดว่า “ทำไมฟูมะฮายาคุจิถึงอยากพบนายโดยไม่มีเหตุผลล่ะ..ดูจากการแสดงออกของคาเอดะสิ..มันคงจะไม่ใช่งานเลี้ยงต้อนรับหรอก..เราควรจะระมัดระวังให้มากขึ้น”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงแม้ว่าคาเอดะจะดูแปลกๆไปแต่ในความคิดของผมเขาคงไม่กล้าที่จะหุนหันพลันแล่นทำอะไรหรอกเพราะท้ายที่สุดตอนนี้สงครามระหว่างตระกูลนินจาก็ยังร้อนระอุลุกเป็นไฟกันอยู่และเป็นช่วงเวลาของการต่อสู้ที่ไม่รู้จบ..ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดว่าฟูมะฮายาคุจิคงจะไม่โง่พอที่จะเพิ่มศัตรูให้กับตัวเองหรอกใช่ไหม?”
“ก็อย่างที่นายพูดนั่นแหละไม่ว่าฟูมะฮายาคุจิต้องการอะไรแต่ถึงยังไงคาเอดะก็ปกปิดมันเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี..ความหึงหวงในความรักมันสามารถทำให้คนขาดสติได้ทุกเมื่อ..เพราะงั้นใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง” หลินเฟิงพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “สิ่งที่พี่หลินพูดนั้นก็สมเหตุสมผล..ถ้างั้นเราควรจะระมัดระวังเอาไว้ดีกว่า..ผมจะแจ้งชิงเฟิงและสั่งให้เขาเตรียมตัวเอาไว้..การที่ผู้นำของสำนักนินจาอิงะอยากให้ผมไปพบเป็นการส่วนตัวแบบนี้ถึงแม้ว่ามันจะอันตรายผมก็อยากจะลองไปดู..ไม่งั้นศักดิ์ศรีและความสง่าผ่าเผยของผมคงจะหายไป..นอกจากนี้ผมยังต้องการพบผู้นำของสำนักนินจาอิงะผู้นั้นด้วย”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็หันไปมองซ่งหลันแล้วพูดว่า “พี่หลันทั้งหมดนี้เป็นเพราะพี่..เฮ้อ..ความสวยความงามของพี่ช่างเป็นหายนะจริงๆ”
ด้วยดวงตาที่สวยงามของซ่งหลันก็จ้องไปที่เย่เชียนและพูดว่า “นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระราวกับว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เหลวแหลกโปรยเสน่ห์ให้ผู้ชายรอบๆแบบนั้นน่ะเหรอ..ความขัดแย้งระหว่างนายกับพวกตระกูลนินจามันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน..ถึงจะไม่มีฉันก็เถอะนายคิดว่าตระกูลนินจาพวกนั้นจะเปลี่ยนศัตรูให้เป็นเพื่อนได้อย่างงั้นเหรอ?”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและไม่ได้โต้เถียงเธอเพราะแน่นอนว่าเขาเข้าใจดีว่าคำพูดของซ่งหลันนั้นถูกต้องถึงแม้ว่าจะไม่มีซ่งหลันเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตามถึงยังไงเย่เชียนกับตระกูลฟูมะก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่แล้วเพราะถ้าหากเขี้ยวหมาป่าต้องการพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นสิ่งนี้ก็จะกระทบกระเทือนผลประโยชน์ของเหล่าตระกูลนินจาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นความขัดแย้งกับตระกูลฟูมะเองก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฟูมะและตระกูลนินจาอิงะหรือตระกูลฟูมะภายใต้การดูแลของสมาคมมังกรดำก็ตามถึงยังไงพวกเขาล้วนเป็นกองกำลังท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่นประกอบกับความเกลียดชังต่างชาติทางชาติพันธุ์ที่รุนแรง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อนุญาตให้องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเข้ามาหยั่งรากลึกในประเทศญี่ปุ่น แต่นี่เป็นเพียงว่าเย่เชียนได้เลือกช่วงเวลาที่ดีเพราะเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังต่างๆในประเทศญี่ปุ่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและละเอียดอ่อนดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อผูกมิตรกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ แต่นอนนอนว่าความขัดแย้งระหว่างทุกฝ่ายจะต้องรุนแรงขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะสามารถกอบโกยผลประโยชน์ท่ามกลางสงครามได้
เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งหลันก็พูดต่อ “มีอย่างหนึ่งที่ฉันต้องพูด..ไม่ว่าเหล่าตระกูลนินจาจะขัดแย้งกันมากแค่ไหนแต่พวกเขาก็ที่จะลงมือทำสิ่งต่างๆทุกเมื่อ..ฉันเชื่อว่านายน่าจะรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างนักการเมืองมากกว่าฉัน..ดังนั้นถึงแม้ว่าสมาคมมังกรดำกำลังตกอยู่ในวิกฤตก็ตามแต่พวกเขาก็อาจจะตกลงสงบศึกกันชั่วคราวก็เป็นได้คืนดีกันได้..นอกจากนี้ชิบะชิเงโอะยังเปิดเผยตัวตนออกมาเอง..เขาน่ะไม่ใช่คนโง่เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากทั้งสองฝ่ายยังต่อสู้กันต่อไปมันก็จะเป็นผลเสียสำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น..ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะระงับความขัดแย้งและสงบศึกกันชั่วคราวผ่านการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้.. และเมื่อพวกเขาสงบศึกกันฝ่ายแรกที่จะเป็นผู้โชคร้ายก็คือเขี้ยวหมาป่าเพราะพวกเขาจะไม่ยอมให้เขี้ยวหมาป่าเข้ามาแทรกแซงในประเทศญี่ปุ่น..นอกจากนี้พลังและอิทธิพลของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในประเทศญี่ปุ่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะคุกคามเศรษฐกิจของญี่ปุ่น..เพราะงั้นพวกเราต้องระวังให้มากกว่านี้”
.
.
.
.
.
.
.