ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 694 คำบอกใบ้
ตอนที่ 694 คำบอกใบ้
ต้องบอกว่าเย่เชียนนั้นยังโชคดีอยู่บ้างในบางครั้งเพราะในการแข่งขันแบบตัวต่อตัวก็จะมีเพียงคนเดียวที่จะได้ผ่านเข้ารอบไปได้และเย่เชียนนั้นไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้แก้ตัวใดๆ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกันเพราะยิ่งจำนวนคู่ต่อสู้ลดลงมากเท่าไรมันก็ยิ่งดึงดูดความสนใจจากสายตาผู้คนได้น้อยลงซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการสู้ครั้งต่อไปของเย่เชียน
ในการแข่งขันรอบแรกมีผู้เข้าแข่งขัน 600 คนถูกคัดออกและเหลือเพียง 601 คนและจะเป็นการแข่งขันรอบน็อคเอาท์ในวันถัดไป แน่นอนว่าไฮไลท์ของรอบแรกนั้นน้อยกว่าที่คาดหวังเอาไว้เพราะแทนที่จะขึ้นไปบนเวทีตัวต่อตัวแต่ผู้เล่นทั้งหมดกลับอยู่บนเวทีใน 3 ช่วงและถูกควบคุมโดยผู้ตัดสิน ดังนั้นผู้เล่นที่ชนะต่างก็รู้สึกมีความสุขแต่พวกที่ถูกคัดออกทั้งหมดต่างก็พูดพล่ามและสาปแช่ง แต่สำหรับเย่เชียนนี่ก็เป็นเรื่องปกติเพราะผู้แข็งแกร่งจะคงอยู่และผู้แพ้ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่แพ้
เย่เชียนก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เพราะหน้าของเขาเปรียบได้กับกำแพงเมืองจีนแล้วเขาจะไปสนใจได้อย่างไร? นอกจากนี้คนเหล่านั้นก็สาปแช่ง ‘หลงหยุน’ ชื่อปลอมของเขาไม่ใช่เย่เชียน
ถึงแม้ว่าจะมีไฮไลท์ไม่มากนักในการแข่งขันรอบแรกของเย่เชียนนั้นหลินเฟิงก็เฝ้าดูทั้งหมดอย่างใจจดใจจ่อ แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติที่จะให้ความสำคัญกับผู้เล่นที่ชนะอยู่แล้ว แต่ด้วยจำนวนผู้ชนะที่มีมากกว่า 600 คน จึงไม่สามารถจดจำรายละเอียดการต่อสู้ของแต่ละคนได้แต่ก็มีบางคนที่ดึงดูดความสนใจของเย่เชียนและหลินเฟิง อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่และดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักษาความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนเองไว้เพราะเวลาการแข่งขันยังคงอีกยาวนานและยังมีเวลาอีกมากในการทำความเข้าใจและสำรวจผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน
เนื่องจากชิบะชิเงโอะได้พูดเช่นนั้นก็เท่ากับว่ามันจะต้องมีคนจากสมาคมมังกรดำเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย แต่เย่เชียนไม่รู้ว่ามีกี่คนและยิ่งไปกว่านั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องเป็นหนึ่งในผู้เข้ารอบอย่างแน่นอนเพราะท้ายที่สุดแล้วสมาคมมังกรดำก็จะไม่มีวันยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้ในสนามการแข่งขันและพ่ายแพ้ต่อตระกูลฟูมะ
แน่นอนว่าจะต้องมีคนจากสำนักนินจาอิงะที่เข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอนเพราะการแข่งขันจัดโดยบริษัทฟูมะกรุ๊ปและพวกเขาก็คิดที่จะจัดเตรียมคนของตัวเองเพื่อช่วยกำจัดสมาคมมังกรดำอย่างแน่นอน เพราะหากพวกเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของชิบะชิเงโอะล่ะก็มันย่อมต้องมีการต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยการเปิดฉากการแข่งขันศิลปะการต่อสู้นั้นแน่นอนว่าการพนันใต้ดินก็ได้เริ่มขึ้นทั่วโลกและคูลอฟส์อังเดรก็ต้องยุ่งอยู่กับการจัดการและเวียนหัวมากขึ้นไปกับการพนันทั่วทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่สนใจที่จะดูแลสิ่งเหล่านี้ เนื่องจากคูลอฟส์อังเดรรับผิดชอบการแข่งพนันทั้งหมดเย่เชียนจึงเชื่อในตัวคูลอฟส์อังเดร นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะต้องการดูแลเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวแต่กำลังคนของเขี้ยวหมาป่าก็ไม่เพียงพออยู่ดีและจะดีกว่าถ้าดึงเงินปันผลเล็กๆน้อยๆจากสิ่งนี้และช่วยประหยัดความคิดได้มากนั่นคือผลกำไรที่ดีอย่างยิ่ง
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้รอบแรกจบลงอย่างสมบูรณ์และรายชื่อผู้เข้ารอบก็ออกมาแล้วเช่นกันและผู้ชมก็จากไปทีละคน ส่วนเย่เชียนละคนอื่นๆก็กำลังจะจากไปและทันทีที่พวกเขาเปิดประตูห้องส่วนตัวออกไปคาเอดะก็พูดว่า “คุณเย่ครับคุณปู่ของผมท่านพร้อมแล้ว..ถ้างั้นเราไปกันเลยไหมครับ?”
เย่เชียนก็มองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสฟูมะพร้อมแล้วผมก็ไม่มีอะไรจะปฏิเสธครับ”
“คุณซ่งเชิญคุณไปด้วยนะครับ..ท่านไม่ได้พบคุณมานานแล้วและท่านเชิญคุณไปรับประทานอาหารด้วย” คาเอดะพูด
ซ่งหลันก็หันหน้าไปมองเย่เชียนส่วนเย่เชียนก็พยักหน้าเห็นด้วย ดังนั้นซ่งหลันจึงพูดว่า “ถ้างั้นก็ได้ค่ะ..มันยากสำหรับฉันที่จะปฏิเสธ..เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับฉันค่ะ”
“รถพร้อมแล้ว..คุณเย่..คุณซ่ง..เชิญครับ!” คาเอดะพูดพร้อมทำท่าทางเชิญ
เย่เชียนก็พยักหน้าและหันไปเหลือบมองหลินเฟิงแล้วขยิบตาให้เขาแล้วเดินออกไป ซึ่งหลินเฟิงก็เข้าใจและส่งสัญญาณให้ช่างแต่งหน้าเพื่อไม่ให้ติดตามเย่เชียนไป ทั้งหมดทั้งมวลหลินเฟิงสามารถเข้าใจความหมายของเย่เชียนได้เป็นอย่างดีเพราะตระกูลฟูมะนั้นเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในสำนักนินจาอิงะในปัจจุบันและอิทธิพลนั้นก็ไม่ธรรมดา ซึ่งรอบๆบ้านของตระกูลฟูมะนั้นได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา ดังนั้นหน่วยกรงเล็บหมาป่าก็ยากที่จะคอยปกป้องเย่เชียนได้ อย่างไรก็ตามหลินเฟิงที่เป็นถึงผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลและปรมาจารย์วิชาลับไร้เงา ดังนั้นจึงทำให้ความแนบเนียนที่เขาจะลอบเข้าไปนั้นมีโอกาสสำเร็จกว่ามาก ซึ่งถ้าหากมีหลินเฟิงคอยคุ้มกันอยู่ล่ะก็เย่เชียนก็จะสบายใจและหมดกังวลกับสิ่งต่างๆ
เย่เชียนนั้นต้องการรู้ว่าความคิดของดันโซบายาชิคืออะไรและไม่ว่าจะเลือกสงบศึกกับตระกูลฟูมะหรือต่อสู้กันอย่างเป็นทางการก็ตาม ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันจะมีอันตรายอยู่ตรงหน้าถึงยังไงเย่เชียนก็ต้องไป นอกจากนี้คาเอดะยังเชิญชวนอย่างเปิดเผยและถ้าเขาไม่กล้าแม้แต่จะไปล่ะก็สิ่งนี้จะไม่ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรือ? แบบนี้องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่สง่าผ่าเผยจะเดินบนเส้นทางทหารรับจ้างในอนาคตได้อย่างไร?
ตายเป็นตาย อยู่เพื่อต่อสู้!
เมื่อออกจากสนามการแข่งขันแล้วเมื่อเย่เชียนกับซ่งหลันกำลังจะขึ้นรถจู่ๆทันใดนั้นก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ หลังจากมาถึงตรงหน้าของเย่เชียนเขาก็มองเย่เชียนขึ้นลงจากหัวจรดเท้าแล้วมองไปที่คาเอดะ ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นคาเอดะก็ถึงผงะไปครู่หนึ่งแล้วคาเอดะก็รีบทักทายอย่างเคารพพร้อมโค้งคำนับว่า “ท่านผู้อาวุโสฮัตโตริ!”
ชายชราผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นผู้นำของตระกูลฮัตโตริที่โด่งดังและลึกลับในตระกูลนิน ซึ่งถึงแม้ว่าพลังและอำนาจของตระกูลฮัตโตริจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนก็ตามแต่ท้ายที่สุดแล้วฮัตโตริชิฮิโระผู้นี้ก็เป็นถึงผู้นำแห่งตระกูลฮัตโตริที่ลึกลับอย่างมากและทักษะของเขาก็ยอดเยี่ยมอย่างมากเช่นกันจนแม้แต่คาเอดะก็ยังไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองต่อหน้าเขาและต้องรีบให้เกียรติอย่างเป็นธรรมชาติทันที
นี่ดูเหมือนจะเป็นรากเหง้าของความต่ำต้อยของชาติของชนชาติชาวญี่ปุ่นเพราะถ้าหากใครอ่อนแอกว่าก็ต้องจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่ออ่อนน้อมถ่อมตนเสมอและถ้าหากผู้ใดที่แข็งแกร่งกว่าก็ย่อมหยิ่งผยองและโอหังในศักดิ์ศรีอย่างมากจนผู้ที่อ่อนแอกว่าถึงกับต้องทำตัวเหมือนสุนัขรับใช้อย่างไงอย่างงั้น
ฮัตโตริชิฮิโระก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งเห็นชิบะชิเงโอะจากสมาคมมังกรดำเมื่อครู่นี้..ทำไมเขาถึงมาที่นี่ล่ะไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่มั้ย?”
“ไม่ครับผู้อาวุโสฮัตโตริ” อาเอดะพูดอย่างสุภาพนอบน้อม แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดที่จะใส่คำพูดของชิบะชิเงโอะเพื่อบอกกับฮัตโตริชิฮิโระ อย่างไรก็ตามฮัตโตริชิฮิโระก็สามารถมองสิ่งต่างๆออกได้อย่างเฉียบขาดและคาเอดะก็ไม่สามารถซ่อนมันไปจากเขาได้ ซึ่งฮัตโตริชิฮิโระนั้นก็ดำรงตำแหน่งสำคัญในตระสำนักนินจาอิงะและแน่นอนว่าฟูมะฮายาคุจิก็ต้องอธิบายเรื่องที่สำคัญๆให้เขาฟังอยู่ดี
“ไม่เป็นไรๆ..แต่คุณต้องจำเอาไว้นะว่าการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้สำคัญมากดังนั้นอย่าทำผิดพลาดเพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของตระกูลฟูมะของคุณตระกูลเดียวแต่เป็นเรื่องของสำนักนินจาและตระกูลอิงะของเรา” ฮัตโตริชิฮิโระพูดกับคาเอดะจากนั้นเขาก็เหลือบมองเย่เชียนที่ด้านข้างแล้วพูดว่า “ถ้าผมจำไม่ผิดคุณคือราชาหมาป่าเย่เชียนใช่ไหม?..คุณเป็นมังกรแห่งยุคใหม่..คุณเย่เต็มไปด้วยความกล้าหาญมันช่างน่าทึ่งจริงๆที่คุณกวาดล้างองค์กรทหารรับจ้างเรดซันที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเพียงแค่ชั่วข้ามคืนได้”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มที่นอบน้อมว่า “คุณคือผู้นำของตระกูลฮัตโตริ..ผู้อาวุโสฮัตโตริชิฮิโระใช่ไหมครับ..ผมเคยได้ยินชื่อของคุณมานานแล้ว..แต่ผู้อาวุโสฮัตโตริชื่นชมผมเกินไปหน่อยนะครับเพราะเรื่องการกวาดล้างพวกทหารรับจ้างเรดซันเป็นฝีมือขององค์กรทหารรับจ้างนีโอมิลิทารี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย..หากทำให้เกิดความเข้าใจผิดใดๆมันคงจะไม่ดี..ส่วนการที่ผมมาที่ประเทศญี่ปุ่นก็เพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้นคือเที่ยวไปรอบๆเยี่ยมชมทิวทัศน์ที่สวยงามของประเทศญี่ปุ่นและดูแลธุรกิจและการพัฒนาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่นี่และดูว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องได้รับการจัดการหรือเปล่า..ผมอยากจะขอบคุณสำนักและตระกูลอิงะจริงๆ..ถ้าไม่ใช่เพราะการสนับสนุนที่ของพวกคุณแล้วล่ะก็เครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมคงจะไม่พัฒนาอย่างรวดเร็วในประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน”
เย่เชียนก็หันไปเหลือบมองคาเอดะแล้วพูดว่า “ผมต้องขอบคุณคุณคาเอดะด้วยเพราะถึงแม้ว่าผมจะเป็นประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ตามแต่ถ้าไม่ได้คุณคาเอดะช่วยในสิ่งต่างๆล่ะก็เครือน่านฟ้ากรุ๊ปคงจะจัดการอะไรได้ยากลำบาก..ทุกๆอย่างอยู่ในขอบเขตความสามารถของคุณคาเอดจริงๆครับ”
การอยู่ในขอบเขตของความสามารถนั้นหมายความว่าอย่างไร? เย่เชียนนั้นจงใจไม่อธิบายขยายความในคำพูดสุดท้าย ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าความสัมพันธ์กับคาเอดะจะดูดีมากในตอนนี้ก็ตามแต่ทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจกันดีว่าความขัดแย้งระหว่างพวกเขานั้นไม่สามารถประนีประนอมกันได้เว้นแต่ว่าคนใดคนหนึ่งจะละและถอนตัวจากซ่งหลันได้นั่นเอง
“ขอบคุณครับคุณเย่..แต่อันที่จริงคุณซ่งนั้นมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี..ถ้าคุณเย่ต้องการจะขอบคุณก็ขอบคุณ คุณซ่งเถอะครับ” คาเอดะพูดพร้อมกับหันไปมองซ่งหลันพร้อมกับคลื่นของการแสดงออกที่ดูลามกอนาจารเล็กน้อยในดวงตาของเขา
คิ้วของฮัตโตริชิฮิโระก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยและคลายออกอย่างรวดเร็วอีกครั้งแล้วพูดว่า “เมื่อไรที่ตระกูลนินจาอิงะร่วมมือกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่างั้นหรือ..ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำ..ดูเหมือนว่าฮัตโตริชิฮิโระคนนี้ยังสำคัญไม่พอในสำนักสินะ..เรื่องที่สำคัญๆแบบนี้ทำไมถึงไม่แจ้งให้ตระกูลอื่นทราบด้วยล่ะ..มันดูไม่เหมาะสมสักหน่อยนะแบบนี้!”
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับผู้อาวุโสฮัตโตริ..การร่วมมือของเรากับคุณเย่นั้นจำกัดแค่พันธมิตรทางธุรกิจเท่านั้น..ดูเหมือนว่าผมคงไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้กับผู้อาวุโสฮัตโตริอย่างชัดเจนใช่ไหมครับ..นอกจากนี้ท่านปู่ของผมฟูมะฮายาคุจิก็เป็นผู้นำของสำนักอิงะและมีสิทธิ์ตัดสินใจใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อสำนักอิงะไม่ใช่หรือครับ” คาเอดะพูดทั้งถ่อมตัวและหยิ่งผยองในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าคาเอดะจะไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในระดับเดียวกันกับฮันโตริชิฮิโระก็ตามแต่ตระกูลฟูก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักอิงะและปู่ของคาเอดะอย่างฟูมะฮายากคุจิก็เป็นผู้นำของสำนักนินจาอิงะ ดังนั้นเมื่อฮัตโตริชิฮิโระพูดคำที่ยั่วยุเช่นนี้คาเอดะจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงจุดยืนออกมาโดยธรรมชาติ ไม่เช่นนั้นศักดิ์ศรีของตระกูลฟูมะก็จะอ่อนแอลง
ฮัตโตริชิฮิโระก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรที่จะร่วมมือกันเชิงธุรกิจ..แต่อย่าพาพวกหมาป่าเข้ามาในบ้านมันไม่ดี” ขณะที่เขาพูดเขาก็มองไปที่เย่เชียนที่อยู่ด้านข้าง
.
.
.
.
.
.
.