ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 695 คำเชิญของผู้อาวุโสตระกูลฟูมะ
ตอนที่ 695 คำเชิญของผู้อาวุโสตระกูลฟูมะ
ฮัตโตริชิฮิโระดูเหมือนจะมีบางอย่างจะพูดเพราะคำว่า ‘อย่าพาหมาป่าเข้ามาในบ้าน’ ดูเหมือนจะพูดกับคาเอดะราวกับว่าเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าการร่วมมือระหว่างตระกูลฟูมะกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวมาป่านั้นคือการชักศึกเข้าบ้าน อย่างไรก็ตาม สายตาของฮัตโตริชิฮิโระกลับจับจ้องไปที่เย่เชียนและดูเหมือนความหมายมันจะแตกต่างออกไปในสายตาของเย่เชียน ซึ่งเย่เฉียนรู้สึกได้ว่าฮัตโตริชิฮิโระไม่ได้บอกคาเอดะแต่กำลังเตือนเขานั่นเอง ราวกับว่าเขาต้องการบอกเขาว่าการร่วมมือกันครั้งนี้คือการพาศัตรูเข้าบ้านนั่นเอง
คาเอดะก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “ผมไม่รู้ว่าผู้อาวุโสฮัตโตริหมายความว่ายังไง..เพราะตระกูลอิงะของเรากับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของคุณเย่เราเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน..ซึ่งผมเองก็หวังว่าผู้อาวุโสฮัตโตริจะสามารถสนับสนุนพวกเราได้..ผมเชื่อว่าผู้อาวุโสฮัตโตริน่าจะชัดเจนเกี่ยวกับกฎเหล็กของตระกูลและสำนักอิงะของเราใช่ไหมครับ?”
ฮัตโตริชิฮิโระยิ้มอย่างเย็นชาและเหลือบมองไปที่เย่เชียนจากนั้นก็หันกลับไปมองคาเอดะแล้วพูดว่า “อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ..รุ่นหลายๆในสำนักนินจาอิงะของเราช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน..คุณต้องการใช้ปู่ของคุณมากดดันฉันเหรอ..หึๆ..บอกเลยว่าต่อให้ฉันจะไม่ได้ทำอะไรเลยในหลายปีที่ผ่านมาแต่ก็ใช่ว่าฉันจะเป็นคนง่ายๆหรอกนะ..ถ้ามันจำเป็นจริงๆฉันก็คงจะต้องล้มล้างตระกูลฟูมะของคุณ..แบบนั้นพวกคุณจะยืนหยัดได้เหรอ?”
“ผู้อาวุโสฮัตโตริคุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่..คำพูดแบบนี้มันไม่สมควรเกิดขึ้นจริงๆ” คาเอดะพูด “นอกจากนี้ผมก็หวังว่าผู้อาวุโสฮัตโตริจะไม่ลืมตัวตนของคุณ..เพราะคำพูดของคุณจะนำพาสงครามมาสู่ตระกูลของเรา..คุณควรจะชัดเจนมากเกี่ยวกับผลที่ตามมาเพราะการที่ผู้อาวุโสฮัตโตริส่งคนมาลอบสังหารผมเมื่อคราวก่อน ฉันไม่ได้ไล่ตาม ฉันหวังว่าปรมาจารย์ฮัตโตริจะดูแลมันได้”
“หืม!..” ฮัตโตริชิฮิโระตะคอก “คาเอดะ!..คุณเป็นใครถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้..หืม..ปู่ของคุณยังให้เกียรติฉันเลย..คุณอย่าคิดว่าตระกูลฮัตโตริของฉันไม่มีทายาทก็เลยมาข่มเหงกันแบบนี้..ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่มันจะไม่มีใครมาทำอะไรตระกูลฮัตโตริของฉันได้..คุณอย่ามาให้ร้ายตระกูลฮัตโตริของฉันที่ซื่อสัตย์มานานหลายปี..เพราะงั้นไหนลองพูดออกมาสิว่าฉันส่งคนไปลอบสังหารคุณเมื่อไหร่กัน?”
“ซื่อสัตย์งั้นหรอครับ?” คาเอดะพูด “ไม่ใช่ว่าผมต้องการดูหมิ่นผู้อาวุโสฮัตโตริหรอกแต่ตระกูลฮัตโตริต่างหากที่พูดจาไม่ดีและดูถูกตระกูลฟูมะของผมก่อน..ผมถูกลอบสังหารที่ร้านอาหารในย่านไชน่าทาวน์เมื่อไม่กี่วันก่อน..ซึ่งเราพบว่ามีตราสัญลักษณ์และตราประทับของตระกูลฮัตโตริอยู่ในตัวของพวกเขา”
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน..ถ้าสิ่งต่างๆมันบ่งบอกว่าเป็นคนของตระกูลดันโซคุณก็จะเชื่ออย่างงั้นเหรอ?” ฮัตโตริชิฮิโระพูด
“แน่นอนว่าตระกูลดันโซกับตระกูลฟูมะของผมเราขัดแย้งกันมานานหลายปีแต่ถ้าหากตระกูลดันโซต้องการจะฆ่าผมล่ะก็พวกเขาคงจะไม่ส่งพวกไร้ประโยชน์มาสามสี่คนหรอก..เห็นได้ชัดว่ามันมีคนที่ต้องการสร้างละครตบตาขึ้นมาและเบี่ยงเบนความสนใจ..เพราะงั้นผู้อาวุโสฮัตโตริเองก็ควรจะรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆภายในระหว่างตระกูลนินจามากกว่าผมใช่ไหม?..ส่วนเรื่องใครเป็นคนส่งคนเหล่านั้นมาผู้อาวุโสฮัตโตริก็น่าจะรู้..ถ้าไม่ใช่เพราะท่านปู่ของผมห้ามเอาไว้ผมคงจะไม่ปล่อยมันไปหรอก” คาเอดะพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ไร้สิ้นคิดจริงๆดูเหมือนว่ารุ่นหลานๆในตระกูลนินจาจะเป็นเพียงเด็กที่ไร้ประโยชน์กันทั้งนั้น” ฮัตโตริชิฮิโระพูด “ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยแต่คุณกลับโยนทุกอย่างมาให้ฉันแบบนี้..คนอย่างฮัตโตริชิฮิโระไม่ใช่คนที่กลัวสิ่งต่างๆเพียงแค่คำขู่หรอกรู้เอาไว้ด้วย..หากคุณมีกลเม็ดใดๆของตระกูลฟูมะก็แค่ใช้มันอย่างเปิดเผยไม่ต้องมาแอบลอบกัดกันแบบนี้..ถ้าเป็นแบบนั้นก็อย่าพูดอะไรให้มันมากความ..กลับไปบอกปู่ของคุณซะว่าให้สั่งสอนคนรุ่นหลังดีๆหน่อย”
จากนั้นฮัตโตริชิฮิโระก็มองไปที่เย่เชียนอีกครั้งแล้วพูดว่า “แม้ว่าองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะเป็นนักล่าเหยื่อที่ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเลมาแต่ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ใช่สถานที่ที่เขี้ยวหมาป่าของคุณจะมาเย้ยหยันได้..ผมขอแนะนำให้คุณกลับไปที่ทวีปตะวันออกกลางโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เมื่อฮัตโตริชิฮิโระพูดจบเขาก็เดินไปที่รถของเขาแล้วออกไปจากสนามการแข่งขันทันที
เย่เชียนก็ยิ้มจางๆและไม่พูดอะไรเพราะถึงแม้ว่าคำพูดของฮัตโตริชิฮิโระจะฟังดูเหมือนเตือนเย่เชียนแต่เย่เชียนก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฮัตโตริชิฮิโระนั้นกำลังแนะนำบางสิ่งบางอย่างให้เขาเป็นนัยๆว่าฟูมะฮายาคุจิและดันโซบายาชินั้นไม่ใช่คนง่ายๆและสมาคมมังกรดำก็จะทวงคืนและชำระแค้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามถึงรู้ว่าบนภูเขามีเสือเย่เชียนก็ต้องขึ้นเขาไปล่าอยู่ดีตามคำกล่าวที่ว่าถ้าไม่เข้าถ้ำเสือก็จะไม่ได้เสือ ดังนั้นถ้าเย่เชียนไม่ยืนหยัดศักดิ์ศรีของเขี้ยวหมาป่าก็จะพังทลายลงไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้หากต้องการทราบเรื่องราวต่างๆก็ต้องสัมผัสด้วยตัวท่านเอง
“คุณเย่เชิญครับ” คาเอดะพูด
“คุณคาเอดะสุภาพเกินไปแล้วครับ” เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ว่าแต่ผู้อาวุโสฮัตโตริชิฮิโระคือใครหรอครับ..เขาดูแตกต่างไปจากคุณมาก..เขาไม่ใช่คนในสำนักอิงะหรอครับ?”
“อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไรและผมก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง” คาเอดะพูด “ผู้ก่อตั้งสำนักนินจาอิงะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลฮัตโตริและเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ถูกปกครองโดยตระกูลฮัตโตริ..แต่ต่อมาพลังของตระกูลฮัตโตริก็ถดถอยลงดังนั้นตระกูลฟูมะของผมก็เข้ารับตำแหน่งผู้นำสำนักนินจาอิงะแทน..ด้วยเหตุนี้ตระกูลฮัตโตริจึงไม่สบอารมณ์และต้องการเอาชนะตระกูลฟูมะของผม..ซึ่งคุณเย่ก็น่าจะเคยได้ยินอย่างชัดเจนแล้วในตอนนี้ว่าตระกูลฟูมะของผมจะต้องมีปัญหาในอนาคตและดูเหมือนว่าฮัตโตริชิฮิโระก็ก่อกบฏและทรยศต่อสำนักนินจาอิงะ”
“ตระกูลนินจาช่างเข้าใจยากเหลือเกิน..ผมไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับตระกูลนินจาเลย..แต่ผมคิดว่าคุณต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและอย่าแสดงความเมตตาต่อผู้ที่ศัตรู” เย่เชียนพูดเบาๆ
ความหมายคำพูดของเย่เชียนนั้นชัดเจนมากนั่นคือให้ตระกูลฟูมะตอบโต้ตระกูลฮัตโตริ สิ่งเหล่านี้คาเอดะจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เมื่อได้ยินเช่นนั้นคาเอดะก็ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม..เอาเถอะเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย..ผมคิดว่าคุณซ่งคงจะเบื่อที่ต้องมาฟังอะไรเหล่านี้แล้ว..ถ้างั้นคุณเย่..คุณซ่ง..เชิญขึ้นรถได้เลยครับ..ท่านปู่ของผมคงจะรออยู่อย่างใจจดใจจ่อแล้วในตอนนี้”
เย่เชียนก็พยักหน้าและเปิดประตูให้แล้วหลังจากซ่งหลันเข้าไปในรถเย่เชียนก็เข้าตามไป ซึ่งหลังจากที่คาเอดะนั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับแล้วเขาก็สั่งให้คนขับรถขับไปยังบ้านของตระกูลฟูมะทันที
ฟูมะฮายาคุจินั้นกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับซิการ์ในปากของเขาและค่อยๆสูบแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่นเพราะก่อนหน้านี้ฟูมะฮายาคุจิได้รับโทรศัพท์จากคาเอดะว่าชิบะชิเงโอะนั้นฝากข้อความถึงตนว่าอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็เกินความคาดหมายของเขาไปดังนั้นฟูมะฮายาคุจิจึงไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งในตอนนี้ตระกูลฟูมะเองก็เหน็ดเหนื่อยจากสิ่งต่างๆเพราะการต่อสู้กับสมาคมมังกรดำเป็นเวลาหลายวันก็ทำให้พวกเขาเหน็กเหนื่อยและได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่เนื่องจากสมาคมมังกรดำเสนอวิธีการนี้ในการแก้ปัญหาจึงเป็นสิ่งที่ดีโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามฟูมะฮายาคุจิก็ไม่ได้โง่เพราะการต่อสู้กันระหว่างพรรคการเมืองแบบนี้มันจะไม่ได้รับการแก้ไขง่ายๆอย่างแน่นอน เพราะวิธีนี้มันก็เป็นเพียงเรื่องของสิทธิและผลประโยชน์ที่มิอาจสูญเสียไปได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นการมาเยือนประเทศญี่ปุ่นของเย่เชียนในครั้งนี้ก็เช่นกันเพราะคนที่สร้างปัญหาในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดก็คือเย่เชียนในนามของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานโดยตรงที่จะพิสูจน์ว่าเย่เชียนเป็นคนทำลายองค์กรทหารรับจ้างเรดซัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าตอบโต้เย่เชียนโดยตรงเพราะถึงยังไงเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ 20 อันดับแรกของโลกและมีสถานะทางเศรษฐกิจที่สูงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็เป็นถึงผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าดังนั้นแน่นอนว่ารัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้กองกำลังของเขี้ยวหมาป่าเข้ามารุกรานประเทศ ไม่เช่นนั้นมันจะไม่เป็นอันตรายต่อประเทศญี่ปุ่นอย่างมากและพวกเขาก็ยังเชื่อว่าสมาคมมังกรดำเลือกที่จะแก้แค้นองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าใช่ไหม?
ในกรณีนี้ฝ่ายที่คอยดูอยู่อย่าเงียบๆท่ามกลางสถานการณ์ที่วุ่นวายและปล่อยให้สมาคมมังกรดำต่อสู้กับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดหรือเปล่า? ดังนั้นสิ่งที่ตระกูลฟูมะต้องทำก็คือการรอดูสถานการณ์และถ้าหากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งแต่ก็อย่าปล่อยปละละเลยจนเกินไปจะดีที่สุด
การที่ฟูมะฮายาคุจิสามารถดำรงตำแหน่งผู้นำสำนักนินจาอิงะได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและแน่นอนว่าเขาสามารถเข้าใจความหมายและความต้องการของพรรครัฐบาลได้ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและเนื่องจากเบื้องบนต้องการเช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟังคำสั่ง แต่ในเมื่อสงครามมันเกิดขึ้นแล้วฟูมะฮายาคุจิก็จะทำลายตระกูลดันโซภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เลยทีเดียว
เรื่องราวระหว่างตระกูลนินจาทั้งสามตระกูลนั้นมีความแค้นต่อกันมาเป็นเวลานานและความเกลียดชังระหว่างพวกเขาก็ไม่จางหายไปตามกาลเวลาเลยแม้แต่น้อยและ ดังนั้นถึงแม้ว่าฟูมะฮายาคุจิจะเป็นผู้นำสำนักนินจาอิงะมานานหลายปีแล้วก็ตามแต่เพื่อให้สำนักนินจาอิงะได้พัฒนาไปอย่างยอดเยี่ยมเขาก็จำเป็นที่จะต้องก้าวลงจากตำแหน่งและแน่นอนว่าเขาควรทำอะไรมากกว่านี้เพื่อที่หลานชายของเขาอย่างฟูมะคาเอดะที่จะมารับช่วงต่อได้อย่างรุ่งโรจน์ในอนาคต ดังนั้นเขาจึงต้องปูทางสู่ตำแหน่งผู้นำตระกูลนินจาที่สง่าผ่าเผยให้แก่หลายชายของเขาให้ได้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพรรครัฐบาลชุดปัจจุบันได้ตัดสินใจเช่นนี้ดังนั้นฟูมะฮายาคุจิจึงไม่สามารถคัดค้านได้และคิดวิธีแก้ปัญหาได้ในภายหลังเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นฟูมะฮายาคุจิก็ยังรู้ดีว่าสมาคมมังกรดำและพรรคฝ่ายค้านจะไม่มีวันเปลี่ยนการต่อสู้เป็นการสงบศึกอย่างแน่นอนเพราะนี่เป็นสองฝ่ายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงดังนั้นความขัดแย้งระหว่างพวกเขาจะไม่มีวันปรองดองกันได้ยกเว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถอนตัวออกจากการเลือกตั้งนั่นเอง แต่แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าหากฝ่ายใดต้องการที่จะยืนหยัดอย่างรุ่งโรจน์ก็มีแต่จะต้องชนะในสงครามครั้งนี้เท่านั้น
ในเวลานี้ภายใต้การนำของคาเอดะนั้นเย่เชียนกับซ่งหลันก็เดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างช้าๆ “ท่านปู่..คุณเย่กับคุณซ่งมาแล้วครับ” คาเอดะขัดจังหวะการทำสมาธิของฟูมะฮายาคุจิและพูดอย่างสุภาพ
.
.
.
.
.
.
.