ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 700 การไกล่เกลี่ย
ตอนที่ 700 การไกล่เกลี่ย
ความสงสัยของคาเอดะนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผลเพราะถ้าหากไป๋ฮวยไม่ได้บอกความจริงเย่เชียนก็คงจะคิดแบบเดียวกันกับคาเอดะ นอกจากนี้คาเอดะก็ไม่ได้คาดหวังว่าผู้ช่วยของเขาอย่างนากาซาวะที่ใกล้ชิดกับตนจะหลอกลวงเขา ดังนั้นสิ่งต่างๆมันจึงสมเหตุสมผลที่จะมีความคิดเช่นนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของคาเอดะแล้วฮัตโตริชิฮิโระก็แสยะยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “มันไร้สาระสิ้นดีถ้าผมต้องการจะฆ่าคุณผมจะโยนความผิดให้กับตระกูลดันโซทำไม..ผมเกลียดการลับหลังมากที่สุด..นอกจากนี้ถ้าผมจะฆ่าคุณจริงๆคุณคิดว่าตอนนี้คุณจะยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ไหม?..ถึงแม้ว่าตระกูลฮัตโตริของผมจะไม่รุ่งโรจน์เหมือนแต่ก่อนก็ตามแต่การฆ่าคุณมันก็ไม่ได้เกินความสามารถของผมเลย..ถึงแม้ว่าคุณคาเอดะจะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้มากพรสวรรค์ในสำนักนินจาอิงะแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะอยู่ยงคงกระพันในโลกใบนี้สักหน่อย..เพราะงั้นถ้าผมต้องการที่จะฆ่าคุณจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย”
“แต่ประเด็นสำคัญก็คือตระกูลฮัตโตริไม่ได้ต้องการฆ่าผมจริงๆไงแต่ต้องการยั่วยุให้เกิดการต่อสู้กันระหว่างตระกูลฟูมะกับตระกูลดันโซและใช้ประโยชน์จากความโกลาหล..คุณต้องเข้าใจนะว่าพวกเราอยู่ร่วมกันในสำนักนินจาอิงะมาหลายร้อยปีแล้วและยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาเพราะงั้นการที่ตระกูลนั้นตระกูลนี้จะสลับกันขึ้นเป็นผู้นำผู้อาวุโสฮัตโตริต้องยอมรับไม่ใช่หรือ?” คาเอดะพูด
“ใช่..ผมเข้าใจแต่ผมไม่จำเป็นต้องใช้อุบายแบบนี้เลย..ถ้าคุณจะใส่ร้ายป้ายสีผมคุณก็ต้องมีหลักฐานก่อน” ฮัตโตริชิฮิโระพูด
“เอ่อ..คือ..” เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกคุณควรหยุดโต้เถียงกันแล้วฟังผมก่อน..เรื่องนี้มันพูดยากจริงๆแต่ว่านินจาทั้งสี่ที่ลอบสังหารคุณคาเอดะมาจากตระกูลดันโซจริงๆและคนที่อยู่เบื้องหลังคุณคาเอดะก็น่าจะรู้ดีกว่าใครและคนๆนั้นก็จงใจใส่ร้ายผู้อาวุโสฮัตโตริจริงๆ..ซึ่งจุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งภายในของสำนักนินจาอิงะนั่นเอง”
“คนๆนั้นคือใคร?..แล้วคุณเย่รู้หรอว่าใครอยู่เบื้องหลัง” ฟูมะฮายาคุจิพูด
“ใช่!..ในเมื่อคุณเย่รู้ก็ได้โปรดพูดออกมาตรงๆเลย..ถ้าผมรู้ว่าใครบงการอยู่เบื้องหลังผมก็จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน” ฮัตโตริชิฮิโระพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“ผมว่าลืมมันไปซะเถอะเพราะถ้าผมพูดออกไปมันอาจจะไปทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณและทำให้เกิดการขัดแย้งกัน..ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็จบลงแล้วและคุณคาเอดะก็ไมได้เป็นอะไรเพราะงั้นผมจึงคิดว่าเราควรปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านเลยไป” เย่เชียนพูดและมันเป็นเพียงวิธีง่ายๆที่จะทำให้ผู้คนขัดแย้งกันเองและมันก็มักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอ
“คุณเย่ควรจะพูดให้กระจ่างเพราะในเมื่อคุณเปิดประเด็นขึ้นมาแล้ว..ผมหวังว่าคุณเย่จะพูดความจริงและให้ความยุติธรรมแก่ผม” ฮัตโตริชิฮิโระพูดอย่างกระตือรือร้น
“ใช่..คุณเย่ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเลย..เราเชื่อว่าคุณเย่ต้องมีข้อมูลที่แน่ชัดอย่างแน่นอน” ฟูมะฮายาคุจิพูด
“ถ้าแบบนั้นผมก็จะพูดตรงๆ” เย่เชียนถอนหายใจแล้วพูดว่า “จริงๆแล้วเรื่องนี้มันก็ค่อนข้างซับซ้อน..แต่เรื่องนี้คุณคาเอดะน่าจะรู้ดีและคุณนากาซาวะเคโกะสามารถบอกพวกคุณได้”
“นากาซาวะเคโกะ?..เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเธองั้นหรือ?” คาเอดะขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่สบอารมณ์
เย่เชียนไม่ได้คิดที่จะเล่าเรื่องนี้อยู่แล้วเพราะจุดประสงค์ของดันโซบายาชิคือการยึดตำแหน่งผู้นำของสำนักนินจาอิงะและยังมีนากาซาวะเคโกะที่ไม่ทราบที่มาของตัวตนของเธอ ดังนั้นด้วยประเด็นนี้สำนักนินจาอิงะจะวุ่นวายอย่างมากและจะเป็นประโยชน์ต่อเย่เชียนมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องนี้มาถึงจุดนี้แล้วเย่เชียนจึงเติมเชื้อไฟลงไปและปล่อยให้พวกเขาสืบสวนนากาซาวะเคโกะกันเองและนั่นก็ถือได้ว่าเป็นคำใบ้ในการบอกกับฮัตโตริชิฮิโระเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคต
ฟูมะฮายาคุจิก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาก็รู้เรื่องระหว่างคาเอดะกับนากาซาวะเคโกะในระดับหนึ่งแต่คาเอดะนั้นไม่ได้จริงจังกับนากาซาวะเคโกะมากนักแต่เขามักจะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หญิงสาวที่ธรรมดา ดังนั้นเมื่อเย่เชียนพูดว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกับนากาซาวะเคโกะดังนั้นฟูมะฮายาคุจิจึงได้แต่ขมวดคิ้วและรู้สึกสงสัยอย่างยิ่ง
แน่นอนฮัตโตริชิฮิโระเองก็รู้จักนากาซาวะเคโกะเช่นกันและเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนเขาก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ปรากฏว่ามีเกลือเป็นหนอนอย่างงั้นหรือ?..หืม..ช่างน่าสมเพชจริงๆสำนักนินจาอิงะอันทรงเกียรติกลับถูกหญิงสาวเพียงคนเดียวหลอกได้”
“คุณเย่ผมหวังว่าคุณจะสามารถอธิบายสิ่งต่างๆให้ชัดเจนมากกว่านี้ได้..ผมไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดเลย..เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับนากาซาวะเคโกะได้ยังไง?” ฟูมะฮายาคุจิพูด
“คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือ..ก็นากาซาวะเคโกะต้องการจะฆ่าหลานชายของคุณไงและจุดประสงค์ของเธอก็คือการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างตระกูลฟูมะกับตระกูลฮัตโตริของผม..ผู้หญิงคนนี้ต้องมีประวัติและเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาเลยเพราะแม้แต่คุณยังไม่สามารถรู้ได้” ฮัตโตริชิฮิโระพูด
“หยุดเถียงกันได้แล้วทุกคน..ถ้าพวกคุณอยากรู้เรื่องทั้งหมดทำไมพวกคุณไม่ถามนากาซาวะเคโกะล่ะ?..ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันจะต้องชัดเจน” เย่เชียนพูด
“ใช่!..ผู้อาวุโสฟูมะคุณต้องถามมันจากปากของนากาซาวะเคโกะตรงๆ” ฮัตโตริชิฮิโระพูด
“คาเอดะ!..เอ็งไปเรียกนากาซาวะเคโกะมาเดี๋ยวนี้!..หืม..ฉันอยากรู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร” ฟูมะฮายาคุจิขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้คาเอดะก็ไม่มีทางเลือกอื่นและถึงแม้ว่าเขาจะรักนากาซาวะเคโกะก็ตามแต่เขาจะไม่ละทิ้งอนาคตของตนไปเพื่อปกป้องเธอ ดังนั้นเมื่อฟูมะฮายาคุจิได้พูดออกมาเช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยไม่เช่นนั้นเขาจะถูกมองไม่ดีในสายตาปู่ของเขาและอนาคตของเขาก็คงจะดับสูญ เมื่อได้ยินเช่นนั้นคาเอดะจึงพยักหน้าแล้วรีบกดเบอร์โทรศัพท์ของนากาซาวะเคโกะทันที
ตอนนี้นากาซาวะเคโกะก็กำลังอยู่ที่บ้านของดันโซบายาชิซึ่งกำลังมีเพศสัมพันธ์กันอยู่และหลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นากาซาวะเคโกะก็รับสายอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “มีอะไรหรอคะคุณคาเอดะ!” นากาซาวะพูดเบาๆและดันโซบายาชิที่อยู่ด้านข้างก็มองด้วยดวงตาที่เย็นชาและโอบร่างของนากาซาวะเคโกะเอาไว้
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนกลับมาที่สำนักด่วนเลย..เรามีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับคุณ” คาเอดะเหลือบมองฟูมะฮายาคุจิและพูดกับโทรศัพท์
“เกิดอะไรขึ้นหรอคะ?..ตอนนี้ฉันกำลังติดต่อเรื่องธุรกิจของบริษัทเราอยู่..ตอนนี้ฉันกลับไปไม่ได้ค่ะ” นากาซาวะเคโกะขมวดคิ้วแล้วพูด ซึ่งถึงแม้ว่าคาเอดะจะมีทัศนคติที่หยิ่งผยองเมื่อพูดคุยกับเธอแต่ก็ไม่ได้กระตือรือร้นและประหม่าเหมือนในวันนี้ ดังนั้นนากาซาวะเคโกะจึงสงสัยเล็กน้อย
“หยุดเรื่องธุรกิจของบริษัทเอาไว้ก่อนรีบมาที่บ้านด่วน..ท่านปู่อยากพบคุณ” คาเอดะพูด “รีบกลับมาเร็วๆเลยนะ”
“ได้ค่ะ..ถ้าอย่างนั้นฉันจะรีบกลับทันที” นากาซาวะเคโกะไม่มีทางอื่นนอกจากยอมตกลง ซึ่งเธอก็รู้สึกประหลาดใจและคิดว่ามันจะต้องมีบางอย่างที่สำคัญเกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าละเลยและรีบตอบอย่างไม่ลังเล
คาเอดะก็วางสายไปและมองไปฟูมะฮายาคุจิแล้วพูดว่า “เธอกำลังติดต่อเรื่องธุรกิจของบริษัทอยู่แต่ผมได้บอกให้เธอรีบกลับมาแล้ว”
ฟูมะฮายาคุจิก็พยักหน้าแล้วพูดสั้นๆว่า “อืม” และไม่ได้พูดอะไรต่อ
“อะไรเหรอ?..ไอ้เด็กเหลือขอมันโทรมาอีกแล้วเหรอ?” ดันโซบายาชิพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์โดยรวมแล้วฉันก็ไม่อยากที่จะให้เธอไปหรอก..รู้ไหมทุกครั้งที่ฉันนึกถึงเรื่องที่เธอต้องไปนอนกับผู้ชายคนอื่นๆแล้วมันรู้สึกอึดอัดใจแค่ไหน”
นากาซาวะเคโกะก็หัวเราะอย่างคลุมเครือและพูดว่า “ผู้อาวุโสดันโซไม่ต้องกังวลไปเพราะหลังจากที่คุณทำลายสำนักนินจาอิงะได้แล้วฉันก็จะเป็นของคุณคนเดียว..อดทนหน่อยสิเพื่ออนาคตของเราเพราะงั้นเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทน”
“สาวน้อยของฉันนี่ช่างพูดจริงๆ..ฉันดันโซบายาชิคนนี้ขอสาบานว่าหลังจากที่ฉันกำจัดสำนักนินจาอิงะและตระกูลนินจาเหล่านั้นได้แล้วในอนาคตฉันจะปฏิบัติต่อเธออย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้” ดันโซบายาชิพูดอย่างแน่วแน่
นากาซาวะเคโกะก็ตาเป็นประกายด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและรีบกลับสู่ปกติอย่างรวดเร็วและพูดเบาๆว่า “คุณใจดีกับฉันมาก..ฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต”
ดันโซบายาชิก็หัวเราะอย่างสบายใจเฉิบแล้วพูดว่า “เธอคือเจ้าชีวิตของฉันถ้าฉันไม่ดีกับเธอแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ..ว่าแต่สาวน้อย..คาเอดะพูดว่าอะไรบ้าง”
“เขาไม่เคยพูดแบบนี้เพราะเมื่อฟังน้ำเสียงของเขาแล้วดูเขาจะประหม่าอย่างมากและเขาก็บอกว่าตาเฒ่าฟูมะอยากพบฉัน..น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมมากและดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้น..ฉันไม่รู้จริงๆว่ามันเรื่องอะไรกันแน่” นากาซาวะเคโกะพูด
ดันโซบายาชิขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะรู้เรื่องของเราแล้ว?..ที่รัก..ฉันคิดว่าเธอไม่ควรจะกลับไปนะ..เพราะถึงยังไงด้วยความแข็งแกร่งและความได้เปรียบของเราในปัจจุบันก็น่าจะเพียงพอที่จะกำจัดตาเฒ่าฟูมะแล้ว..เพราะงั้นเธอไม่ต้องกลัวเขาอีกต่อไปแล้ว”
“ไม่!..ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเราจะเพียงพอแล้วแต่ฉันได้ยินมาเมื่อเร็วๆนี้ว่าสมาคมมังกรดำพยายามที่จะสงบศึกกับตระกูลฟูมะ..เพราะงั้นเมื่อเรื่องนี้ประสบความสำเร็จตาเฒ่าฟูมะก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆและการกำจัดเขาก็จะยากขึ้น..เพราะงั้นเราต้องอดทนรอก่อน..อีกอย่างฉันคิดว่าพวกเขายังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของพวกเรา..คุณอย่าพึ่งกังวลเรื่องนี้เลย” นากาซาวะเคโกะพูด
.
.
.
.
.
.
.