ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 702 เผยความจริง
ตอนที่ 702 เผยความจริง
เย่เชียนก็ไม่แปลกใจและเขายังยิ้มจางๆจากนั้นก็มองไปที่คาเอดะแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดไปนะครับถึงแม้ว่าผมจะมาที่นี่เพราะคำเชิญแต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ผมของที่จะช่วยพวกคุณแก้ไขปัญหาภายใน..ผแค่บอกในสิ่งที่ผมรู้ส่วนพวกคุณจะเชื่อหรือไม่นั้นมันก็เป็นปัญหาของพวกคุณ..เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับผม?
“คุณเย่..ผมคิดว่าคุณควรเข้าใจด้วยว่าทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะคุณเป็นคนพูด..คุณบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนากาซาวะเคโกะเพราะงั้นอย่างน้อยๆคุณควรให้หลักฐานหน่อย..ไม่งั้นผมก็คิดว่าคุณจงใจพูดแบบนี้เพื่อให้ตระกูลนินจาขัดแย้งกัน..ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่มิตรสหายหรือศัตรูแต่การที่คุณทำแบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยเหรอ?” ฟูมะฮายาคุจิพูด
ด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันฮัตโตริชิฮิโระก็พูดว่า “ผมมีหลักฐานที่พิสูจน์ว่านากาซาวะโคโกะทำแบบนั้นจริงๆ..นอกจากนี้พวกคุณก็น่าจะรู้ดีว่าพวกเรากำลังถูกศัตรูปั่นหัว..เพราะงั้นผู้อาวุโสฮายาคุจิน่าจะรู้ดีกว่าใคร?”
จากนั้นเย่เชียนก็หันไปเหลือบมองฮัตโตริชิฮิโระแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสฮัตโตริชิฮิโระดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ผมพูดเลย..จากความหวังดีกลายเป็นประสงค์ร้าย”
ฮัตโตริชิฮิโระก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “ผมเชื่อในสิ่งที่คุณเย่พูด..เพราะมันไม่มีใครรู้ดีไปกว่าผมหรอกว่าผมทำมันหรือเปล่า..อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีใครบางคนต้องการใส่ร้ายผมจริงๆมันก็คงต้องเป็นแบบนั้นต่อไป”
เย่เชียนก็ยิ้มจางๆและไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นเช่นนั้นนากาซาวะเคโกะก็แอบภูมิใจแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเย่เชียนแต่กลับพบว่าเย่เชียนนั้นมีปฏิกิริยาที่สงบเสงี่ยมและแอบยิ้มอย่างลับๆ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ซ่อนอยู่และเธอก็รู้ดีว่าฟูมะฮายาคุจินั้นกำลังสงสัยเธออยู่และเกรงว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไปเขาก็จะจับตามองดูเธอ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วนากาซาวะโคโกะจึงคิดว่ามันคงจะถึงเวลาแล้วที่จะดำเนินการตามแผนก่อนกำหนด
ฟูมะฮายาคุจิเองก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้เมื่อมองดูสถานการณ์วันนี้เพราะดูเหมือนว่าฮัตโตริชิฮิโระตั้งใจที่จะเข้าข้างเย่เชียน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นสิ่งต่างๆที่เขาทำในวันนี้คงจะไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง? ในขณะที่คาเอดะกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปนั้นฟูมะฮายาคุจิก็อดทนไม่ไหวแล้วและพูดอย่างเฉียบขาดว่า “เย่เชียน..คุณใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นอย่างไร้เหตุผลและจงใจทำลายความสัมพันธ์ในตระกูลนินจาอิงะของผม..คุณเป็นศัตรูไม่ใช่มิตรสหาย..เพราะงั้นวันนี้คุณอย่าได้มีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่เลย!”
“คุณต้องการจะทำอะไร..ถ้าคุณอยากจะทำอะไรก็อย่าพูดมาก..แต่ผมไม่รู้ว่าคุณจะมีความสามารถนั้นหรือเปล่า” เย่เชียนแสยะยิ้มแล้วพูด
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้คิ้วของซ่งหลันก็ขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้และเธอก็พูดอย่างเร่งรีบ “ท่านผู้อาวุโสฟูมะคุณกำลังคิดจะทำอะไร?..ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะพูดให้คุณขุ่นเคืองแต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำถึงขนาดนั้นใช่ไหม..เครือน่านฟ้ากรุ๊ปกับฟูมะกรุ๊ปต่างก็ร่วมมือกันเชิงธุรกิจดังนั้นคุณจะทำลายธุรกิจระหว่างพวกเราหรอ?..คุณต้องการประกาศสงครามกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของฉันจริงๆงั้นหรอคะ”
“คุณซ่งผมหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าเย่เชียนตั้งใจยั่วยุให้ทั้งสองตระกูลแตกแยกกันเพราะงั้นถ้าหากเราไม้ทำอะไรเลยแล้วพวกเราจะอยู่ในอนาคตได้ยังไง..ที่ผมประกาศสงครามกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและเย่เชียนนั่นก็เพราะว่าเย่เชียนท้าทายเกินไปและผมก็ต้องทำให้ลูกศิษย์และคนในสำนักเห็นเป็นตัวอย่างไม่เช่นนั้นผมจะเป็นผู้นำในอนาคตได้ยังไง?” ฟูมะฮายาคุจิพูด ถึงแม้ว่าเขาจงใจต้องการเอาชนะใจซ่งหลันและต้องการให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ของตัวเองก็ตามแต่จากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นบางทีซ่งหลันอาจจะสามารถยับยั้งสิ่งต่างๆได้ทันเวลาไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
“ไม่คาดคิดเลยว่าผู้นำของสำนักนินจาอิงะผู้ทรงเกียรติจะเป็นคนหน้าซื่อใจคดและหยาบคายแบบนี้..ดูเหมือนว่ามันคงจะเป็นเรื่องไร้สาระที่ฉันเคยยกย่องคุณไปสินะ” ซ่งหลันพูดอย่างเย้ยหยัน
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หลัน..ดูพวกเขาสิช่างหยาบคายกับแขกจริงๆ”
“หึ..ไม่ว่าปากของแกจะดีแค่ไหนแต่วันนี้แกจะไม่มีสิทธิ์หนีออกไปจากที่นี่ได้!” ฟูมะฮายาคุจิตะโกนและหลังจากนั้นเหล่าสาวกนินจานับสิบคนของสำนักนินจาอิงะก็พุ่งออกมาและล้อมเย่เชียนเอาไว้ทันที
“เดี๋ยวก่อน!” ฮัตโตริชิฮิโระสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างกระจ่างแจ้งเลยแต่ดูเหมือนผู้อาวุโสฟูมะจะพยายามปกปิดด้วยการทำแบบนี้..แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอกผมแค่อยากทวงความยุติธรรมของตัวเอง”
“ผู้อาวุโสฮัตโตริอยากมีปัญหาด้วยงั้นเหรอ?..นี่คุณกำลังพยายามปกป้องศัตรูของสำนักจาอิงะของเราอยู่ใช่มั้ย?” ฟูมะฮายาคุจิพูด
“อย่ามาหาเรื่องผม..ผมแค่อยากรู้จริงๆว่าคุณจะทำยังไงกับศัตรูตัวจริงของสำนัก” ฮัตโตริชิฮิโระพูด “นี่คุณไม่รู้เหรอว่าคุณนั่นแหละที่เป็นศัตรูของสำนักอิงะ..คุณยังมีหน้ามาพูดแบบนั้นกับผมอยู่อีกหรือ?”
“กล้ามาก!” ฟูมะฮายาคุจิก็ส่ายหัวและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ผู้อาวุโสฮัตโตริ!..คุณโอหังเกินไป!..ผมเป็นถึงผู้นำของสำนักนินจาอิงะแต่คุณยังกล้าพูดกับผมแบบนี้..คุณคิดว่าผมไม่สามารถทำอะไรกับคุณได้จริงๆงั้นหรอ?”
“ผมก็แค่พูดความจริง..ว่าคุณคิดที่จะความดีความชอบให้กับสำนักของเราโดยการกำจัดเย่เชียนเพื่อทำให้สมาคมมังกรดำพอใจใช่ไหม..หืม..สำนักนินจาอิงะของเรากับตระกูลดันโซนั้นมีความคับแค้นใจกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีเพราะงั้นผมจึงไม่ได้คาดหวังว่าตอนนี้สำนักอิงะของเราจะยอมจำนนต่อตระกูลดันโซแบบนี้..มึนคือความอัปยศและคุณก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้นำสำนักอิงะของเราอีกต่อไป” ฮัตโตริชิฮิโระพูดต่อ “ผมจะบอกคุณเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่าวันนี้คุณจะไม่สามารถทอะไรคุณเย่ได้เว้นแต่คุณจะฆ่าผมเสียก่อน”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้นากาซาวะเคโกะซึ่งอยู่ข้างๆก็ภูมิใจอย่างมากและแอบส่งข้อความต่างๆอย่างเงียบๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่มากกับการที่จะสามารถฆ่านกสามตัวได้โดยกินหินเพียงก้อนเดียว ดังนั้นการกำจัดฮัตโตริชิฮิโระ,ฟูมะฮายาคุจิและเย่เชียนในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดและมีความสุขอย่างยิ่ง เมื่อเธอเหลือบมองเย่เชียนโดยไม่ได้ตั้งใจเธอก็พบว่าเย่เชียนนั้นกำลังมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขาพร้อมกับท่าทีที่ดูสงบและมั่นใจอย่างมากจนทำให้นากาซาวะเคโกะรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“คุณคิดว่าผมไม่กล้างั้นเหรอ?..คุณปกป้องศัตรูของสำนักอย่างเปิดเผยแบบนี้คุณจงใจก่อกบฏสินะ..คุณสมควรโดนลงโทษ..เพราะงั้นวันนี้ผมจะนำตัวคุณไปพิจารณากับเหล่าผู้นำคนอื่นๆ..ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมันจะไม่มีตระกูลฮัตโตริอีกต่อไปในโลกใบนี้” ฟูมะฮายาคุจิพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“สุดท้ายคุณก็เปิดเผยความชั่วของคุณออกมา..นี่คงจะเป็นสิ่งที่คุณต้องการทำมาตั้งนานแล้ว..แต่ผู้อาวุโสฟูมะ..คุณประเมินผมต่ำเกินไปแล้ว..คุณคิดว่าผมไม่ได้เตรียมอะไรเอาไว้เลยอย่างงั้นเหรอ?” ฮัตโตริชิฮิโระพูดอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนจากนั้นฮัตโตริชิฮิโระก็พูดว่า “คุณเย่..คุณไม่ต้องกังวลไปตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ในวันนี้มันจะไม่มีใครเตะต้องได้แม้แต่เส้นผมของคุณ..แต่กรุณาอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เพราะมันเป็นเรื่องภายในระหว่างตระกูลกับสำนักนินจาของเรา..เอาไว้เราค่อยคุยกันหลังจากที่ผมกำจัดตาเฒ่าคนนี้”
แน่นอนว่าเย่เชียนก็มีความสุขตามธรรมชาติเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายระหว่างตระกูลนินจาและนอกจากนี้เย่เชียนก็ต้องการเห็นว่าฮัตโตริชิฮิโระนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ผมไม่ได้สนใจเรื่องภายในของสำนักนินจาหรอกครับ..เชิญคุณจัดการได้เลย”
ฮัตโตริชิฮิโระก็เหลือบมองฟูมะฮายาคุจิแล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่..แต่คุณต้องคิดดูดีๆว่าคุณทำอะไรผมได้หรือเปล่า”
การที่ฮัตโตริชิฮิโระมาที่นี่ในวันนี้ไม่ใช่เพื่อปกป้องเย่เชียนแต่เนื่องจากเขาได้รับข่าวว่าฟูมะฮายาคุจิคิดที่จะจัดการกับเย่เชียนเพื่อแสดงความจริงใจต่อสมาคมมังกรดำ..ดังนั้นเขาจึงต้องการใช้โอกาสนี้ในการโจมตีฟูมะฮายาคุจิ..ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะรู้ด้วยว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเผชิญกับเบื้องบนก็ตามแต่เขาก็เต็มใจที่จะกำจัดฟูมะฮายาคุจิเพราะนี่คือการต่อสู้ภายในตระกูลนินจาและสำนักอิงะ ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องนี้แต่ตราบใดที่เรื่องของวันนี้จบลงและหลังจากที่ฮัตโตริชิฮิโระเข้ามาดูแลสำนักนินจาอิงะแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็จะไม่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกและเรื่องของฟูมะฮายาคุจิก็จะจบลง
เมื่อเห็นเช่นนั้นฟูมะฮายาคุจิก็เหลือบมองออกไปด้านนอกก็พบว่าเหล่านินจาจากตระกูลฮัตโตริกำลังล้อมรอบเหล่าลูกศิษย์ของสำนักนินจาอิงะเอาไว้จนเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะก่อกบฏสินะ..ได้เลย!..นำตัวครทรยศมาให้ฉัน!”
ทันทีที่คำพูดของฟูมะฮายาคุจิจบลงเหล่าลูกศิษย์นับสิบคนของฟูมะฮายาคุจิก็รีบพุ่งเข้าไปหาฮัตโตริชิฮิโระ ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนต้องการเพียงแค่มองดูสิ่งต่างๆอยู่อย่างเงียบๆแต่เห็นได้ชัดว่าฟูมะฮายาคุจิไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้เย่เชียนทำแบบนั้นเพราะเมื่อเรื่องนี้จบลงฟูมะฮายาคุจิก็จะไม่ยอมให้เย่เชียนรอดชีวิตกลับไปอยู่แล้วและทำให้ตระกูลฟูมะมีอยู่อย่างรุ่งโรจน์ ไม่เช่นนั้นที่ตามมาจะเป็นหายนะ หลังจากนั้นฟูมะฮายาคุจิก็เหลือบมองคาเอดะแล้วพูดว่า “ถ้าเอ็งเอาหัวของเย่เชียนมาให้ฉันไม่ได้ก็ไม่ต้อบโผล่หน้ากลับมาที่ตระกูลอีกเลย!”
หลินเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็มองเห็นสิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจนในดวงตาของเขา ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความถึงชิงเฟิงที่กำลังเฝ้าดูอยู่ข้างนอกตั้งแต่แรกเพื่อเตรียมตัวเอาไว้
.
.
.
.
.
.
.