ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 710 ยึดอำนาจ ตอนที่ 8
ตอนที่ 710 ยึดอำนาจ ตอนที่ 8
ความรักมักจะทำให้คนมีพลังอำนาจและความเกลียดชังก็สามารถทำให้คนมีพลังและอำนาจจากความแค้นเช่นกัน หลังจากที่ดันโซบายาชิประสบเหตุการณ์นั้นเมื่อ 20 ปีที่แล้วหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อฟูฮายาคุจิและความเกลียดชังนี้เองที่กระตุ้นให้เขาทำสิ่งต่างๆอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อก้าวไปข้างหน้าและสะสมความแค้นเอาไว้
ดันโซบายาชิก็ได้พบกับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้จีนโบราณโดยบังเอิญและหลังจากการวิงวอนทุกประการแล้วปรมาจารย์ชาวจีนจึงตกลงที่จะสอนวิชาดาบให้เขาและในที่สุดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาดันโซบายาชิก็คิดที่จะหาทางแก้แค้นฟูมะฮายาคุจิเสมอมา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหย่อนยานและละเลยแม้แต่น้อยและหมกมุ่นอยู่กับศิลปะการต่อสู้ตลอดทั้งวันเพราะเขาต้องการเอาชนะฟูมะฮายาคุจิและทำให้ผู้ที่เคยดูถูกเหยียดหยามตระกูลดันโซต้องชดใช้กรรม
ดันโซบายาชิก็ผสมผสานศิลปะการต่อสู้ที่สอนโดยปรมาจารย์ชาวจีนและวิชาดาบของตระกูลดันโซเข้าด้วยกันและทักษะที่เขาฝึกจนลงตัวนั้นก็ค่อนข้างทรงพลัง นอกจากนี้ฟูมะฮายาคุจิก็กำลังบาดเจ็บสาหัสและเนื่องจากเขาฆ่าหลานชายด้วยมือของเขาเองมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกโศกเศร้าและเสียสมาธิในการต่อสู้อย่างมาก สิ่งนี้ทำให้การเคลื่อนไหวของฟูมะฮายาคุจิยุ่งเหยิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อันที่จริงทักษะการต่อสู้ของดันโซบายาชิก็ด้อยกว่าฟูมะฮายาคุจิมาก อย่างไรก็ตามในการดวลกันระหว่างสองปรมาจารย์นั้นคุณภาพของศิลปะการต่อสู้มักไม่ใช่เพียงเกณฑ์เดียวในการกำหนดผลลัพธ์เสมอไป
ฮัตโตริชิฮิโระก็เห็นสิ่งนี้ได้โดยธรรมชาติในดวงตาของเขาและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่นเพราะเขาไม่คิดว่าวิชาดาบของดันโซบายาชิจะพัฒนาขึ้นกว่าเดิมมากและดูเหมือนว่าเขาจะประเมินดันโซบายาชิต่ำเกินไปจริงๆ ซึ่งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาดันโซบายาชินั้นก็แทบจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเรื่องของสำนักนินจาอิงะเลยเพราะหลายสิ่งหลายอย่างถูกควบคุมโดยฟูมะฮายาคุจิ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยแสดงความคิดเห็นใดๆจะเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ
เย่เชียนก็เดินไปที่ด้านข้างของฮัตโตริชิฮิโระอย่างเงียบๆและเหยียดมือออกเพื่อตบไหล่ของฮัตโตริชิฮิโระแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปผมจะจัดการเรื่องนี้เอง..คุณคอยนั่งดูอย่างสบายใจและพักรักษาบาดแผลไปก่อน”
ฮัตโตริชิฮิโระก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นหันไปมองเย่เชียนและเห็นรอยยิ้มที่มั่นใจของเย่เชียนจากนั้นฮัตโตริชิฮิโระก็พยักหน้าเบาๆ ซึ่งในตอนนี้เขาไม่มีทางรับมือกับดันโซบายาชิได้เลยและความหวังเดียวก็คือเย่เฉียน ถึงแม้ว่าเขาอยากจะบอกเย่เชียนว่าดันโซบายาชิต้องการฆ่าเย่เชียนก็ตามแต่เมื่อพิจารณาดูแล้วเขาก็คิดว่าเย่เชียนเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน ดังนั้นเขาจังไม่พูดอะไรใดๆเพิ่มเติม
หากสำนักนินจาอิงะถูกทำลายหรืออยู่ภายใต้การควบคุมของดันโซบายาชิล่ะก็มันจะเป็นผลเสียต่อเย่เชียนอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามหากฮัตโตริชิฮิโระนเป็นผู้นำสำนักนินจาอิงะได้ล่ะก็ถึงแม้ว่าฮัตโตริชิฮิโระจะไม่ช่วยเย่เชียนแต่อย่างน้อยๆสำนักนินจาอิงะก็จะไม่เข้าร่วมกับสมาคมมังกรดำและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ยังสามารถเห็นได้ว่าฮัตโตริชิฮิโระเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ยอมก้มหัวให้ใคร ดังนั้นฮัตโตริชิฮิโระก็จะไม่มีวันก้มหัวหรือยอมจำนนต่อสมาคมมังกรดำอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ฟูมะฮายาคุจิก็สูญเสียสมาธิและปฏิกิริยาของเขาก็ดูกระวนกระวายและประหม่าอย่างมากจนการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยช่องโหว่ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและไม่แปลกใจเลยที่ฟูมะฮายาคุจิจะพ่ายแพ้
เมื่อนากาซาวะเคโกะเห็นฉากดังกล่าวมุมปากของเธอก็ฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือและคิดว่าสิ่งต่างๆด้านนอกบริเวณบ้านคงได้จะเสร็จสิ้นแล้วและตราบใดที่ดันโซบายาชิปลิดชีพฟูมะฮายาคุจิได้ล่ะก็เธอจึงจะสามารถยึดครองและควบคุมสำนักนินจาอิงะได้อย่างราบรื่น
สำนักนินจาอิงะนั้นเป็นหนึ่งในสามองค์กรนินจาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการที่สำนักนินจาอิงะถูกทำลายด้วยมือของเธอเองนากาซาวะเคโกะจึงรู้สึกภาคภูมิใจอย่างช่วยไม่ได้และแอบคิดว่า ‘สำนักอิงะผู้ยิ่งใหญ่งั้นเหรอ..มันก็แค่ตระกูลเล็กๆเท่านั้น..จะไปเปรียบเทียบกับองค์กรชาโด้ซากุระของฉันได้ยังไง”
“ฟูมะฮายาคุจิ..คุณทนไม่ไหวแล้วเหรอ..หืม..นึกไม่ถึงเลยว่าผู้นำตระกูลฟูมะผู้ทรงเกียรติจะพ่ายแพ้ผม..ผมมีความสุขจริงๆ” ดันโซบายาชิพูดอย่างมีชัย
“ผู้อาวุโสดันโซอย่ามัวแต่เล่นกับเขาสิคะ..รีบๆฆ่าเขาให้เร็วที่สุดและหลังจากเรื่องนี้จบแล้วเราก็รีบกลับไปและดื่มไวน์ฉลอง” นากาซาวะเคโกะพูด
“รอก่อนสิที่รัก” ดันโซบายาชิแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ก็ได้ๆ..ฉันจะฆ่าเขาเดี๋ยวนี้แหละ” ทันทีที่เสียงนั้นจบลงเจตนาฆ่าของดันโซบายาชิก็รุนแรงขึ้นในทันใดและดาบคาตานะในมือของเขาก็ร่ายรำราวกับมังกรและการจู่โจมก็พลิ้วไหวเหมือนสายน้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่พุ่งเข้าไปหาฟูมะฮายาคุจิ
ก่อนหน้านี้ฟูมะฮายาคุจิก็ต่อสู้กับฮัตโตริชิฮิโระจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ตอนนี้เขาก็บาดเจ็บสาหัสมากกว่าเดิมดังนั้นการรับมือกับดันโซบายาชิจึงกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆและเลือดที่บาดแผลตรงท้องก็เริ่มไหลออกมาอีกครั้งดังนั้นจึงทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงอย่างมาก
ด้วยการฟันที่รุนแรงดาบคาตานะของดันบายาชิก็ทะลุการป้องกันของฟูมะฮายาคุจิและฟันลงไปตรงหน้าอกของฟูมะฮายาคุจิโดยตรง จากนั้นดันโซบายาชิก็พุ่งออกไปและเตะหน้าท้องของฟูมะฮายาคุจิอย่างแรงจากนั้นก็เตะฟูมะฮายาคุจิออกไปทันที ซึ่งฟูมะฮายาคุจิก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องเพราะในเวลานี้คนรอบข้างของเขาก็ตายไปกันหมดแล้ว
หลังจากนั้นดันโซบายาชิก็เก็บดาบเข้าฝักแล้วหันไปมองฮัตโตริชิฮิโระแล้วพูดว่า “ฟูมะฮายาคุจิตายแล้วเพราะงั้นมันก็ถึงคราวของคุณแล้วฮัตโตริชิฮิโระ..คุณอยากจะตายแบบไหน”
“หึ..จะฆ่าก็เชิญ..ไม่ต้องพูดมากเพราะผมก็มีชีวิตอยู่มานานหลายปีแล้ว..ผมไม่ใช่คนที่กลัวความตาย” ฮัตโตริชิฮิโระพูดอย่างแน่วแน่ “คุณเป็นผู้นำตระกูลดันโซแต่กลับก้มหัวให้ศัตรูและเต็มใจที่จะเป็นสุนัขรับใช้ของสมาคมมังกรดำ..คุณไม่ละอายใจต่อบรรพบุรุษบ้างเลยเหรอ..คุณคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ทำแบบนี้”
“หืม..ฮัตโตริชิฮิโระ..โลกนี้น่ะมันมีแค่ผู้ชนะและผู้แพ้..ส่วนวิธีการนั้นมันไม่สำคัญหรอก” ดันโซบายาชิพูด “เจ้าว่าวันหนึ่งข้าจะถึงจุดสุดยอดแห่งอำนาจ มีใครกล้าดุฉันไหม มีใครจำสิ่งที่ฉันทำบ้าง ประวัติศาสตร์เขียนโดยคนที่ประสบความสำเร็จ”
“ยอดเยี่ยมจริงๆ!” เย่เชียนปรบมือและพูดว่า “คำพูดของผู้อาวุโสดันโซก็มีเหตุผลและสมเหตุสมผลจริงๆ..แต่ดูเหมือนคุณจะภูมิใจกับมันเร็วเกินไปหน่อยนะ..คุณยังไม่ได้บรรลุเป้าหมายสักหน่อยเพราะอย่างน้อยๆเย่เชียนคนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่และตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่พวกคุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้”
ถ้าไม่ใช่เพราะเบื้องบนในสมาคมมังกรดำที่กำชับให้จับเย่เชียนทั้งเป็นล่ะก็ดันโซบายาชิก็คงจะกำจัดเย่เชียนไปแล้วเพราะดันโซบายาชินั้นจะไม่มีวันปล่อยให้หายนะอย่างเย่เชียนรอดไปเพื่อกลับมาแว้งกัดเขาอีก ซึ่งเย่เชียนอาจนำมาซึ่งปัญหาไม่รู้จบแต่เขาก็เชื่อว่าตราบใดที่เย่เชียนถูกส่งตัวไปยังสมาคมมังกรดำแล้วเย่เชียนก็คงจะไม่มีทางรอดชีวิตไปได้อยู่ดี
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดแล้วดันโซบายาชิก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณจริงๆงั้นเหรอ..ผมได้พูดคุยกับสมาคมมังกรดำแล้วว่าให้ฆ่าคุณเพราะถ้าไม่มีคุณแล้วล่ะก็องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็เหมือนเสือที่ไม่มีเขี้ยวเล็บ”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคิดว่าคุณคงจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ..ถึงจะไม่มีผมแต่เขี้ยวหมาป่าก็ยังคงเป็นเขี้ยวหมาป่าเหมือนเดิม..ในสายตาของเราสมาคมมังกรดำก็เป็นแค่เศษเนื้อเท่านั้น”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “แต่ก็นะผมเกรงว่าวันนี้ผู้อาวุโสดันโซคงจะไม่รอด” เย่เชียนเหลือบมองไปที่ประตูและเห็นคนแปลกหน้าจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาและลูกศิษย์กับสมาชิกของตระกูลดันโซก็คร่ำครวญครั้งแล้วครั้งเล่า
ความแข็งแกร่งและคุณภาพในการต่อสู้ของตระกูลดันโซนั้นด้อยกว่าตระกูลฟูมะและตระกูลฮัตโตริมาก ดังนั้นหากตระกูลฟูมะและตระกูลฮัตโตริพ่ายแพ้ให้กับตระกูลดันโซในการสู้รบแล้วล่ะก็พวกเขาจะอยู่อย่างรุ่งโรจน์เหมือนในปัจจุบันได้อย่างไร?
มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่ด้านนอกจนคนที่นี่อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเพราะเขาไม่รู้จักใครเลยที่นี่แต่พลังการต่อสู้ของคนเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งมากจนเหล่าสมาชิกของตระกูลดันโซดูเหมือนจะไม่มีโอกาสตอบโต้เลยด้วยซ้ำ ฮัตโตริชิฮิโระเองก็สังเกตเห็นด้วยและเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและแอบคาดเดาว่าเป็นไปได้ไหมที่สมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามาที่นี่? อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูใกล้ๆแล้วเขาก็พบว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่เหล่าทหารรับจ้างขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเลย
ดันโซบายาชิก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เย่เชียน..ดูเหมือนว่าคุณจะเตรียมตัวมาอย่างดีเลยสินะ..พวกเขี้ยวหมาป่าของคุณเคลื่อนไหวกันเร็วใช้ได้เลยนี่” เห็นได้ชัดว่าดันโซบายาชินั้นเชื่อว่าคนเหล่านี้คือคนขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาปา แต่น่าเสียดายที่ความจริงไม่ใช่เพราะถึงแม้ว่าชิงเฟิงและสมาชิกคนอื่นๆของหน่วยกรงเล็บหมาป่าจะเตรียมตัวอยู่ด้านนอกก็ตามแต่พวกเขายังไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
เย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “คนพวกนี้ไม่ใช่คนของเขี้ยวหมาป่า..แต่เป็นคนของนากาซาวะเคโกะสุดที่รักของคุณไง..คุณเป็นคนโง่เพียงคนเดียวที่ถูกขังอยู่ในความมืดโดยที่ไม่รู้อะไร..เป้าหมายของเธอก็คือการกำจัดพวกคุณทั้งหมด..จริงมั้ยคุณนากาซาวะเคโกะ?”
ท่าทางที่ดูจริงจังของเย่เชียนประกอบกับสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามันไม่ใช่ความจริงจนทุกคนได้แต่ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูด จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองที่นากาซาวะเคโกะและเธอก็พยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ราชาหมาป่าเย่เชียนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ..ขนาดคนอย่างฉันยังไม่สามารถปิดบังอะไรจากคุณได้..แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันเกรงว่ามันจะไม่มีราชาหมาป่าเย่เชียนในโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว”
คำพูดของนากาซาวะเคโกะนั้นได้ยืนยันคำพูดของเย่เชียนอย่างไม่ต้องสงสัยจนทำให้ดันโซบายาชิถึงกับตกใจและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อและเมื่อมองไปที่นากาซาวะเคโกะแล้วดันโซบายาชิก็ถามว่า “ที่รัก!..สิ่งที่เขาพูดมันเป็นความจริงหรือเปล่า?..เธอโกหกฉันจริงๆเหรอ?..เธอจะกำจัดฉันด้วยงั้นเหรอ?”
.
.
.
.
.
.
.