ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 713 ยึดอำนาจ ตอนที่ 11
ตอนที่ 713 ยึดอำนาจ ตอนที่ 11
ฮัตโตริชิฮิโระก็รู้สึกโล่งใจเมื่อสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าคอยปกป้องเขาและพวกเธอก็ปฐมพยาบาลบาดแผลของเขาให้ด้วย ด้วยผลของการต่อสู้ที่ดุเดือดครั้งที่สองนั้นจึงทำให้บาดแผลของเขาเปิดออกอีกครั้งจนทำให้เขาเสียเลือกอย่างมากและถ้าหากได้รับการรักษาไม่ทันล่ะก็มันก็อาจทำให้ฮัตโตริชิฮิโระเสียเลือดจนตายก็เป็นได้
เมื่อเขาได้เห็นพลังขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งโลกทหารรับจ้างได้และได้รับคำกล่าวขานว่าเป็นราชาแห่งโลกแห่งทหารรับจ้างนั้นมันไม่เกินจริงเลย..เพราะเย่เชียนนั้นคนธรรมดาไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลยดังนั้นตราบใดที่เขี้ยวหมาป่ามีคนอย่างเย่เชียนเป็นผู้นำล่ะก็องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะไม่มีวันพังทลายอย่างแน่นอน’
ในสถานการณ์ปัจจุบันฮัตโตริชิฮิโระก็มีความสุขอย่างมากเพราะฟูมะฮายาคุจิก็ถูกฆ่าตายไปแล้วส่วนดันโซบายาชิก็จะมีชีวิตอยู่ในไม่ช้าและดูเหมือนว่าสำนักนินจาอิงะจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาไปแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงสิ่งที่นากาซาวะเคโกะพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วเขาก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้เพราะถ้าหากเหล่าสมาชิกและลูกศิษย์ของตระกูลฮัตโตริทั้งหมดถูกฆ่าตายถึงแม้ว่าเขาจะครอบครองอำนาจของสำนักนินจาอิงะเอาไว้ล่ะก็แต่เขาก็ไม่เหลืออะไรอยู่ดี อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบันแล้วมันก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไปเพราะเขาแค่คิดว่าเย่เชียนจะจัดการกับตัวเองอย่างไรหลังจากที่เขากำจัดนากาซาวะเคโกะได้แล้ว?
ด้วยการแทรกแซงของหลินเฟิงกับหมาป่าผีไป๋ฮวยประกอบกับการโจมตีที่รุนแรงของชิงเฟิงและสมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่านั้นจึงทำให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของนากาซาวะเคโกะตายไปทีละคนในชั่วพริบตา ซึ่งนั่นเป็นเพราะการที่เย่เชียนได้กำชับและสั่งการอย่างเคร่งครัดมานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าให้สมาชิกทั้งหมดขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณ ซึ่งถึงแม้ว่าสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าจะเคยเป็นสมาชิกขององค์กรดาร์คลิลลี่ก็ตามแต่เนื่องจากพวกเธอกลายมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วทุกคนก็คือพี่น้อง ดังนั้นเนื่องจากพวกเธอเป็นสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเย่เชียนจึงสนับสนุนพวกเธอและสั่งให้พวกเธอฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณเช่นเดียวกันกับพี่น้องทุกคน
นักฆ่าเหล่านี้พวกเธอล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่เคยอยู่ในความมืดและไม่กล้าออกมามองดูพระอาทิตย์เลยสักครั้งแต่ในตอนนี้เย่เชียนได้นำพาพวกเธอไปสู่แสงสว่างแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเธอจะยังต้องใช้ชีวิตอย่างลับๆอยู่บ้างแต่พวกเธอก็มีอิสระมากกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่เย่เชียนจะแต่งตั้งหน่วยกรงเล็บหมาป่าขึ้นมาเขาได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าใครต้องการที่จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างอิสระและต้องการถอนตัวออกจากการเป็นนักฆ่าสู่คนธรรมดาล่ะก็เขาจะไม่คัดค้านใดๆ ซึ่งพวกเธอทั้งหมดก็เต็มใจที่จะอยู่ต่อและเนื่องจากพวกเธอเลือกที่จะอยู่แล้วพวกเธอก็มุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอย่างจงรักภักดี
หลังจากฝึกฝนมานานกว่าหนึ่งปีนั้นประสิทธิภาพการต่อสู้ของสมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่าเหล่าก็เทียบไม่ได้กับอดีตอีกต่อไป และถึงแม้ว่าเวลาดังกล่าวจะไม่ได้นานนักแต่ก็ถือได้ว่าพวกเธออยู่ในระดับฝึกตนระดับกลางกันแล้วและได้ก้าวกระโดดในเชิงคุณภาพไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากพวกเธอเป็นสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไปเพราะส่วนใหญ่พวกเธอมักจะเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่มและได้รับการสนับสนุนจากองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและสิ่งนี้ไม่เพียงแค่ปลูกฝังความเป็นพี่น้องกันระหว่างพวกเธอเท่านั้นแต่ยังพัฒนาทักษะการผสมผสานการต่อสู้ร่วมกันที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อนากาซาวะเคโกะเห็นคนของเธอล้มลงไปทีละคนหัวใจของเธอก็สั่นสะท้านและตอนนี้เธอก็ไม่มีความคิดอื่นใดอีกแล้วและเธอเพียงต้องการปลิดชีพดันโซบายาชิโดยเร็วที่สุดจากนั้นจึงหาทางหนีและไม่ต้องกังวลเรื่องของเย่เชียนเพราะถึงแม้ว่าเธอจะต้องถูกลงโทษหลังจากกลับไปแต่เธอก็กลับมาแก้มือเรื่องในวันนี้อีกครั้งในคราวหน้า เพราะการแทรงแซงของเย่เชียนจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและเธอก็เชื่อว่าหัวหน้าของเธอจะไม่ลงโทษหรือตำหนิเธอรุนแรงจนเกินไป
ด้วยความคิดนี้จึงทำให้การโจมตีของนากาซาวะเคโกะรุนแรงขึ้นและร่างของเธอก็เคลื่อนไหวอย่างน่าประหลาดใจจากนั้นมีดในมือของเธอก็แทงเข้าไปตรงหัวใจของดันโซบายาชิโดยตรง ซึ่งมันรวดเร็วและแม่นยำอย่างยิ่งจนแม้แต่เย่เชียนเองก็ไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวของนากาซาวะเคโกะในตอนนี้ดูเหมือนจะคล้ายกับทักษะการต่อสู้ของประเทศอินเดียที่ผสมผสานกับโยคะที่เป็นทักษะการทำตัวอ่อนที่แพร่หลายในประเทศอินเดียที่มันสามารถทำให้ร่างกายของมนุษย์บิดเบี้ยวไปอย่างน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง
เย่เชียนนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องโยคะมากนักเพราะเขาเคยเห็นเพียงแค่ในโทรทัศน์เท่านั้นและเขาก็ยังไม่เคยพบกับปรมาจารย์โยคะเลยจริงๆ ดังนั้นหลังจากที่ได้เห็นการกระทำของนากาซาวะเคโกะแล้วเย่เชียนจึงแอบรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องศึกษาทักษะของโยคะเอาไว้บ้างไม่เช่นนั้นเขาอาจจะประหม่าเมื่อต้องเผชิญกับสมาชิกขององค์กรชาโด้ซากุระเหล่านี้ในอนาคต
นากาซาวะเคโกะก็ไม่กล้าหยุดหรือลังเลใดๆเธอจึงดึงมีดของเธอกลับออกมาอย่างรวดเร็วแล้วหมุนตัวไปข้างหลังของกันโซบายาชิอย่างรวดเร็วแล้วใช้แขนทั้งของข้างล็อกคอของดันโซบายาชิเอาไว้แล้วบิดอย่างแรงและมีเพียงเสียง “กรึก!” จากนั้นดันโซบายาชิก็คอหักจนหัวห้อยลงมาและในทันใดนั้นร่างของเขาก็ล้มลงไปกับพื้นทันที
“เย่เชียน!..จำเอาไว้นะว่าอย่ามายุ่งกับองค์กรชาโด้ซากุระอีก!” ทันทีที่เสียงของนากาซาวะเคโกะจบลง เธอก็คว้าระเบิดควันออกมาแล้วปาลงพื้นจากนั้นก็มีเพียงเสียง “ฟึ่ม!” และควันก็ลอยคลุ้งไปเต็มห้อง
เย่เชียนก็หัวเราะอย่างเย็นชาและยืนนิ่งโดยไม่ขยับใดๆและไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไล่ตามแต่เขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเพราะถึงแม้ว่าเขาจะจับนากาซาวะเคโกะได้แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถถามอะไรจากเธอได้เลยและแทนที่จะไล่ล่าเธออย่างดุเดือดบางทีเย่เชียนอาจจะสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรชาโด้ซากุระผ่านเธอได้โดยที่ไม่ต้องต่อสู้
เมื่อฮัตโตริชิฮิโระเห็นนากาซาวะเคโกะหนีไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจเพราะการปล่อยให้เสือกลับไปบนภูเขานั้นมันจะส่งผลเสียต่อสำนักนินจาอิงะอย่างมากในอนาคตและนอกจากนี้นากาซาวะเคโกะก็ได้ฆ่าสมาชิกของสำนักนินจาอิงะไปจำนวนมากดังนั้นฮัตโตริชิฮิโระจึงต้องการที่จะล้างแค้นเธอ อย่างไรก็ตามเขาก็ได้เห็นทักษะของนากาซาวะเคโกะด้วยตาของเขาเองแล้วและตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไล่ตามได้ทันแต่มันก็ไร้ประโยชน์อะไรเพราะแม้แต่ชีวิตของเขาเองก็อาจจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะการแทรกแซงและความช่วยเหลือของเย่เชียนดังนั้นเรื่องต่างๆจะดำเนินต่อไปอย่างไรนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเย่เชียน แต่เมื่อดูจากปฏิกิริยาของเย่เชียนแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะไล่ตามนากาซาวะเคโกะไป เมื่อเห็นเช่นนั้นฮัตโตริชิฮิโระจึงต้องละทิ้งความคิดของเขาไป
เมื่อควันค่อยๆหายไปคนของนากาซาวะเคโกะทั้งหมดก็ล้มลงกับพื้นและไม่มีใครรอดชีวิตอีกต่อไป เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่ชิงเฟิงและชิงเฟิงก็พยักหน้าอย่างรู้เท่าทัน จากนั้นชิงเฟิงก็เดินไปที่ร่างอันไร้วิญญาณของทหารคนหนึ่งและค้นหาอยู่พักหนึ่งและไม่พบอะไรนอกจากอาวุธ จากนั้นชิงเฟิงปลดเสื้อผ้าของศพและเห็นรอยสักยมทูตอยู่ที่แผ่นหลังของศพและเขาก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปเหลือบมองที่เย่เชียน
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและก้มหน้าลงมองและเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะเขาไม่เข้าใจความหมายของรอยสักนี้ จากนั้นเขาก็หันไปมองหลินเฟิงกับไป๋ฮวยแล้วถามว่า “พี่หลิน..พี่ไป๋พวกพี่รู้มั้ยว่ารอยสักนี้มันคืออะไร?”
หลินเฟิงก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เท่าที่ฉันรู้มาสมาชิกขององค์กรชาโด้ซากุระทั้งหมดเป็นผู้หญิงและรอยสักของพวกเธอควรจะเป็นดอกซากุระ..ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารอยสักรูปหัวกะโหลกยมทูตมันคืออะไร”
ขนาดไป๋ฮวยเองก็ยังส่ายหัวซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“ผมรู้!” ฮัตโตริชิฮิโระก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและมองลงไปที่เครื่องหมายรอยสักยมทูตที่ศพแล้วพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็หันไปมองฮัตโตริชิฮิโระ หลังจากนั้นฮัตโตริชิฮิโระก็พูดว่า “ถ้าจำไม่ผิดพวกเขาน่าจะมาจากกองกำลังป้องกันตนเองพิเศษของญี่ปุ่น”
ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะผงะและเย่เชียนก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “ประเทศญี่ปุ่นมีกองกำลังป้องกันตนเองได้ยังไง?..ประเทศญี่ปุ่นเป็นเมืองขึ้นเพราะงั้นตามข้อตกลงระดับสากลแล้วประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ควรมีกองกำลังป้องกันตนเองไม่ใช่เหรอ?”
“คนนอกมักจะคิดแบบนั้นเพราะอันที่จริงแล้วประเทศญี่ปุ่นได้จัดตั้งกองกำลังป้องกันตนเองพิเศษมาตั้งแต่หลังสงครามโลกแล้วแต่โลกภายนอกไม่รู้หรอก..ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกทั้งหมดของกองกำลังป้องกันตนพิเศษก็ล้วนเป็นบุคลากรของกองทัพแห่งชาติญี่ปุ่น” ฮัตโตริชิฮิโระพูด “แต่ผมไม่คาดคิดเลยว่าคนเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับองค์กรชาโด้ซากุระ..ดูเหมือนว่ามันจะมีการสมรู้ร่วมคิดกันในกองทัพแห่งชาติจริงๆ”
คำพูดของฮัตโตริชิฮิโระก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ส่วนเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นเพราะสิ่งต่างๆดูเหมือนจะซับซ้อนกว่าที่เขาคาดเอาไว้ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆเย่เชียนก็หันไปมองชิงเฟิงแล้วพูดว่า “ชิงเฟิงนายพาคนออกไปก่อน..มันจะลำบากเอาถ้าพวกตำรวจมา”
“รับทราบครับบอส!” ชิงเฟิงตอบและโบกมือเพื่อส่งสัญญาณจากนั้นเหล่าสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าก็ถอนตัวออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
เย่เชียนก็หันไปมองที่ฮัตโตริชิฮิโระแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสฮัตโตริ..ตอนนี้ฟูมะฮายาคุจิกับดันโซบายาชิก็ตายไปแล้วเพราะงั้นผมควรแสดงความยินดีกับคุณเพราะต่อจากนี้ไปคุณจะได้เป็นผู้นำของสำนักนินจาอิงะแล้ว…ผมหวังว่าเขี้ยวหมาป่าของผมกับสำนักอิงะจะสามารถเป็นพันธมิตรกันได้”
ฮัตโตริชิฮิโระก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆแล้วพูดว่า “ผมอยากจะขอบคุณคุณเย่สำหรับเรื่องนี้จริงๆ..ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเย่เข้ามาช่วยล่ะก็ผมคงตายที่นี่ไปแล้ว..แล้วก็ขอบคุณที่เชื่อในคำเตือนของผมว่าฟูมะฮายาคุจิคิดที่จะกำจัดคุณ”
“อย่างที่ผมพูดไปว่าผมเป็นคนที่รู้จักบุญคุณไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรผู้อาวุโสฮัตโตริก็มีบุญคุณกับผม..เพราะงั้นผมไม่อาจเฝ้าดูคุณตายไปต่อหน้าต่อตาได้” เย่เชียนพูดต่อ “ผมแค่หวังว่าหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้สำนักอิงะกับผมจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่แยบยลให้เป็นสิ่งที่ดีได้..ผมเชื่อว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันและเป็นพันธมิตรกันมันจะนำพาชัยชนะมาให้พวกเราได้อย่างแน่นอน”
ฮัตโตริชิฮิโระพูด “น่าเสียดายที่เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้สมาชิกของสำนักอิงะล้มตายไปหลายคน..ผมไม่รู้เลยว่าลูกศิษย์และสมาชิกของตระกูลฮัตโตริของผมรอดชีวิตอยู่กี่คน..พวกชาโด้ซากุระร้ายกาจเกินไปคราวนี้ผมเสียใจจริงๆ..ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเย่ล่ะก็ผมเกรงว่าสำนักนินจาอิงะคงจะหายไปจากโลกนี้แล้ว”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนผู้อาวุโสเพราะงั้นคุณก็อย่าปฏิบัติต่อผมเหมือนเป็นคนนอกเลย”
“ผู้อาวุโสฮัตโตริไม่ต้องกังวลไปเพราะถึงแม้ว่าสมาชิกและลูกศิษย์ของตระกูลฮัตโตริจะล้มตายไปหลายคนแต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปเพราะโชคดีที่เย่เชียนคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้เขาจึงส่งผมไปช่วยเหลือสมาชิกของตระกูลฮัตโตริตั้งแต่เช้า..ไม่เช่นนั้นตระกูลฮัตโตริคงจบสิ้นจริงๆ..แต่โชคดีที่เราไปได้ทันเวลาเพราะงั้นสมาชิกและลูกศิษย์ของตระกูลฮัตโตริส่วนใหญ่จึงรอดชีวิตและการสูญเสียก็ไม่ได้มากถึงขนาดนั้น” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด
.
.
.
.
.
.
.