ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 714 กลับสู่สถานการณ์ปกติชั่วคราว
ตอนที่ 714 กลับสู่สถานการณ์ปกติชั่วคราว
นี่ไม่ใช่การจัดเตรียมของเย่เชียนและเขาก็ไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์นี้ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าฟูมะฮายาคุจินั้นต้องการกำจัดตนแต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าฮัตโตริชิฮิโระจะปรากฏตัวมาที่นี่และยิ่งไปกว่านั้นดันโซบายาชิก็มาเพื่อทำการล้างแค้นและยึดอำนาจของสำนักนินจาอิงะแล้วยังมีองค์กรชาโด้ซากุระที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดและทำให้สิ่งต่างๆ ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เย่เชียนก็ได้สั่งให้ชิงเฟิงนำเหล่าสมาชิกหน่วยกรงเล็บถอนตัวออกไปและคอยเฝ้าระวังอยู่ที่ด้านนอกและจุดประสงค์ก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ อีก
หลังจากที่ไป๋ฮวยพูดเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปและมองไปที่ไป๋ฮวยด้วยความประหลาดใจ
เย่เชียนก็รู้ดีว่าทำไมไป๋ฮวยถึงทำแบบนี้และนั่นก็คือการที่ไป๋ฮวยต้องการสร้างความดีความชอบให้กับเย่เชียนต่อหน้าฮัตโตริชิฮิโระเพื่อทำให้ฮัตโตริชิฮิโระรู้สึกทราบซึ้งและเป็นบุญคุณและเลือกที่จะร่วมมือกับเขี้ยวหมาป่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เย่เชียนก็เหลือบมองไป๋ฮวยอย่างซาบซึ้งจากนั้นก็พยักหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าไป๋ฮวยจะไม่สนใจเย่เชียนเลยและเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและมองไปที่หลินเฟิงที่กำลังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย
ฮัตโตริชิฮิโระก็ไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะคิดว่าเขาอาจจะได้ยินผิดไปดังนั้นเขาจึงถามอย่างเร่งรีบว่า “จริงหรือเปล่าครับคุณเย่!..ลูกศิษย์และสมาชิกของตระกูลฮัตโตริส่วนใหญ่ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?”
เนื่องจากไป๋ฮวยบอกว่าไม่เป็นไรเย่เชียนก็เชื่อว่ามันจะต้องไม่เป็นอะไรจริงๆ เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่..ถึงแม้ว่าเหล่าสมาชิกและลูกศิษย์ของตระกูลฮัตโตริจะบาดเจ็บล้มตายไปบ้างแต่มันก็ไม่สามารถทำร้ายรากเหง้าของตระกูลได้..ตราบใดที่ผู้อาวุโสฮัตโตริดูแลสำนักนินจาอิงะอย่างดีล่ะก็มันจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว..ผมเชื่อว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้นและจะใช้เวลาไม่นานในการเริ่มใหม่เพื่อยกระดับศักดิ์ศรีและเกียรติยศของสำนักอิงะ”
ฮัตโตริชิฮิโระก็ตื่นเต้นมากจนเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “คุณเย่!..คุณคือผู้มีพระคุณของตระกูลฮัตโตริของผม..ดังนั้นหากคุณต้องการสิ่งใดในอนาคตล่ะก็คุณเย่สามารถบอกผมมาได้เลย..ไม่ว่าจะเป็นอะไรตระกูลฮัตโตริก็พร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟ”
เย่เชียนก็แอบยิ้มอย่างลับๆ และเขาก็มีความสุขมาก ซึ่งมันดีที่สุดแล้วที่มีจุดจบและผลลัพธ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามองค์กรชาโด้ซากุระก็สร้างความรำคาญให้กับเย่เชียนพอสมควรเพราะพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพแห่งชาติญี่ปุ่นและเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมีแผนการบางอย่างอยู่และวันนี้เย่เชียนได้ขัดขวางแผนการของพวกเขาเอาไว้ดังนั้นเย่เชียนจึงเกรงว่าพวกเขาตงจะไม่ปล่อยผ่านไปหรอกใช่ไหม? ซึ่งนี่จะเป็นหายนะอย่างแน่นอนในอนาคต
“เอาล่ะ..ด้วยคำพูดของผู้อาวุโสฮัตโตริแล้วผมก็โล่งใจ..ผมหวังว่าสำนักอิงะและองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของผมจะสามารถเป็นพันธมิตรกันได้ตลอดไป” เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสฮัตโตริก็เห็นแล้วเพราะงั้นผมต้องเตือนคุณว่าคราวนี้แผนการขององค์กรชาโด้ซากุระล้มเหลวเพราะงั้นเขาต้องไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอนและมันจะทำให้เราเผชิญกับปัญหาอย่างไม่รู้จบ..แน่นอนว่านอกจากนี้ก็ยังมีสมาคมมังกรดำอีกและพวกเขาก็จะไม่หยุดเคลื่อนไหว..เท่าที่ผมได้ยินมาเบื้องบนของญี่ปุ่นดูเหมือนจะตั้งใจจะสงบศึกกับสำนักนินจาอิงะแต่ในตอนนี้ฟูมะฮายาคุจิก็ตายไปแล้วเพราะงั้นสำนักอิงะก็อยู่ภายใต้การดูแลของคุณ..ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสฮัตโตริคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“สมาคมมังกรดำได้ยุยงให้ดันโซบายาชิก่อกบฏจริงๆ เพราะงั้นผมจะรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้อาวุโสทุกคนและตระกูลนินจาทั้งหมด..หลังจากนั้นผมก็เชื่อว่าพวกเขาจะละทิ้งความคิดเก่าๆ ที่พวกเขารู้เกี่ยวกับสมาคมมังกรดำทั้งหมด” ฮัตโตริชิฮิโระพูดต่อ “แต่ไม่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจกันแบบไหนถึงยังไงตระกูลฮัตโตริและสำนักอิงะจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับคุณเย่เป็นอันขาด”
“ฉันหวังว่าผู้อาวุโสฮัตโตริจะสามารถเกลี้ยกล่อมผู้คนได้..จุดประสงค์ที่ผมมาเยือนประเทศญี่ปุ่นก็เพื่อกำจัดสมาคมมังกรดำ..เพราะงั้นเนื่องจากเรามีศัตรูร่วมกันเราก็ควรจะร่วมมือกันแต่ถ้าหากเราเป็นศัตรูกันล่ะก็ฝ่ายที่ได้เปรียบคือสมาคมมังกรดำ..ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้องค์กรชาโด้ซากุระและกองทัพแห่งชาติก็เข้ามาเกี่ยวข้องอีก..ดังนั้นสิ่งต่างๆ จึงซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” เย่เชียนพูดต่อ “ถ้าเป็นไปได้ผมก็หวังว่าผู้อาวุโสฮัตโตริจะสามารถจัดประชุมและนัดให้ผมไปพบกับเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลนินจาได้”
ฮัตโตริชิฮิโระก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฮัตโตริชิฮิโระก็พูดว่า “เป็นความจริงที่ถึงแม้ว่าสำนักนินจาอิงะของผมจะถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมของเหล่าตระกูลนินจาที่มีชื่อของประเทศญี่ปุ่นแต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงแค่องค์กรใต้ดิน..ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้มีอำนาจในรัฐบาลถึงขนาดนั้น..แต่เนื่องจากคุณเย่ต้องการแบบนั้นผมจะนัดประชุมให้..แต่ผมไม่มั่นใจนะครับว่าพวกเขาจะยอมตกลงหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ผู้อาวุโสฮัตโตริก็ถ่อมตัวเกินไปเพราะถึงแม้ว่าเหล่านินจาอิงะจะเป็นเหมือนพวกมาเฟียแต่ผมเชื่อว่าพวกเขามีจิตวิญญาณในการต่อสู้และจะไม่มีวันทรยศพวกพ้องอย่างแน่นอน” ไม่ฟังคำแนะนำของปรมาจารย์ฮัตโตริ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้เฒ่าฮัตโตริ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ใช่!..มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการจะหารือกับผู้อาวุโสฮัตโตริเพราะตอนนี้ฟูมะฮายาคุจิก็ตายไปแล้วและพวกชาโด้ซากุระก็ถูกกำจัดแล้วส่วนที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร..แต่การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ที่จัดโดยตระกูลฟูมะมันไม่สามารถระงับหรือยุติได้เพียงเพราะตระกูลฟูมะถูกทำลาย..เพราะงั้นผมจึงอยากจะถามว่าผู้อาวุโสฮัตโตริมีความคิดเห็นยังไงบ้าง?”
ฮัตโตริชิฮิโระก็ตกตะลึงเล็กน้อยและพูดว่า “สำนักนอิงะในตอนนี้ต้องการฟื้นฟูอย่างยิ่ง..ดังนั้นถึงแม้ว่าตระกูลฟูมะจะถูกทำลายไปแล้วก็ตามแต่มันก็จะใช้เวลาสักพักถึงเราจะเข้ายึดครองสิ่งต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์..ผมรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันศิลปะการต่อสู้นี้ดีและเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของคุณเย่ก็มีส่วนร่วมด้วย..ซึ่งเมื่อตระกูลฟูมะถูกทำลายไปผมก็ต้องคอยดูแลจัดการสิ่งต่างๆ ทั้งหมดเพราะงั้นผมคงต้องขอรบกวนคุณเย่เชียนเกี่ยวกับการบริหารการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้..ไม่ทราบว่าคุณเย่ต้องการบริหารจัดการแบบไหนหรือ?”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและหันไปมองซ่งหลันเพราะเธอรับผิดชอบธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปทั้งหมด ดังนั้นเย่เชียนจึงอยากถามเธอว่าเธอต้องการแบบไหน เมื่อเห็นการจ้องมองของเย่เชียนแล้วซ่งหลันก็พยักหน้าเพราะผลประโยชน์ของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้มีมากมายมหาศาลและนอกจากนี้มันยังเป็นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นซ่งหลันจึงไม่ปล่อยสิ่งที่ดีเช่นนี้ไปโดยธรรมชาติอย่างแน่นอน
ตอนนี้สิ่งต่างๆ ก็ถูกส่งไปยังซ่งหลันแล้วดังนั้นเย่เชียนจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นกรณีนี้ผมก็เคารพในการตัดสินใจของทุกคน..ซึ่งรายได้จากการแข่งขันศิลปะการต่อสู้จะมอบให้กับผู้อาวุโสฮัตโตริตามสัดส่วนของหุ้นทั้งหมดเพราะงั้นคุณวางใจได้เลย”
ฮัตโตริชิฮิโระก็พูดว่า “เรื่องรายได้เอาไว้คุยกันทีหลังดีกว่า” หลังจากหยุดไปสักพักฮัตโตริชิฮิโระก็พูดต่อ “มันมีเรื่องความเป็นความตายเกิดขึ้นที่นี่ผมคิดว่าพวกตำรวจคงจะกำลังมาในเร็วๆ นี้เพราะงั้นคุณเย่กลับไปก่อนดีกว่าครับ..เดี๋ยวผมจัดการเรื่องพวกนี้เอง”
ผลประโยชน์ของการแข่งขันนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนและไม่สามารถคาดเดากำไรจากรายได้เพียงผิวเผินเท่านั้นและที่สำคัญกว่านั้นคือกำไรที่จะตามมาหลังจากการแข่งขันจบลงอีก ซึ่งไม่นานก่อนที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นตอนนั้นธุรกิจระหว่างประเทศยังไม่มีการเปิดตัว ดังนั้นหากธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปไปถึงระดับระหว่างประเทศล่ะก็เศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นก็จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีมากและเนื่องจากฮัตโตริชิฮิโระตั้งใจที่จะให้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นผู้ดำเนินการสิ่งต่างๆ เย่เชียนจึงตกลงโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
กำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้สำหรับเย่เชียนนั้นก็น่าจะเป็นการได้สำนักนินจาอิงะมาเป็นพันธมิตรนั่นเอง ถึงแม้ว่ามันอาจจะแค่ชั่วคราวแต่นี่ก็เพียงพอแล้วเพราะตราบใดที่สำนักนินจาอิงะไม่ได้ต่อต้านเขาในตอนนี้เขาก็สามารถมีกองกำลังเพิ่มเติมเพื่อกำจัดสมาคมมังกรดำได้ ประการที่สององค์กรชาโด้ซากุระก็ถูกเปิดโปงแล้วและในที่สุดเย่เชียนก็พบว่าการแข่งขันการเลือกตั้งพรรึรัฐบาลในปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีเพียงสองฝ่ายเท่านั้นแต่ยังมีองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกองทัพแห่งชาติอีกด้วย ซึ่งนี่เป็นข่าวที่สำคัญมากสำหรับเย่เชียนเพราะหลังจากเรียนรู้เรื่องนี้แล้วเขาก็จะสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมที่เฉพาะเจาะจงได้
เย่เชียนก็ไม่ได้อยู่ในบ้านของฟูมะฮายาคุจิอีกต่อไปเพราะหลังจากที่กล่าวคำอำลากับฮัตโตริชิฮิโระแล้วเย่เชียนกับซ่งหลัน,หลินเฟิงและไป๋ฮวยก็ออกจากที่นี่ไป ซึ่งตำรวจของโตเกียวก็ไม่รู้เลยมันว่าเกิดอะไรขึ้นในสำนักนินจาอิงะและอาจเป็นเพราะชื่อเสียงของตระกูลนินจาดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงตามอำเภอใจ อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาปรึกษากับผู้บังคับบัญชาแล้วพวกเขาก็จะดำเนินการสืบสวนต่อ
เย่เชียนนั้นไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกรมตำรวจส่วนกลางแบบตรงๆ เพราะในตอนนี้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนใหญ่และเขาไม่ต้องการทำให้ตัวตนเบื้องหน้าถูกทำลายไป สำหรับแผนการต่อไปเย่เชียนก็ให้ฮัตโตริชิฮิโระช่วยเรียกนัดพบเหล่าผู้นำตระกูลนินจาทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นสมาคมมังกรดำหรือกองทัพแล้วเมื่อเทียบกับพวกเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลนินจาต่างก็มีทัศนคติที่เข้มงวดกว่า ดังนั้นเย่เชียนจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในอำนาจของสมาคมมังกรดำและแน่นอนว่าทัศนคติของคนเหล่านั้นในอนาคตเป็นสิ่งที่เย่เชียนคาดเดาไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่นักการเมืองดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเย่เชียนไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องระดับชาติ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วเย่เชียนก็เพียงแค่ต้องการตอบโต้และแก้แค้นสมาคมมังกรดำที่ทำให้เขาขุ่นเคืองเท่านั้น
หลังจากขึ้นรถแล้วเย่เชียนก็เหลือบมองซ่งหลันแล้วพูดว่า “พี่หลัน..พี่เป็นยังไงบ้าง”
ซ่งหลันก็จ้องมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “หึ..นายไม่สนใจฉันเลยนายเอาแต่ช่วยฮัตโตริชิฮิโระ..ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านายทำเพื่อเขี้ยวหมาป่าหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและหันมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่มองพวกเขา ส่วนไป๋ฮวยก็ทำเป็นไม่แยแสราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย อย่างไรก็ตามสายตาของไป๋ฮวยนั้นมีความปรารถนาอย่างชัดเจนในดวงตาของเขาและเขาก็กำลังคิดถึงหวังยู่อยู่ในเวลานี้
.
.
.
.
.
.
.