ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 716 ไม่มีวันยอมให้ดูถูก
ตอนที่ 716 ไม่มีวันยอมให้ดูถูก
แม้ว่าเย่เชียนจะมีจิตสำนึกการรักชาติที่เข้มแข็งแต่มันก็ไม่ใช่ความคิดที่เกี่ยวกับระบบศักดินาหรือทัศนคติสำหรับชาวต่างชาติไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม เพราะถ้าหากเขาต้องการทำให้องค์กรของตนพัฒนานั้นแน่นอนว่าประเทศจะต้องก้าวหน้าและพัฒนาไปด้วยเช่นกันและต้องแข็งแกร่งและรุ่งโรจน์ไปพร้อมกันนั่นเอง
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงทัศนคติเท่านั้นเช่นเดียวกับการที่เย่เชียนไม่ได้ปฏิเสธอาหารญี่ปุ่นและไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีเพียงแต่ว่าเขาเลือกที่จะกินอย่างอื่นเสียมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นซ่งหลันก็เกิดที่ประเทศญี่ปุ่นและเป็นชาวญี่ปุ่นขนานแท้ดังนั้นแน่นอนว่าซ่งหลันจะโปรดปรานอาหารญี่ปุ่นอย่างมากและถึงแม้ว่าเธอจะใช้เวลาอยู่ที่ต่างแดนมากกว่าบ้านเกิดของเธอแต่เธอก็ยังยึดติดกับมันและนี่เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับคิดถึงบ้านและมันไม่เกี่ยวอะไรกับสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น
ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ตกแต่งอย่างหรูหรามากเพราะทันทีที่เข้าไปก็ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นขนานแท้ เย่เชียนกับซ่งหลันก็เดินจับมือกันเข้าไปในร้านอาหารและทุกคนที่รับประทานอาหารในล็อบบี้ก็หันมามองทั้งสองแต่เพียงชำเลืองมองอย่างรวดเร็วจากนั้นพวกเขาก็หันกลับไปตามปกติ
พนักงานเสิร์ฟก็ใสทักทายเมื่อทั้งสองเข้ามาในร้านและโค้งคำนับและถามว่าต้องการจะสั่งอะไร แต่เย่เชียนนั้นไม่ได้เจาะจงพิเศษเขาจึงพูดว่า “ขอห้องอาหารส่วนตัวให้ผมหน่อย”
เย่เชียนนั้นกำลังพูดภาษาจีนซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตามเมื่อคำพูดจบลงเหล่าลูกค้าในร้านก็หันมามองเย่เชียนอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ซึ่งทำให้เย่เชียนงุนงงอย่างมากและเขาก็ไม่รู้ว่าจะอะไรอย่างไรดีและจู่ๆเขาก็แอบคิดในใจว่า ‘คนพวกนี้ไม่เคยเห็นคนหล่อกันรึไง?’
พนักงานเสิร์ฟก็ถึงกับตกตะลึงและสีหน้าที่อ่อนน้อมถ่อมตนของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้างในทันใดจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนจะหลงตัวเองแต่เขาก็ไม่คิดว่าการแสดงออกของพนักงานเสิร์ฟจะเป็นเช่นนั้นเลยเพราะการแสดงออกของพนักงานเสิร์ฟเผยให้เห็นถึงการดูถูกซึ่งทำให้เย่เชียนไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“เราไม่รับคนจีน!” พนักงานเสิร์ฟพูดอย่างเกรี้ยวกราด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและความโกรธของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่เขากำลังจะบ้าคลั่งซ่งหลันก็รีบคว้าตัวเขาเอาไว้และส่ายหัว เพราะเมื่อพิจารณาแล้วว่าในที่สุดเขาก็ออกมาเพื่อรับประทานอาหารกับซ่งหลันดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาเขาจึงพยายามระงับความโกรธของเขาอย่างช้าๆ
“เขาเป็นเพื่อนของดิฉันเองค่ะ” ซ่งหลันพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่ว
“คุณผู้หญิงครับ..นี่เป็นกฎของทางร้านของเรา..เราไม่บริการคนจีน..คุณเข้ามารับประทานอาหารได้แต่เขาเข้าไปไม่ได้” พนักงานเสิร์ฟพูด
เย่เชียนเห็นพนักงานเสิร์ฟพูดหลายประโยคแต่ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปมองซ่งหลันแล้วถามว่า “เขาพูดอะไร”
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนโกรธมากซ่งหลันก็ไม่สามารถปิดบังเขาได้ดังนั้นเธอจึงต้องแปลคำพูดของพนักงานเสิร์ฟตามความจริง แต่ทว่าความโกรธของเย่เชียนก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเพราะคำพูดของพนักงานเสิร์ฟดูถูกเขาและดูถูกคนจีนทั้งหมด เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจตนาฆ่าก็ระเบิดออกมาจากดวงตาของเย่เชียนในทันที
ซ่งหลันนั้นรู้ดีว่าสถานการณ์กำลังจะเลวร้าย ดังนั้นเธอจึงรีบคว้าตัวเย่เชียนเอาไว้แล้วส่ายหัวจากนั้นก็พูดเบาๆว่า “อย่านะ”
เย่เชียนก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เพราะถ้าพนักงานเสิร์ฟดูถูกเขาในวันนี้บางทีเขาอาจจะไม่โกรธแต่ทว่าพนักงานเสิร์ฟกลับดูถูกชาวจีนทั้งหมด นี่คือสิ่งที่เย่เชียนไม่สามารถยอมรับได้ ทันใดนั้น “เพลี้ยะ” เสียบตบหน้าก็ดังขึ้นแล้วเย่เชียนก็ตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “ผมมาที่นี่เพื่อจะกินข้าว..ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”
เสียงตบครั้งนี้ดังราวกับประทัดจนลูกค้าที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ถึงกับตกใจและหันไปจ้องมองที่เย่เชียนด้วยความโกรธและหลังจากนั้นมันก็เหมือนกับความเงียบชั่วครู่ก่อนเกิดพายุครั้งใหญ่ ส่วนซงหลันก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้โดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงของเย่เชียนดังนั้นเธอจึงต้องยืนเคียงข้างเย่เชียนและนอกจากนี้เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เป็นความผิดของพนักงานเสิร์ฟเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่เย่เชียนจะโกรธเช่นนี้
พนักงานเสิร์ฟก็จับแก้มของเธอและจ้องไปที่เย่เชียนอย่างโกรธเกรี้ยวและพึมพำบางสิ่งที่เย่เชียนไม่เข้าใจ แต่เย่เชียนก็ไม่คิดที่จะถามซ่งหลันอีกต่อไปเพราะมันคงจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร “เพลี้ยะ!” เย่เชียนก็ตบหน้าพนักงานเสิร์ฟอีกสองสามครั้งจนแก้มพนักงานเสิร์ฟบวมขึ้นและเป็นรอยแดงแล้วมีฟันหลุดออกมาหลายซี่ หลังจากนั้นปากของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดและสะอื้นร่ำไห้และพูดอะไรไม่ออก
“ในโลกใบนี้ไม่มีใครกล้ากีดกันผม..ผมขอพูดเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่าถ้าผมไม่พังร้านของคุณในวันนี้อย่ามาเรียกผมว่าเย่เชียนอีก!” เย่เชียนพูดอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นเขาเหลือบมองลูกค้าในร้านและพูดว่า “รีบออกไปซะ..ไม่งั้นพวกคุณคงจะฉี่ราดกางเกงเมื่อผมฆ่าใครสักคนในนี้!”
ความบ้าคลั่งของเย่เชียนทำให้คนเหล่านั้นตกใจจนพวกเขากลัวที่จะเคลื่อนไหวใดๆเพราะเจตนาฆ่าที่พุ่งออกมาจากดวงตาของเย่เชียนทำให้คนเหล่านี้ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ในเวลานี้ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ค่อยๆเดินออกมาจากข้างในและหลังจากเห็นสถานการณ์ภายนอกแล้วเขาก็ถึงกับผงะไปแล้วเดินไปหาเย่เชียนจากนั้นก็มองขึ้นและลงจากหัวจรดเท้าจากนั้นก็พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “หืม..แกจะทำอะไรนะ..แกรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”
“ผมไม่สนหรอกว่าที่นี่มันคือที่ไหน..ผมก็แค่เข้ามากินข้าวแต่ทำไมผมต้องมาเจอการดูถูกแบบนี้ด้วย!” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
ชายหนุ่มคนนี้พูดภาษาจีนได้คล่องแคล่วและเยาะเย้ยว่า “ทำไมล่ะ?..นี่คือร้านของฉันแล้วแกจะทำไม..แกไม่เห็นป้ายที่ประตู ร้านเหรอ..มันเป็นกฎของทางร้านที่ห้ามบริการคนจีน..ซึ่งแกมาอยู่ในที่ของฉันเพราะงั้นแกก็ต้องปฏิบัติตามกฎของฉัน!”
“แม่งเอ๊ย..คนจีนอย่างพวกเราไปฆ่าบรรพบุรุษของพวกคุณเหรอไง..มันจะผิดกฎอะไรหนักหนา..ถ้าคุณไม่ขอโทษผมในวันนี้ผมจะพังร้านของคุณทิ้งซะ!” เย่เชียนพูดอย่างเดือดดาล
คิ้วของชายหนุ่มก็ขมวดเข้าหากันแน่นและรอยยิ้มอันชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นแล้วเขาก็พูดว่า “นี่แกกำลังพูดอะไรอยู่..แกมาที่นี่เพื่อหาเรื่องอย่างงั้นเหรอ”
“หึ..ผมมาเพื่อให้พวกคุณบริการแต่พวกคุณกลับต้อนรับผมแบบนี้..มันก็สมควรแล้วที่จะทำลายร้านห่วยๆแบบนี้ให้พัง” เย่เชียนพูด
“สงสัยแกคงอยากตายมากเลยสินะ” ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์และโบกมือ จากนั้นชายหนุ่มห้าคนก็วิ่งออกมาจากด้านหลังของร้านและจ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างเกรี้ยวกราด “ในเมื่อแกไม่รู้จักเจียมตัวฉันก็จะสั่งสอนบทเรียนให้..คราวหน้าแกจะได้ไม่กล้าโผล่หน้ามาเหยียบประเทศญี่ปุ่นอีก” ชายหนุ่มพูดอย่างเย้ยหยัน ” ในเมื่อแกอยากตายนักละก็เดี๋ยวฉันจะสนองให้”
เย่เชียนนั้นเป็นคนที่ไม่เคยทนทุกข์ทรมานหรือกังวลใดๆกับสิ่งที่คนอื่นพูด ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มกล่าวคำเหล่านั้นออกมาเย่เชียนก็ไม่คิดที่จะสนใจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้เย่เชียนก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้คนอื่นฉวยโอกาสเริ่มก่อนเด็ดขาด ซึ่งเย่เชียนก็ได้ใช้เท้าเตะและไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆเลยแท้แต่น้อยจนชายหนุ่มกระเด็นออกไป เมื่อเห็นเช่นนี้ลูกน้องทั้งห้าคนก็ไม่กล้าที่จะละเลยและรีบวิ่งไปหาเย่เชียนทีละคนทันที
คาเอดะยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากตระกูลฟูมะและสำนักนินจาอิงะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยแล้วนับประสาอะไรกับพวกนักเลงที่ไม่ได้รับอิทธิพลเหล่านี้ด้วย? ดังนั้นเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ไม่ได้แสดงความเมตตาในครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเย่เชียนจึงใส่เต็มพละกำลังแต่มันก็ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตแต่ก็บาดเจ็บสาหัสอย่างมากในเวลาเดียวกัน ซึ่งอย่างน้อยๆพวกเขาก็ต้องนอนเป็นผักอยู่ในโรงพยาบาลสักสองสามเดือนอย่างน่าสังเวช
เย่เชียนนั้นโกรธมากแต่เขายังไม่ได้เสียสติไปแต่อย่างใดเพราะนี่คือประเทศญี่ปุ่นและเขาก็ไม่ได้มีกองกำลังที่แข็งแกร่งพอที่จะสนับสนุนเขาให้สู้กับทั้งประเทศ ดังนั้นถ้าเขาฆ่าคนอย่างโจ่งแจ้งล่ะก็มันจะลำบากมาก นอกจากนี้เมื่อได้พูดคุยถึงแผนการดังกล่าวกับหลินเฟิงและไป๋ฮวยแล้วเย่เชียนก็ไม่ได้ต้องการให้เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ก่อให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง
ในเวลาเพียงหนึ่งนาทีชายหนุ่มทั้งห้าคนก็ล้มลงไปกับพื้นและคร่ำครวญและกระดูกของพวกเขาในส่วนต่างๆก็ถูกเย่เชียนหักจนแตกละเอียดและพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไป ซ่งหลันนั้นรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยดังนั้นเธอจึงไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ถ้าหากเย่เชียนตกอยู่ในอันตรายเธอก็จะเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเลเช่นกัน
“ถุ้ย!” เย่เชียนถุยน้ำลายอย่างโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “อย่าหยิ่งผยองให้มากไอพวกกระจอก!”
เมื่อเหล่าลูกค้าในร้านเห็นแบบนี้สีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งดูโกรธมากขึ้นและดูเหมือนพร้อมที่จะเคลื่อนไหวแต่เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะไปช่วยเหล่าชายหนุ่มแต่ก็กลัวเย่เชียนจนบางคนก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ชำเลืองมองพวกเขาแล้วพูดว่า “นั่งลงซะ!..อย่าหาเรื่องใส่ตัวกันดีกว่า..เรื่องนี้มันจบลงแล้วเพราะงั้นก็รู้เอาไว้ซะนะว่าคนจีนไม่ใช่คนที่ใครจะมาดูถูกได้..ส่วนพวกคุณทั้งหมดมันก็แค่ขยะไร้ประโยชน์!”
เย่เชียนจงใจยั่วยุคนเหล่านี้เพราะพวกเขากล้าที่จะดูถูกคนจีนดังนั้นพวกเขาก็ต้องกล้ารับผลที่ตามมาและนี่คือความชอบธรรมของชาติ ซึ่งเย่เชียนจะไม่มีวันยอมและไม่ให้ชาวญี่ปุ่นเหล่านี้ประเมินเขาต่ำไปอีก
ลูกค้าเหล่านั้นก็จ้องมองไปที่เย่เชียนแล้วตะโกนว่า “ทุกคน!..ฆ่ามันซะ!” หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างเดือดดาลและรีบวิ่งไปหาเย่เชียน โดยมีคนหนึ่งเป็นผู้นำส่วนที่เหลือก็วิ่งกรูตามมาในทันที
.
.
.
.
.
.
.