ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 718 ถึงเวลาแล้ว
ตอนที่ 718 ถึงเวลาแล้ว
ถ้าไม่เพราะมารุยามะทาโร่ที่หยิ่งผยองเกินไปและดูถูกจีนแล้วเย่เชียนก็จะไม่ลงโทษเขาด้วยวิธีนี้ ตามคำกล่าวที่ว่าคนชั่วร้ายมักจะพบเจอความชั่วร้ายกว่าเสมอ ซึ่งมารุยามะทาโร่ได้ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยและคนที่เย่อหยิ่งเช่นนี้คู่ควรกับคนอย่างเย่เชียนที่จะมอบบทเรียนให้กับเขา เดิมทีเย่เชียนไม่เคยคิดที่จะก่อปัญหาเพราะตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ความตึงเครียดและละเอียดอ่อนอย่างมากดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดที่จะก่อปัญหาใดๆเพิ่ม แต่ทว่าเขากลับพบคนที่ดูหมิ่นดูถูกบ้านเกิดและชาติของเขาแล้วถ้าเขายังเพิกเฉยอยู่ล่ะก็เขายังคู่ควรกับการเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
อย่างน้อยๆเย่เชียนก็ไม่ใช่คนแบบนั้นและถึงแม้ว่าจะมีอันตรายและอุปสรรคอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเขาก็ยังคงทำ เพราะการเป็นลูกผู้ชายควรจะมีความแน่วแน่ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่แตกต่างอะไรกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้คิดว่าคนเหล่านี้จะเป็นสมาชิกของแก๊งอินาดะ เพราะแก๊งอินาดะกับแก๊งยามากุจิล้วนเป็นเครือข่ายของสมาคมมังกรดำและถือได้ว่าเป็นศัตรูหลักของเย่เชียน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากพวกเขาถูกกำหนดให้มาพบกันเช่นนี้เย่เชียนก็ต้องกำจัดพวกเขาอยู่ดี
มารุยามะทาโร่ก็คอยยืนดูอยู่ข้างๆอย่างระมัดระวังและไม่กล้าที่จะละเลยเพราะกลัวว่าเขาจะทำให้เย่เชียนโกรธอีกครั้งและทำให้ตัวเองต้องถูกฆ่าตาย ดังนั้นไม่ว่าภายในใจของเขาจะโกรธแค้นสักแค่ไหนแต่ในเวลานี้เขาก็ต้องอดทนและยับยั้งมันอย่างเชื่อฟัง
เย่เชียนก็มีความสุขเช่นกันที่ได้รับประทานอาหารสบายๆกับซ่งหลัน ซึ่งถึงแม้ว่าบรรยากาศจะตึงเครียดแต่เขาก็รู้สึกมีความสุขที่ได้กินและสิ่งสำคัญคือเย่เชียนก็รู้สึกสดชื่นเมื่อเขาได้สั่งสอนมารุยามะทาโร่และไม่เพียงแค่ทำให้มารุยามะทาโร่เสียหน้าแต่ยังทำให้แก๊งอินาดะเสียหน้าอีกด้วย นี่ถือได้ว่าเป็นคำเตือนของเย่เชียนโดยตักเตือนพวกเขารู้ถึงการมาเยือนของคนต่างถิ่นเสียบ้าง
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงเย่เชียนกับซ่งหลันก็รับประทานอาหารเสร็จในที่สุดและเย่เชียนก็เช็ดปากเช็ดมือแล้วพูดว่า “ค่าอาหารเท่าไหร่?”
“อ๋อไม่เป็นไรครับ..ถือว่าเป็นการชดเชยที่ผมทำให้คุณต้องขุ่นเคืองก็แล้วกัน..นั่นเป็นเกียรติของผมแล้วผมจะเรียกเก็บเงินจากคุณได้ยังไง” มารุยามะทาโร่พูดอย่างสุภาพ
“นี่คุณกำลังพูดอะไร..ทำไม?..คุณคิดว่าผมไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายเหรอ?” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พวกเราคนจีนเดินทางไปทั่วโลกแล้วเราจะไม่จ่ายค่าอาหารได้ยังไง..ถ้าสิ่งเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไปมันคงจะเป็นเรื่องตลกที่คนจีนกินอาหารแล้วไม่จ่าย..อย่ามาพูดแบบนี้..รีบคิดมาว่าราคาเท่าไหร่!”
“ได้ครับผมจะรีบคำนวณค่าอาหาร” มารุยามะทาโร่รีบพูด “ทั้งหมดรวมเป็นเงิน 98,000 เยนครับ” มารุยามะทาโร่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเย่เชียนพูดจริงหรือประชด ซึ่งมันค่อนข้างลำบากใจดังนั้นเขาจึงเลือกทำตามคำพูดของเย่เชียนแล้วบอกราคา
“อะไรนะ?” เย่เชียนตะโกนแล้วพูดว่า “นี่มันร้านเถื่อนหรือไง?..คุณลองนับจานอาหารดูสิว่ามันมีทั้งหมดกี่จาน?..คุณกล้าที่จะเรียกเก็บเงิน 98,000 เยนอย่างงั้นเหรอ?..พวกคุณเป็นนักต้มตุ๋นกันเหรอ?”
มารุยามะทาโร่ก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิงและรู้สึกสูญเสียไปชั่วขณะหนึ่ง เย่เชียนบอกว่าต้องการจะจ่ายแต่ตอนนี้เย่เชียนกลับบอกว่าค่าอาหารนั้นแพงเกินไป นี่มันไร้สาระมากเพราะเย่เชียนไม่ได้กินอะไรไปมากขนาดนั้นและเมื่อเทียบกับราคาแล้วมันก็ดูแพงเกินไปจริงๆ หลังจากมึนงงอยู่ครู่หนึ่งมารุยามะทาโร่ก็พูดว่า “เอ่อคือ..คิดซะว่ามื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพให้ก็แล้วกันครับ”
เย่เชียนจ้องมองเขาอย่างดุเดือดและพูดว่า “คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดงั้นเหรอ?..คุณจะให้ผมพูดอีกครั้งมั้ย?”
“เอ่อไม่ใช่แบบนั้นครับ..ผมไม่ได้จะดูถูกคุณ..ผมแค่ชื่นชมคุณจริงๆเพราะงั้นผมก็เลยอยากจะเป็นเจ้าภาพอาหารมื้อนี้ให้เท่านั้นเอง” มารุยามะทาโร่พูด
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วตบบ่าของมารุยามะทาโร่แล้วพูดว่า “ดี..ผมชอบคนฉลาดๆ..เอาล่ะในเมื่อคุณยืนกรานแบบนั้นผมก็จะไม่ปฏิเสธก็แล้วกัน..ผมหวังว่าในอนาคตทัศนคติและกฎของคุณจะเปลี่ยนแปลงได้นะ”
“มันจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วครับ..ผมเคยโง่เขลาและหยิ่งผยองแต่หลังจากที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของคุณในวันนี้แล้วผมก็เปลี่ยนความคิด..เพราะงั้นในอนาคตผมจะปรับเปลี่ยนทัศนคติครับ” มารุยามะทาโร่พยักหน้าแล้วพูด เขาแทบรอไม่ไหวให้เย่เชียนออกไปจากที่นี่ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันยอมทุกเรื่องเพื่อที่จะไม่ทำให้เย่เชียนโกรธอีก
แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นรู้ดีว่ามารุยามะทาโร่แค่ประจบประแจงตัวเองเพราะความจำเป็นและรู้ดีกว่ามันจะเป็นอย่างไรเมื่อเย่เชียนออกไปจากที่นี่ อย่างไรก็ตามในประเทศญี่ปุ่นก็มีผู้คนมากมายที่มีนิสัยและทัศนคติเหมือนกับมารุยามะทาโร่ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เย่เชียนจะไล่ฆ่าคนเหล่านี้ให้หมดไป ดังนั้นเย่เชียนจึงทำเพียงแค่สั่งสอนบทเรียนให้เท่านั้น
หลังจากที่เย่เชียนพยักหน้าแล้วเขาก็เหลือบมองซ่งหลันแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หลันไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนครับ!” มารุยามะทาโร่รีบเรียก “คุณครับกรุณารอสักครู่”
เย่เชียนก็หันกลับไปมองมารุยามะทาโร่แล้วถามว่า “มีอะไรอีก..คุณคงไม่ได้กลับคำพูดใช่ไหม?..ลูกผู้ชายห้ามกลับคำเพราะคุณพูดเองว่ามื้อนี้คุณจะเป็นคนรับผิดชอบเองเพราะงั้นคุณต้องรักษาคำพูด..ไม่ใช่ว่าผมจ่ายไม่ได้แต่ผมไม่อยากทำให้ความหวังดีของคุณต้องสูญเปล่า”
“แน่นอนครับนั่นไม่ใช่ประเด็นอยู่แล้ว” มารุยามะทาโร่พูด “คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่หาได้ยากในสมัยนี้เพราะงั้นไม่ทราบว่าผมจะขอทราบชื่อคุณหน่อยจะได้ไหมครับ?”
“อะไรกัน..นี่คุณกำลังพยายามสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับผมอยู่หรือเปล่า?” เย่เชียนพูดอย่างเย็นชา
“ไม่ครับไม่ใช่แบบนั้น” มารุยามะทาโร่พูด “ฉันแค่อยากจะยกย่องคุณและเล่าเรื่องของคุณให้คนอื่นฟังในอนาคต”
เย่เชียนก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ..ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่..แต่ผมไม่กลัวหรอกเพราะงั้นผมจะบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน..เชิญคุณกลับไปบอกพ่อของคุณมารุยามะไทจิด้วยนะว่าผมชื่อเย่เชียน..ซึ่งเขาน่ะรู้ดีว่าผมเป็นใคร!” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็จับมือซ่งหลันและเดินออกไปอย่างช้าๆ
แก๊งอินาดะนั้นเป็นหนึ่งในเครือข่ายและกองกำลังหลักของสมาคมมังกรดำ ดังนั้นหากเย่เชียนต้องการกำจัดสมาคมมังกรดำล่ะก็แน่นอนว่าเขาต้องกำจัดแก๊งอินาดะด้วย ซึ่งเย่เชียนก็ต้องการส่งสารเหล่านี้ไปยังมารุยามะไทจิเพื่อเตือนเขา ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ได้รับข้อมูลจากไป๋ฮวยว่าแก๊งอินาดะกับแก๊งโยชิคาว่านั้นตั้งใจที่จะถอนตัวออกจากการควบคุมของสมาคมมังกรดำอยู่แล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นข่าวที่สำคัญมากและเย่เชียนก็ต้องการยืนยันเช่นกันว่าถ้าหากข้อมูลนี้ถูกต้องมันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเย่เชียนแต่ถ้าหากข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องเย่เชียนก็ต้องคิดแผนการรับมือเอาไว้ตั้งแต่ต้นเพื่อไม่ให้แก๊งอินาดะกับแก๊งโยชิคาว่ามาสร้างปัญหาในอนาคต
หลังจากมองดูเย่เชียนกับซ่งหลันออกจากร้านอาหารไปแล้วมารุยามะทาโร่ก็หายใจเฮือกใหญ่ๆด้วยความโกรธและพูดว่า “หึ..ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่..ไปตรวจสอบรายละเอียดและที่อยู่ของมันมาให้ฉันซะ..ฉันอยากรู้อย่างชัดเจนว่าและแม้กระทั่งเวลาเข้าห้องน้ำและมันเข้าห้องน้ำวันละกี่ครั้ง”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นก็ไม่กล้าที่จะลังเลใดๆและทนความเจ็บปวดบนร่างกายของพวกเขาแล้วเดินโซเซออกไปทันที
ระหว่างทางกลับซ่งหลันก็มองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเย่เชียนและมองดูเขาอย่างดุร้ายแล้วพูดว่า “นายรู้ไหมว่าการทำแบบนี้ในตอนนี้มันอันตรายแค่ไหน..ถึงแม้ว่าทักษะของนายจะดีก็ตามแต่มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกสถานการณ์หรอกนะ..ถ้ามันมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นล่ะ?..นอกจากนี้คนๆนั้นคือลูกชายคนโตของหัวหน้าแก๊งอินาดะด้วยนะ..ตอนนี้ไม่มีใครคอยต่อสู้อยู่เคียงข้างนายเพราะงั้นถ้าหากคนของแก๊งอินาดะกรูกันเข้ามาล่ะนายจะทำยังไง?”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “พี่หลันอยู่กับผมมาตั้งนานพี่ยังไม่รู้จักผมอีกเหรอ..ถ้าผมไม่ทำอะไรในตอนนี้ผมยังจะเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า..ว่าแต่พี่หลันล่ะ..พี่ต้องการผู้ชายแบบนี้หรือเปล่า?”
“หืม..นายพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วนะ” ซ่งหลันเหลือบมองเย่เชียนด้วยหางตาแล้วพูดว่า “นายจะทำอะไรก็ระวังตัวให้มากๆสิ..อย่าคิดว่านายเก่งที่สุดนายไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้คนเดียว..อย่าคิดว่านายสามารถควบคุมทุกอย่างได้..ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หลินเฟิงกับไป๋ฮวยก็อยู่กับนายแล้วเพราะงั้นถ้านายมีอะไรก็พูดคุยกับพวกเขาซะ..ว่าแต่ไป๋ฮวยกำลังคิดอะไรอยู่..ตอนแรกเขาคิดที่จะทำลายเขี้ยวหมาป่าไม่ใช่เหรอแล้วทำไมเขาถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยล่ะ?”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “บางครั้งความรู้สึกระหว่างผู้ชายก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงจะเข้าใจได้หรอก..ผมเองก็คิดแบบนั้นก่อนหน้านี้และผมคิดว่าพี่ไป๋อยากจะทำลายเขี้ยวหมาป่าจริงๆ..แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็พี่น้องกันและพร้อมที่จะต่อสู้ด้วยกันเพื่อกำจัดศัตรู..เหตุการณ์ที่อียิปต์ครั้งก่อนน่ะพี่ไป๋กับผมได้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะงั้นผมจึงเข้าใจความคิดของเขาอย่างแท้จริงแล้ส”
ซ่งหลันก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?..ไป๋ฮวยไม่ได้คิดที่จะทำลายเขี้ยวหมาป่าหรอกเหรอ..นายก็น่าจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมเหล่าองค์กรทหารรับจ้างทั่วโลกแล้วไม่ใช่หรอ..ตอนนั้นเขี้ยวหมาป่าก็เกือบทะพังทลายเลยหนิ?”
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “สิ่งต่างๆมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก..อันที่จริงสิ่งที่พี่ไป๋ทำลงไปมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการกำจัดจูจื้อและจุดประสงค์ของเขาก็คือช่วยให้ผมเข้าใจว่าหน่วยหมาป่าเพชฌฆาตนั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขี้ยวหมาป่า..เพราะงั้นไป๋ฮวยจึงตัดสินใจทำสิ่งต่างๆแทนผมเพราะสิ่งนี้มันจะมีผลกระทบบางอย่างต่อประสิทธิภาพการรบและความสามัคคีขององค์กร..นอกจากนี้จูจื้อยังคิดที่จะก่อกบฏเพราะงั้นพี่ไป๋จึงทำสิ่งต่างๆเพื่อช่วยผม..ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับด้วยำพูดแต่ผมก็เชื่อว่าเขาคิดแบบนั้น..ผมรู้สึกว่าพี่ไป๋ยังรักเขี้ยวหมาป่าอยู่เพียงแต่เขาไม่แสดงออกและนั่นเป็นสาเหตุที่ผมอยากยอมรับ..ผมแค่กังวลว่าเขาจะละทิ้งความคิดนั้นไปแล้วในอนาคตผมคงจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้อีก”
ซ่งหลันเหลือบมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “นี่มันก็แค่ความคิดของนายเพียงคนเดียว..เพราะงั้นไม่ว่าจะยังไงนายต้องระวังไป๋ฮวยเอาไว้ให้ดี..นอกจากนี้นายยังมีพี่น้องเขี้ยวหมาป่าคนอื่นอีก..ความรับผิดชอบที่นายแบกอยู่บนบ่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆเลย..นายอย่าทำให้พี่น้องจำนวนมากต้องแบกรับอันตรายที่ไม่รู้เพียงเพราะเรื่องส่วนตัวของนายเลย” หลังจากหยุดไปชั่วขณะซ่งหลันก็พูดว่า “นายบอกว่านายรู้ว่าความคิดที่แท้จริงของไป๋ฮวย..สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่?”
.
.
.
.
.
.
.