ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 720 แมวมอง
ตอนที่ 720 แมวมอง
ทุกอย่างได้รับการแจกแจงและวางเอาไว้แล้วดังนั้นเย่เชียนจึงโล่งใจเล็กน้อยแต่เรื่องทั้งหมดมันยังไม่จบเย่เชียนจึงไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย
เมื่อมองไปที่ซ่งหลันเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หลัน..มาอาบน้ำกันเถอะ..วันนี้อากาศมันร้อนจริงๆ!” เย่เชียนพูดอย่างหน้าตาเฉยเหมือนไม่ได้คิดอะไรเลย
ที่ผ่านมาซ่งหลันเป็นฝ่ายที่แกล้งเย่เชียนแต่ครั้งนี้มันดูแตกต่างออกไปมากเพราะเย่เชียนกลับพูดออกมาโดยไม่รู้สึกเขินอายใดๆแต่ทว่าซ่งหลันกลับเขินอายอย่างอธิบายไม่ถูก ซึ่งถึงแม้ว่านี่มันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธออาบน้ำกับเย่เชียนแต่ครั้งนี้ซ่งหลันกลับรู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ถูก
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เย่เชียนริเริ่มเชิญชวนก่อนเพราะหลังจากเย่เชียนยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้วหัวใจของซ่งหลันก็กลายเป็นเหมือนกับกวางตัวน้อยจนหัวใจเธอเต้นแรงและเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นการแสดงออกของซ่งหลันแล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่าความคับข้องใจครั้งก่อนของเขาหายไปในทันทีและแอบคิดว่า ‘โถ่พี่สาว..ความกล้าของเธอหายไปไหนหมด..ฉันขอขืนใจเธอตอนนี้เลยได้มั้ย?’
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายบนใบหน้าของซ่งหลันแล้วเย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของซ่งหลันจากนั้นก็เอนตัวเข้าไปใกล้ๆหูของเธอและสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “นี่ๆมัวทำอะไรอยู่..พี่จะให้ผมรอทั้งวันเลยหรือไง..รีบไปอาบน้ำซะสิแล้วค่อย…” เย่เชียนยักคิ้วขณะที่เขาพูดและใช้แขนโอบซ่งหลัน
ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสหน้าอกของซงหลันแต่ความรู้สึกในครั้งนี้มันต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ซึ่งแต่ก่อนนั้นเย่เชียนดูกดดันอย่างมากแต่ตอนนี้เย่เชียนได้ละทิ้งความกดดันในหัวใจของเขาไปหมดและสามารถผ่อนคลายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ซ่งหลันก็เหลือบมองเย่เชียนด้วยหางตาจากนั้นก็พูดว่า “ฉันเกรงว่าวันนี้นายคงจะต้องผิดหวัง”
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงครู่หนึ่งและพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น?..วันนี้ไม่ได้หรอ” ขณะที่เขาพูดเย่เชียนก็มองไปที่ร่างกายส่วนล่างของซ่งหลัน
ซ่งหลันก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “อีกสองวันกว่าจะหมด”
เย่เชียนก็เบะปากแล้วพูดว่า “น่าเศร้ามาก..ผมคิดว่าวันนี้ผมจะได้กินพี่ซะแล้ว..เหมือนนิทานตั๊กแตนกับยุงเมื่อสมัยก่อนเลย”
ซ่งหลันก็รู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจว่า “มันคืออะไร”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าในสมัยก่อนเมื่อยุงและตั๊กแตนมาพบกัน..ตักแต๊นก็พูดกับยุงอย่างเย่อหยิ่งว่า..ดูหน้าอกของผู้หญิงคนนั้นสินั่นคือสิ่งที่ฉันต่อยจนมันใหญ่ขนาดนั้น..ยุงก็เหลือบมองตั๊กแตนด้วยความเย้ยหยันแล้วพูดว่า..เหรอ..แกดูก้นเธอสิฉันกัดเธอตรงนั้นจนเธอมีเลือดออกไม่หยุดทุกเดือน”
ซ่งหลันก็เหลือบมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรเนี่ย”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะไปอาบน้ำกันเถอะผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว..คืนนี้ให้ผมนอนกอดพี่นะ”
“แค่นี่ก็อย่าบ่นว่าเหนื่อยสิ..สิ่งนี้จะสอนลูกให้เป็นคนเลวในอนาคตนะ” ซ่งหลันหยอกล้อ
“ลูกชายของผมตั้งฟังในสิ่งที่ผมสอน..เขาจะสืบทอดคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของผมและเขาจะต้องถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าสาวสวยในอนาคตอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างมีชัย
ซ่งหลันก็เหลืองมองเย่เชียนด้วยหางตาแล้วไม่โต้เถียงกับเขาอีกต่อไปเพราะการทะเลาะกับเย่เชียนก็เหมือนเป็นการเสียเวลาเปล่าเธอจึงไม่พูดอะไรจะดีกว่า
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเย่เชียนกับซ่งหลันก็ตื่นแต่เช้า ซึ่งฟูมะฮายาคุจิกับดันโซบายาชิก็เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นสำนักนินจาอิงะก็อยู่ภายใต้การควบคุมของฮัตโตริชิฮิโระแล้ว ส่วนการแข่งขันศิลปะการต่อสู้นั้นซ่งหลันก็อยากจัดการแข่งขันต่อให้จบเพราะนี่เป็นโอกาสที่หายากและซ่งหลันก็ไม่อยากพลาดเพราะตราบใดที่ยังคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็จะสามารถขยายธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์และราบรื่นด้วยการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้
นอกจากนี้เพื่อที่จะร่วมกับแผนการของเย่เชียนแล้วซ่งหลันจึงสั่งให้บุคลากรของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเริ่มเตรียมการสิ่งต่างๆที่อำนวยต่อแผนการของเย่เชียน หลังจากนั้นหากสิ่งต่างๆสำเร็จล่ะก็เครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะหยั่งรากอย่างสมบูรณ์ในประเทศญี่ปุ่นและขยายไปสู่การยับยั้งการดำรงอยู่ของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นได้ด้วยการโจมตีเศรษฐกิจทั้งประเทศ
เย่เชียนก็ไมได้กังวลอะไรเพราะเขาสมัครเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาก็จะเข้าร่วมต่อ ถึงแม้ว่าสำนักนินจาอิงะกำลังฟื้นฟูอยู่ในตอนนี้แต่มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นผู้เข้าแข่งขันที่เข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่ใช่แต่คนจากสำนักนินจาอิงะแต่ยังรวมไปถึงคงจากสมาคมมังกรดำและคนจากองค์กรใต้ดินทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่ากองทัพแห่งชาติญี่ปุ่นเองก็อาจจะส่งทหารของพวกเขามาด้วย ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดที่จะพลาดโอกาสในการเรียนรู้ประสบการณ์การต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
ซ่งหลันก็ออกจากโรงแรมไปก่อนเพราะเธอต้องรีบไปที่สำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาโตเกียวเพื่อจัดการงานและสิ่งต่างๆ สำหรับเย่เชียนแล้วเขาก็ไม่ได้กังวลอะไรและยังมีเวลาเหลืออีก 1 ชั่วโมงก่อนเริ่มการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงมีเวลาเตรียมตัว อย่างไรก็ตามหลังจากที่เห็นซ่งหลันออกไปแล้วเย่เชียนก็ไม่อยากที่จะนอนหลับต่อเพราะสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นกำลังตึงเครียดมากและการต่อสู้ระหว่างกองกำลังหลักๆก็ใกล้จะปะทุขึ้นแล้ว นอกจากนี้เย่เชียนยังต้องระมัดระวังให้มากขึ้นเพราะเขาไปประกาศศึกกับมารุยามะทาโร่ลูกชายคนโตของหัวหน้าแก๊งอินาดะเมื่อวานนี้ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปคุกคามซ่งหลันเช่นนั้นสิ่งแรกที่เย่เชียนต้องทำเมื่อเขาลุกขึ้นจากเตียงก็คือการโทรไปหาอู๋หวนเฟิงและสั่งให้เขาไปรับซ่งหลันและขอให้อู๋หวนเฟิงคอยดูแลความปลอดภัยของซ่งหลันอย่างใกล้ชิด
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอู๋หวนเฟิงได้รับหน้าเป็นผู้คุ้มกันซ่งหลันมาโดยตลอดและเขาก็มีประสบการณ์ในฐานะผู้คุ้มกันและยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการกำชับจากเย่เชียนก็ตามแต่อู๋หวนเฟิงก็ทำหน้าที่ได้ดีเสมอและจะไม่มีวันปล่อยให้ซ่งหลันเป็นอะไรอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากเย่เชียนได้กำชับเป็นพิเศษมันจึงแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของเรื่องนี้และสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ก็ตึงเครียดมากดังนั้นอู๋หวนเฟิงเองก็ต้องระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน
หลังจากมองดูซ่งหลันกับอู๋หวนเฟิงจากไปเย่เชียนก็ลุกขึ้นเพื่ออาบน้ำล้างตัวจากนั้นจึงขับรถไปยังสถานที่จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ เป็นเพราะอู๋หวนเฟิงขับรถมาดังนั้นซ่งหลันจึงทิ้งรถเอาไว้ให้เย่เชียน
เย่เชียนก็ขับรถไปรับช่างแต่งหน้าก่อนแล้วจึงรีบไปที่สนามแข่งขันและเมื่อไปถึงที่นั่นการแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้นแล้วเย่เชียนจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องส่วนตัวของเขาแล้วพบว่าหลินเฟิงก็มาถึงก่อนแล้วและหลังจากเห็นเย่เชียนเข้ามาหลินเฟิงก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อคืนมีความสุขมั้ย?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โถ่พี่หลินผมมีความสุขทุกวันนั่นแหละ..พี่อย่าอิจฉาผมสิ..ว่าแต่ผมคิดว่าถึงแม้ว่าเธอคนนี้จะมีทักษะในการแต่งหน้าที่ดีแต่นานๆไปมันอาจจะทำให้คนเห็นจุดบกพร่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ท่านประธานคะไม่ต้องเป็นห่วงเพราะฝีมือการแต่งหน้าของฉันน่ะยอดเยี่ยมมาก..ฉันขอรับประกันเลยว่าฉันสามารถซ่อนมันจากสายตาของทุกคนได้..ถึงแม้ว่าคุณจะออกไปด้วยสภาพแบบนั้นทุกวันฉันก็รับรองได้เลยว่ามันจะไม่มีใครสังเกตเห็นข้อบกพร่องได้” ช่างแต่งหน้าพูดอย่างมั่นใจ
“ความมั่นใจน่ะเป็นสิ่งที่ดีแต่ความมั่นใจในตัวเองมากเกินไปมันก็ไม่ดีเช่นกัน..ต่อให้ทักษะการแต่งหน้าของคุณจะดีสักแค่ไหนแต่สัญชาตญาณของคนเราน่ะมันไม่ธรรมดาหรอกนะ” เย่เชียนพูด หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็จ้องมองไปที่หลินเฟิงแล้วถามว่า “เป็นยังไงบ้าง..มีคนเก่งๆที่เข้าตาพี่หลินบ้างมั้ย?”
หลินเฟิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “นอกเหนือจากคนรอบที่แล้วฉันก็สนใจอยู่อีกคนหนึ่ง..ดูสิชายหนุ่มในชุดแดงคนนั้น..นายลองดูสิเป็นยังไงบ้าง?..นายคิดว่าเธอดูคุ้นๆมั้ย?”
เย่เชียนมองตามไปที่ที่หลินเฟิงชี้และเขาก็ต้องขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจและเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “มันเหมือนภาพเดจาวูเลย..มันคล้ายๆกับศิลปะการต่อสู้ของนากาซาวะเคโกะเมื่อวานนี้มาก..ไม่สิน่าจะต้องบอกว่ามันดูยอดเยี่ยมกว่านากาซาวะเคโกะอีก” จากนั้นเขาก็หันไปมองหลินเฟิงแล้วถามว่า “พี่หลินรู้ไหมว่าเขามาจากไหน?”
“เขาเป็นครูสอนโยคะจากประเทศอินเดีย..ชื่อของเขาคือดีห์ราห์” หลินเฟิงพูด “เมื่อฉันเห็นเขาฉันก็คิดแบบนายเลยเพราะทักษะที่เขาใช้คล้ายกับของนากาซาวะเคโกะมาก..ฉันคิดว่ามันควรจะเป็นโยคะ..ดูเหมือนว่าองค์ชาโด้ซากุระจะฝึกโยคะด้วย..เพราะงั้นถ้าเราสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเขาคนนั้นได้ล่ะก็เมื่อเราเผชิญหน้ากับพวกชาโด้ซากุระมันจะช่วยเราได้มากในอนาคต”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ช่วยตรวจสอบข้อมูลของเขาคนนั้นและดูว่าเขาเป็นคนขององค์กรไหน..ถ้าเขาไม่มีสังกัดล่ะก็เขาอาจจะช่วยเราได้มากเพราะทักษะโยคะของเขาค่อนข้างน่าทึ่งมาก..ผมสนใจจริงๆ”
หลินเฟิงก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “ใช่..ฉันเองก็อยากรู้เกี่ยวกับโยคะเหมือนกัน..ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายของคนเราจะบิดเบี้ยวได้อย่างไม่น่าเชื่อ..ถ้าเราสามารถเรียนรู้โยคะบ้างถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยมันก็อาจจะมาช่วยเสริมผสมผสานกับการต่อสู้ของพวกเราได้ดี..บางทีมันอาจจะมีผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้”
“ถ้าอย่างนั้นสมมุติว่าพี่หลินต้องสู้กับเขาในตอนนี้พี่คิดว่าพี่จะเอาชนะเขาได้ยังไง” เย่เชียนฉีกยิ้มและถาม
หลินเฟิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงแม้ว่าทักษะโยคะของเขาจะค่อนข้างแปลกและการเคลื่อนไหวของเขาจะคาดเดายากก็ตามแต่ตราบใดที่ฉันคาดเดารูปแบบการโจมตีของเขาได้มันก็ไม่ใช่ปัญหาเลยเพราะการโจมตีของเขาไม่ได้รุนแรงมากนัก..นอกจากนี้ฉันสามารถทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์โดยการล็อกขาหรือแขนเขาเอาไว้และในขณะนั้นเขาจะไม่มีโอกาสเคลื่อนไหว..เพราะศิลปะการต่อสู้ระดับโลกนั้นความเร็วเพียงอย่างเดี๋ยวมันไม่เพียงพอและนี่คือความจริงฉันคิดว่านายเองก็น่าจะเข้าใจดีถึงความจริงในข้อนี้”
“ใช่!” เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “โลกแห่งศิลปะการต่อสู้นั้นความรวดเร็วเพียงอย่างเดียวมันไม่พอเพราะนี่เป็นอาณาจักรที่ผมไล่ตามและแสวงหามาโดยตลอดและให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวแปลกๆและศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงบนโลกใบนี้..อย่างไรก็ตามทักษะโยคะของเขาคนนี้ก็ดูดีมากและมันควรจะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเราในการรับมือกับพวกชาโด้ซากุระในอนาคตอย่างแน่นอน”