ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 725 ศิลปะการต่อสู้ผสมผสานโยคะ ตอนที่ 3
ตอนที่ 725 ศิลปะการต่อสู้ผสมผสานโยคะ ตอนที่ 3
ไป๋ฮวยก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งเคยเห็นเขาใช้เป็นครั้งแรก..ฉันเองก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะเก็บทักษะแบบนี้เอาไว้..ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเขาใช้เป็นแค่คิกบ็อกซิ่งกับหมัดปาจี๋เท่านั้นแต่ดูเหมือนฉันจะคิดผิด..แต่ก่อนเราฝึกฝนกับอาจารย์คนเดียวกันและถึงแม้ว่าอาจารย์จะสอนฉันกับเขาทุกๆอย่างเหมือนกันแต่ฉันก็เลือกที่จะพัฒนาแค่หมัดปาจี๋เพราะมันมีการโจมตีที่รุนแรงและมีศักยภาพในการทำลายมากที่สุด..ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะผสมผสานมวยไทยเข้ากับหมัดหย่งชุนของฮ่องกง..ฉันคิดว่าตอนนี้ทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนน่ะไม่ได้ด้อยไปกว่าฉันเลย”
นี่ไม่ใช่การซ่อนหรือปกปิดใดๆเพียงแต่เย่เชียนนั้นไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มันมาก่อน ซึ่งในเมื่อทักษะการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นคิกบ็อกซิ่งหรือมวยปาจี๋ของเขาก็ฝึกฝนจนสำเร็จขั้นสูงสุดแล้วด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงต้องหาวิธีอื่นและใช้ความพยายามอื่นเพื่อเพิ่มความก้าวหน้าและการพัฒนาของตัวเองและไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้หรือสมรรถภาพทางร่างกายของเขาก็ตาม อย่างไรก็ตามเนื่องจากความแตกต่างในวิธีการฝึกฝนเย่เชียนจึงต้องนำมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อพัฒนาทักษะให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
“ดูเหมือนว่าเย่เชียนกำลังซ่อนมันจากนายนะ..น้องชายคนนี้มันเจ้าเล่ห์” หลินเฟิงก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่มันก็เป็นเรื่องดีเพราะเย่เชียนทำให้พวกเราได้ตื่นเต้นกันสักที”
ไป๋ฮวยถอนหายใจเบาๆและไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเย่เชียนจะมีพลังมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าเย่เชียนจะเก่งกว่าไป๋ฮวยเสมอไป ซึ่งเย่เชียนนั้นชื่นชมความสามารถของไป๋ฮวยมาโดยตลอดและตลอดหลายปีที่ผ่านมาเย่เชียนก็ได้พัฒนาขึ้นและแน่นอนว่าไป๋ฮวยเองก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งนี้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเอาชนะไป๋ฮวยได้ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนไม่เคยคิดที่จะเอาชนะไป๋ฮวยเลย
การโจมตีของเย่เชียนในตอนนี้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆและการเคลื่อนไหวนั้นก็รวดเร็วมากและแม้แต่ข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆของเขาก็ถูกปกปิดไปอย่างสมบูรณ์แบบ ถึงแม้ว่าดีห์ราห์จะมองเห็นมันแต่เขาก็ไม่มีทางที่จะตอบโต้ได้เลย แต่ถ้าหากดีห์ราห์ถูกแทนที่ด้วยไป๋ฮวยล่ะก็มันจะเป็นอีกฉากหนึ่ง ดังนั้นหากเย่เชียนเปิดเผยข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยล่ะก็ไป๋ฮวยจะสามารถวิเคราะห์และตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำอย่างแน่นอน
“ปัง” หมัดของเย่เชียนกระแทกร่างกายของดีห์ราห์จนกระเด็นออกไปแต่เขากลับคว้าเชือกของสนามเอาไว้เพื่อยึดร่างกายให้มั่นคงและเมื่อเขาต้องการสู้กลับเขาก็พบว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย ดูเหมือนว่าหมัดของเย่เชียนเมื่อครู่นี้จะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก
“ผมแพ้แล้ว!” ดีห์ราห์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยสีหน้าที่ขมขื่นและสิ้นหวัง ซึ่งเขาไม่เพียงแค่สูญเสียความพยายามแต่เขารู้สึกว่าแม้แต่ศักดิ์ศรีของเขาก็พังทลายไปด้วย นี่ยังรวมถึงความฝันของเขาและแม้กระทั่งอนาคตของเขาด้วย “ถ้าจะฆ่าผมก็ฆ่าซะ”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเคยพูดเหรอว่าฉันจะฆ่านาย..มันมีหลายวิธีที่จะฆ่าคนเพราะงั้นถ้าหากฉันต้องการจะฆ่านายล่ะก็ฉันคงไม่ใช้วิธีนี้หรอก”
“ต่อให้คุณไม่ฆ่าผมถึงยังไงผมก็จะไม่ขอบคุณและมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะเป็นสุนัขรับใช้ของคุณ..คุณใช้มนุษย์เป็นตัวหมากและควบคุมอยู่ในกำมือของคุณ..คุณคิดว่าทุกคนบนโลกต้องการที่จะประจบประแจงคุณจริงๆเหรอ..ผมขอบอกเอาไว้เลยนะว่าถึงผมจะจนถึงผมจะไม่มีความสามารถแต่ผมก็มีศักดิ์ศรี” ดีห์ราห์พูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“ศักดิ์ศรี?” เย่เชียนก็ยิ้มจางๆแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงคนแบบไหนและไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญหรอกว่านายจะจนหรืออะไรแต่การทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากคนโง่และนายจะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้”
“หึ..แต่ต้องแลกศักดิ์ศรีเพื่อความสำเร็จล่ะก็มันจะไปมีประโยชน์อะไร?..สุดท้ายก็จะถูกหัวเราะเยาะอยู่ดี” ดีห์ราห์พูด
“ดีห์ราห์!… ” ไป๋ฮวยกำลังจะเตือนเพื่อบอกให้ดีห์ราห์ปิดเปิดปากของเขาไปแต่เย่เชียนก็โบกมือเพื่อขัดจังหวะเขาและเมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋ฮวยก็ยิ้มอย่างขอโทษและเย่เชียนก็เข้าใจ จากนั้นเย่เชียนก็หันกลับไปมองดีห์ราห์แล้วพูดว่า “ศักดิ์ศรีของนายมันก็เป็นเพียงแค่ความคิดในทางที่ผิดซึ่งเกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี..ซึ่งความเกลียดชังของนายต่อคนรวยหรือคนปกตินั้นรุนแรงเกินไป..นายคิดว่าคนเราจะรวยทุกคนเลยงั้นเหรอ..ฉันรู้ว่านายเป็นคนอินเดียและสังคมที่ยากจนที่สุดในอินเดียมันก็ย่ำแย่จนนายอยากจะเปลี่ยนโชคชะตาของนายแต่นายกำลังเดินไปในทางตัน..ฉันอยากเอาชนะนายก็จริงแต่ฉันเคยพูดเหรอว่าฉันดูถูกศักดิ์ศรีของนาย..ฉันจะบอกความจริงให้นะว่าฉันมีพี่น้องมากมายที่เก่งกว่านาย..ฉันแค่คิดว่านายมีบางอย่างที่ควรค่าแก่การช่วยเหลือเพราะงั้นฉันจึงยินดีที่จะให้โอกาสนายเพราะฉันก็เคยเป็นเหมือนนาย..ฉันเคยอยู่ที่จุดต่ำสุดของสังคมและถูกเยาะเย้ยดูถูกมานานหลายปีและได้ลิ้มรสด้านมืดของโลก..แล้วนี่มันอะไรฉันไปดูถูกอะไรนาย?”
เห็นได้ชัดว่าดีห์ราห์ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะเหมือนกับตัวเขาเองและเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองไป๋ฮวยที่พยักหน้าให้เขา ซึ่งไป๋ฮวยเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดๆที่ไป๋ฮวยจะหลอกลวงเขา เมื่อเห็นปฏิกิริยาของไป๋ฮวยแล้วดีห์ราห์ก็สึกรู้ว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นเป็นความจริง
“นายคิดว่านายสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของนายได้โดยการเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้งั้นเหรอ..หืม..นายยังไม่รู้จักสังคมนี้มากพอ..อย่าว่าแต่ทักษะของนายจะหวังเข้าไปรอบชิงเลยเพราะแม้แต่รอบต่อไปนายก็ไม่สามารถเอาชนะได้หรอก..อย่าคิดว่ามันเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมเพราะทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่เบื้องหน้าและฉากหน้าของวงการใต้ดินเท่านั้น..นายรู้ไหมว่ามันมีคาสิโนใต้ดินกี่แห่งที่เดิมพันกับการแข่งขันครั้งนี้?..พวกเขามีอิทธิพลอย่างมากและพวกเขาจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำให้ธุรกิจของพวกเขาต้องเสี่ยง..เพราะงั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญและยอดฝีมือระดับสูงของกองกำลังต่างๆและพวกเขาก็กำลังต่อสู้กันเองและจะไม่มีวันให้นายชนะการแข่งขันอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ
ดีห์ราห์ก็เงียบไปและแน่นิ่งอยู่ที่นั่น ซึ่งเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เย่เชียนพูดเลยแต่จากประสบการณ์หลายปีของเขาข้อเท็จจริงมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นโอกาสเดียวของเขาและโอกาสที่จะบรรลุความฝันดังนั้นถ้าเขาพลาดโอกาสนี้ไปเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
“ถ้านายต้องการฉันสามารถทำให้นายนั่งอยู่ในตำแหน่งแชมป์ของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ได้และถึงแม้ว่านายจะประสบความสำเร็จไปมันก็จะไม่มีใครเยาะเย้ยนายอีก” เย่เชียนพูด “แต่สิ่งที่สำคัญก็คือนายจะมีความกล้ามากแค่ไหนนั่นเอง”
ดีห์ราห์ถึงกับตกตะลึงและคิ้วที่ขมวดก่อนหน้านี้ก็คลายออกในทันที ต้องบอกว่าคำพูดของเย่เชียนนั้นไปกระทบหัวใจของเขาทีละคำและทำลายทัศนคติเชิงลบของเขาไปทีละนิด “แล้วเงื่อนไขคืออะไร?” ดีห์ราห์ถาม
ปากของเย่เชียนก็ฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเพราะสิ่งที่เย่เชียนกังวลคือทัศนคติเชิงลบของดีห์ราห์แต่ตราบใดที่ดีห์ราห์ถามเช่นนี้นั่นก็หมายความว่าเย่เชียนประสบความสำเร็จแล้ว “มีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น..ฉันจะปฏิบัติต่อนายเหมือนพี่น้องและหวังว่านายจะปฏิบัติกับฉันเหมือนพี่น้องเช่นกัน..หากในอนาคตฉันทำอะไรให้นายขุ่นเคืองนายก็มาบอกกับฉันตรงๆ..ตราบใดที่นายสามารถเดินไปกับฉันได้ฉันบอกได้เลยว่านายจะพบแต่ความรุ่งโรจน์..อยู่ที่ว่านายจะตัดสินใจว่าจะเป็นศัตรูหรือเพื่อนกับฉันแค่นั้น” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ
ดีห์ราห์ก็ถึงกับตกตะลึงและแน่นิ่งไปและแทบไม่อยากจะเชื่อ อาการแบบนี้คืออะไร? นี่คือความสนใจในสิ่งที่ได้ยินนั่นเอง เมื่อคิดเช่นนั้นดีห์ราห์ก็อดไม่ได้ที่จะมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและปากของเขาก็กำลังจะเปิดออกแต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี การปฏิเสธก็เหมือนกับการละทิ้งความฝันแต่ถ้าหากความจริงข้างหน้านั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่เย่เชียนพูดล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นดีห์ราห์ก็ไม่เต็มใจที่จะเป็นหนี้บุญคุณใครที่เขาไม่มีวันจ่ายคืนได้
“ดีห์ราห์นายเชื่อฉันมั้ย?” ไป๋ฮวยพูดอย่างช้าๆ
ดีห์ราห์ก็หันไปมองไป๋ฮวยแล้วพูดว่า “คุณคือผู้มีพระคุณของผม..ผมจะเชื่อในตัวคุณ..คุณช่วยชีวิตผมเอาไว้เพราะงั้นไม่ว่าจะต้องบุกน้ำหรือลุยไฟผมก็จะไป”
“ตกลง” ไป๋ฮวยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้านายเชื่อฉันนายก็ตามฉันมา..เพราะโอกาสในชีวิตนี้มันมีไม่มากนักหรอก..แต่เส้นทางข้างหน้ามันไม่ได้สวยหรูหรอกนะและถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวมันก็อาจจะต้องแลกด้วยชีวิตของนาย..แต่การเดินตามคนที่ยิ่งใหญ่มันจะช่วยลดเส้นทางและขวากหนามมากมายได้และทำให้เส้นทางสู่ความสำเร็จของนายราบรื่นยิ่งขึ้น..แน่นอนว่ามันต้องแลกมาด้วยความยากลำบากและความเสี่ยงอยู่แล้ว”
“ถ้าคุณไป๋ฮวยพูดแบบนั้นผมก็จะเชื่อ..ผมจะเชื่อว่าเขามีความสามารถนั้นจริงๆ” ดีห์ราห์พูด “ยังไงก็เถอะ..ในโลกใบ้นี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆหรอก..ผมไม่รู้ว่าพวกคุณต้องการอะไรและมาช่วยผมทำไม..หากเป็นเพราะคุณมีประสบการณ์ที่เลวร้ายแบบเดียวกับผม..ผมก็ไม่เชื่อหรอกเพราะมันยังมีคนอีกมากมายในโลกนี้ที่มีประสบการณ์เช่นนี้..เพราะงั้นคุณจะช่วยทุกคนเลยงั้นเหรอ?”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ก็ได้..ถ้านายต้องการให้ฉันบอกเหตุผลฉันก็จะบอก..ฉันชอบทักษะการต่อสู้แบบผสมผสามโยคะของคุณ..แน่นอนว่าฉันอยากให้นายมาแนะนำและสอนให้ฉัน…ในกรณีถ้าหากเจอคนที่ใช้โยคะผสมผสานในการต่อสู้แบบนายในอนาคต..ฉันอยากให้นายบอกจุดแข็งและจุดอ่อนของทักษะนี้..มันไม่น่าจะยากใช่มั้ย?”
.