ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 729 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 2
ตอนที่ 729 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 2
ในการเผชิญกับความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาตินั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนละเอียดอ่อนอย่างมากและอารมณ์ส่วนตัวก็มักจะนำหน้าเหตุผลเสมอ
คราวนี้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเย่เชียนรู้สึกเดือดดาลอย่างมาก ที่จริงแล้วเขาสามารถเพิกเฉยมันได้อย่างสมบูรณ์แต่ในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายเลือดทหารแล้วเขาก็ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆได้ ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนนักเลงแต่เขาก็เป็นผู้ชายที่ก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในโลงศพแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้มันไม่มีอะไรถูกหรือผิดสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
หลังจากออกจากร้านกาแฟเย่เชียนก็เหลือบมองดีห์ราห์แล้วพูดว่า “การแข่งขันศิลปะการต่อสู้อาจถูกเลื่อนออกไปเพราะงั้นถ้านายต้องการตามฉันมาก็เตรียมตัวซะ..แต่ถ้าไม่ต้องการนายก็อยู่ที่ญี่ปุ่นไปก่อน..ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะเป็นคนออกให้เอง..หลังจากเรื่องนี้จบลงและนายชนะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แล้วเราค่อยมาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ”
ใบหน้าของเย่เชียนดูจริงจังมากและไม่มีที่ว่างให้ต่อรองเลย ไม่รู้ว่าทำไมแต่ดีห์ราห์รู้สึกว่าคนตรงหน้าเขาแตกต่างไปจากคนที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้อย่างมากเพราะเขามีความชั่วร้ายมากเกินไปในตอนนี้ แต่ก็มีความยุติธรรมและความแน่วแน่มากมายเช่นกัน ดีห์ราห์ก็รู้สึกว่าเขาต้องการที่จะเดินหน้าไปกับเย่เชียนอย่างที่ไป๋ฮวยบอกว่าชีวิตของคนเรานั้นมีโอกาสไม่มากนักดังนั้นหากเขาไม่คว้าโอกาสดีๆเอาไว้เขาก็จะต้องเสียใจ สำหรับดีห์ราห์แล้วเย่เชียนเป็นผู้ที่จะนำพาโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าของเขาและโอกาสที่จะลุกขึ้นและในตอนนี้เขามาถึงจุดนี้แล้วเขาก็จะไม่ยอมแพ้กลางทางอย่างแน่นอน
“คุณบอกให้ผมคอยติดตามคุณเพราะงั้นผมก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้งหรอก” ดีห์ราห์พูด
เย่เชียนก็เหลือบมองและพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นก็เดินไปที่รถของเขาโดยมีดีห์ราห์ตามมาติดๆอย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากขึ้นรถแล้วเย่เชียนก็ขับรถไปหาชิงเฟิง ซึ่งขณะขับรถเย่เชียนก็กดเบอร์โทรศัพท์ของซ่งหลันและทันทีที่เชื่อมต่อสายโทรศัพท์เย่เชียนก็พูดว่า “พี่หลันพี่น่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งประเทศจีน”
ซ่งหลันก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “รู้แล้ว..ว่าแต่นายจะทำยังไงต่อ?”
“ตาต่อตาฟันต่อฟัน!” เย่เชียนพูด “ดูเหมือนว่าการแข่งขันศิลปะการต่อสู้จะต้องถูกเลื่อนออกไปและหลังจากที่พี่หลันจัดการเรื่องต่างๆเสร็จแล้วให้พี่รีบออกจากประเทศญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด..ผมไม่อยากให้พี่ตกอยู่ในอันตรายเพราะเรื่องนี้มันจะเกิดความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก..หากแผนการของผมเริ่มดำเนินการแล้วชาวญี่ปุ่นจะต้องรังเกียจคนต่างชาติอย่างมาก..ซึ่งมันจะเป็นผลดีสำหรับพี่ในตอนนั้น..ผมไม่ต้องการให้พี่ถูกคุกคามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”
หัวใจของซ่งหลันก็สัมผัสกลิ่นหวานๆได้ ซึ่งเธอก็รู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นผู้หญิงของเย่เชียนแล้วเพราะถ้าเธอปลอดภัยเย่เชียนก็จะสามารถผ่อนคลายได้ “วิกฤตก็คือโอกาส..เมื่อมีความเสี่ยงมันก็ย่อมมีโอกาสทุกครั้ง..เพราะงั้นถ้าเหตุการณ์ครั้งนี้มันอาจจะอันตรายก็จริงแต่มันก็เป็นโอกาสที่ดีด้วยและตราบใดที่ฉวยโอกาสนี้เอาไว้ได้ฉันก็จะสามารถนำเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราไปสู่ความรุ่งโรจน์ในประเทศญี่ปุ่นได้และขยายธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้อย่างไม่จำกัด..ไม่ต้องกังวลไปฉันไม่เป็นอะไรหรอก..อีกอย่างยังมีหวนเฟิงอยู่ข้างๆเขาจะปกป้องฉันเอง..นอกจากนี้ฉันก็ไม่ใช่คนอ่อนแอสักหน่อย..ฉันรู้วิธีรับมือกับสิ่งต่างๆไม่ต้องห่วงฉัน..นายเรื่องของตัวเองเถอะ” ซ่งหลันพูดช้าๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งหลันเช่นนี้เย่เชียนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะเขารู้ว่านิสัยของซงหลันนั้นดื้อรั้นพอๆกับของเขาเองและเป็นการยากที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เธอกำลังตั้งใจจะทำ ยิ่งไปกว่านั้นซ่งหลันก็พูดถูกเพราะเมื่อใดที่มีอันตรายมันก็จะมีโอกาสอยู่ในนั้นด้วยและนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะยืนหยัดอย่างรุ่งโรจน์ในประเทศญี่ปุ่น
“ได้..แต่พี่ต้องระวังนะ..ฉันจะให้ชิงเฟิงช่วยส่งกำลังคนไปเพิ่มและให้หวนเฟิงสั่งการหน่วยย่อยนั้นไป..มันจะสะดวกกว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่คอยปกป้องพี่..ผมอาจจะไม่สามารถกลับมาที่ญี่ปุ่นสักพักเพราะงั้นพี่หลันต้องระมัดระวังเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างนะ” เย่เชียนพูด
ซ่งหลันก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นายเองก็ต้องระวังให้มากกว่านี้เพราะคราวนี้ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวแต่มันเกี่ยวข้องกับการทูตระดับประเทศ..จำเอาไว้ว่าอย่าปล่อยให้ตัวเองถูกคนอื่นหลอกใช้”
“ผมรู้ว่าต้องทำยังไง” เย่เชียนพูดจบและกดวางสายไป
ถึงแม้ว่าดีห์ราห์จะรู้สึกประหลาดใจไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่มันก็ดึงดูดความสนใจและความโกรธของเย่เชียนไปพร้อมๆกัน อย่างไรก็ตามตราบใดที่เขาอยู่กับเย่เชียนในไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากวางสายโทรศัพท์ของซ่งหลันไปเย่เชียนก็กดเบอร์โทรศัพท์ของหลินเฟิงและเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงเตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้วและเมื่อรับสายก็มีเพียงประโยคเดียวว่า “ฉันกับไป๋ฮวยกำลังรอนายอยู่ที่เซฟเฮาส์ของชิงเฟิง!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่ได้ถามอะไรและรีบขับรถไปที่เซฟเฮาส์ของชิงเฟิงในทันที
เซฟเฮาส์แห่งนี้ซ่งหลันเป็นคนจัดหาให้ ซึ่งมันตั้งอยู่ในเขตชานเมืองโตเกียวและมีประชากรค่อนข้างเบาบางซึ่งเอื้อต่อการดำเนินการต่างๆและนี่ก็ถือได้ว่าเป็นศูนย์บัญชาการของหน่วยกรงเล็บหมาป่า ซึ่งสถานที่ในการประชุมต่างๆก็เป็นที่นี่แต่ทว่าเหล่าสมาชิกทั้งหมดไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่เพราะพวกเธอทั้งหมดเคยสังกัดอยู่ในองค์กรดาร์คลิลลี่ดังนั้นพวกเธอจึงมีที่อยู่เป็นของตัวเองและจะมีเพียงชิงเฟิงและนากาจิมะชินนะเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นี่
เมื่อเย่เชียนกับดีห์ราห์มาถึงก็พบว่าหลินเฟิงกับไป๋ฮวยนั้นอยู่ข้างในแล้วและเมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาชิงเฟิงก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและทำความเคารพแบบทหารแล้วตะโกนว่า “บอส!” หลังจากที่เย่เชียนพยักหน้าเขาก็เดินไปที่ฝั่งตรงข้ามและนั่งลง ซึ่งเมื่อเห็นไป๋ฮวยอยู่ที่นี่ดีห์ราห์ก็ก้มลงและคำนับ ส่วนไป๋ฮวยก็แค่ยิ้มเบาๆและไม่ได้พูดอะไรใดๆ แต่ชิงเฟิงจ้องมองดีห์ราห์ด้วยความประหลาดใจและเปิดปากของเขาและต้องการจะถามอะไรบางอย่างแต่ในที่สุดเขาก็กลืนมันลงไป
เย่เชียนเห็นความสงสัยของชิงเฟิงเขาจึงพูดเบาๆว่า “ชื่อของเขาคือดีห์ราห์..จากนี้ไปเขาจะเป็นพี่น้องของเราเพราะงั้นอย่ากังวลไป” จากนั้นเขาก็เหลือบไปที่ดีห์ราห์แล้วพูดว่า “นายเองก็นั่งลงซะ” ดีห์ราห์ก็พยักหน้านั่งลงอย่างประหม่า เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนดูเคร่งเครียดดีห์ราห์ก็รู้ดีว่ามันมีบางอย่างที่สำคัญเกิดขึ้นและตอนนี้พวกเขาก็มารวมกันที่นี่และพวกเขาก็ต้องพูดถึงเรื่องนี้แต่ทว่าตนที่เพิ่งติดตามเย่เชียนมาได้ไม่นานแต่พวกเขากลับไม่สงสัยในตัวเขาเลย สิ่งนี้ทำให้ดีห์ราห์งุนงงอย่างอธิบายไม่ถูกและรู้สึกตื้นตันเล็กน้อย
เย่เชียนก็มองไปที่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า “มาคุยกันเถอะมันเกิดอะไรขึ้น?”
“ประมาณห้าโมงเย็นของวันนี้มีผู้ก่อการร้ายนับสิบคนบุกเข้าไปในสถานทูตจีนในเมืองโตเกียวและฆ่าบุคลากรการทูตไปห้าคนและวางระเบิดสถานทูต..ถึงแม้ว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโตเกียวจะทำงานกันอย่างรวดเร็วก็ตามแต่มันก็ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากอยู่ดี..สถานเอกอัครราชทูตฯถูกวางระเบิดจนพังทลายและกลุ่มผู้ก่อการร้ายก็หลบหนีไปได้หลังเกิดเหตุ..ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวมดๆเจ้าหน้าที่ของรัฐ..แต่ทางการของญี่ปุ่นออกแถลงการณ์และระบุว่าผู้ก่อการร้ายจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง” ชิงเฟิงพูดอย่างช้าๆ “แต่ในความคิดของผมพวกเขาแค่ออกมารับหน้าและแสดงละครเท่านั้นไม่ได้จริงๆจังๆกับการแก้ปัญหา..ผมแอบสงสัยว่าคนเหล่านั้นทางรัฐบาลเป็นคนส่งมาเอง”
ใบหน้าของเย่เชียนก็มืดมนและน่ากลัวและเขาก็พยักหน้าอย่างช้าๆแล้วพูดว่า “พี่หลิน..พี่ไป๋..พวกพี่คิดยังไงกันบ้าง”
“มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว..การเลือกตั้งพรรครัฐบาลก็ใกล้จะถึงกำหนดการณ์แล้วเพราะงั้นมันก็เป็นไปได้ว่าพรรคการเมืองบางพรรคได้จัดฉากเรื่องนี้ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อปลุกเร้าประชาชนให้ต้องการความสงบและจุดประสงค์ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงที่ดีขึ้นถ้าหากพรรคไหนแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้..แต่ถ้าจะให้บอกว่าฝ่ายไหนอยู่เบื้องหลังมันก็พูดยากมาก” ไป๋ฮวยพูด
“คำพูดของไป๋ฮวยมีเหตุผลมาก..ฉันเองก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้” หลินเฟิงพูด “ไม่ว่าฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นกองกำลังของประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่ามันก็ไม่สำคัญเพราะสิ่งที่สำคัญคือผลกระทบที่ส่งต่อไปยังประเทศจีนเพราะมันจะทำให้ทุกคนคิดว่ากองกำลังจากประเทศจีนเป็นคนทำสิ่งเหล่านี้”
“ชิงเฟิง!..ส่งคนออกไปสืบว่าผู้ก่อการร้ายกบดานอยู่ที่ไหน” ชิงเฟิงพูด
“คนของเราถูกส่งออกไปแล้ว..เราน่าจะได้รับข้อมูลเร็วๆนี้” นากาจิมะชินนะพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเพราะดูเหมือนว่าหน่วยกรงเล็บหมาป่าได้สวมบทบาทใหม่อย่างสมบูรณ์แบบแล้วและไม่ถือว่าตัวเองเป็นนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่อีกต่อไปและไม่ถือว่าตัวเองเป็นชาวญี่ปุ่นอีกแล้ว ซึ่งผู้หญิงเหล่านี้ทำสิ่งต่างๆได้ดีกว่าผู้หญิงชาวจีนมาก ในตอนนี้นากาจิมะชินนะได้อุทิศตนและจิตวิญญาณให้กับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วและกลายเป็นส่วนหนึ่งพี่น้องเขี้ยวหมาป่า ซึ่งเธอก็ได้เปลี่ยนสัญชาติจากญี่ปุ่นไปเป็นสัญชาติจีนด้วยการแต่งงานชิงเฟิง
“ชิงเฟิงนายรายงานสิ่งต่างๆต่อได้เลย..มันเกิดอะไรขึ้นที่ประเทศจีน?” เย่เชียนถาม
“ช่วงบ่ายวันนี้มีเรื่องชาวประมงของจีนไปจับปลาแถบทะเลของน่านน้ำญี่ปุ่นแต่ถูกกองทัพแห่งชาติญี่ปุ่นโจมตีและจมเรือประมงทันที..ทางสายข่าวรายงานว่าชาวประมงจีนสี่คนบนเรือประมงเสียชีวิตทันทีและในตอนนี้เรือรบของกองทัพแห่งชาติญี่ปุ่นได้เข้าสู่น่านน้ำของประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้ว” ชิงเฟิงพูด “ส่วนข่าวการเคลื่อนไหวที่แผ่นดินใหญ่จากแจ็คก็บอกว่าประชาชนชาวจีนรู้สึกโกรธแค้นจนเหล่าประชาชนและนักศึกษาจำนวนนับไม่ถ้วนได้เดินขบวนและประท้วงให้รัฐบาลจีนแก้แค้นประเทศญี่ปุ่นอย่างถึงที่สุด”
เย่เชียนก็แสยะยิ้มและพูดว่า “ฉันต้องการให้พวกเขาส่งกองทัพมาถล่มประเทศญี่ปุ่นตั้งนานแล้ว..แต่มันก็แค่ฝันเพราะรัฐบาลจีนอ่อนแอเกินไปในเรื่องนี้”
“เราไม่สามารถตำหนิพวกเขาเรื่องนี้ได้เพราะพวกเขาต้องพิจารณาให้ละเอียดยิ่งขึ้นและคำนึงถึงผลข้างเคียงอื่นๆด้วย..แต่หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทัศนคติของเบื้องบนของจีนต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน” ไป๋ฮวยพูด
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าไป๋ฮวยจะพูดแทนรัฐบาลจีนเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วสิ่งที่ไป่ฮวยพูดก็ไม่ได้ผิดเลยเพราะมันมีความจริงบางอย่างอยู่ในนั้นและการยืนอยู่บนตำแหน่งนั้นมันมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาและไม่สามารถก่อสงครามใดๆได้ในยุคนี้เลย
“ทัศนคติของรัฐบาลจีนจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ” เย่เชียนพูด “เราแค่ต้องทำในสิ่งที่เราควรทำเท่านั้น..พวกเราต้องทราบแหล่งกบดานของผู้ก่อการร้ายโดยเร็วที่สุด..ฉันจะติดต่อไปหาแจ็คเพื่อเตรียมการตามแผนที่กำหนดเอาไว้..ในตอนนี้แผนการในประเทศญี่ปุ่นจำเป็นต้องถูกเลื่อนออกไปชั่วคราวเพราะถ้าหากเราดำเนินการต่อพวกเราทุกคนจะตกอยู่ในอันตรายและเราจะโยนชีวิตของพี่น้องของเราทิ้งที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “เปิดทีวีดูสิมันน่าจะมีข่าวออกอากาศอยู่..มาดูแถลงการณ์และการแสดงละครของรัฐบาลญี่ปุ่นกัน”
.
.
.