ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 731 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 4
ตอนที่ 731 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 4
ดีห์ราห์เป็นคนที่อาศัยอยู่ที่ระดับต่ำสุดของห่วงโซ่สังคม ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ต้องการก้าวไปข้างหน้าและเปลี่ยนแปลงชีวิตอยู่เสมอและเต็มไปด้วยความปรารถนาในชีวิตที่ดีกว่าเดิม ซึ่งการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขานับจากนี้ไป คำพูดของเย่เชียนนั้นได้กระตุ้นเขาอย่างมากจนดีห์ราห์รู้สึกว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาแล้ว ซึ่งนี่คือสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นดังนั้นผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต
อาสึนะนั้นไม่ใช่ผู้บงการรายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังดังนั้นการฆ่าเธอไปมันก็ไม่ได้ลดความโกรธของเย่เชียนลงเลย ซึ่งรอยยิ้มที่ดูพึงพอใจที่เธอแสดงออกมาขณะออกอากาศข่าวท่ามกลางความสูญเสียของชีวิตผู้คนจำนวนแล้วนั่นก็สมควรแล้วที่เธอจะต้องตาย
คืนนั้นเย่เชียนไม่ได้กลับไปที่โรงแรมที่เขาพักเพราะเขากับดีห์ราห์ไปหาโรงแรมอื่นและเช่าห้องพักสองห้อง ส่วนมารุยามะทาโร่นั้นก็ถูกปล่อยเอาไว้ที่ร้านกาแฟ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่กลัวการตอบโต้จากแก๊งอินาดะก็ตามและสันนิษฐานว่าตอนนี้คนของแก๊งอินาดะจ้องไปดักรอที่โรงแรมเพื่อสะสางเรื่องนี้อย่างแน่นอน ส่วนมารุยามะไทจินั้นก็สามารถรู้ได้ว่าตนนั้นคือราชาหมาป่าเย่เชียนและตอนนี้มันก็ไม่สำคัญเนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้เย่เชียนจึงจำเป็นต้องยุติแผนการทั้งหมดเอาไว้ชั่วคราว
คืนนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาแจ็คและพูดคุยกับเขาจนถึงเที่ยงคืนและแจ็คยังบอกเย่เชียนเกี่ยวกับเรื่องของทางฝั่งประเทศจีนอย่างละเอียดด้วย ซึ่งแจ็คไม่ได้เป็นชาวจีนดังนั้นเขาจึงไม่มีความเกลียดชังทางเชื้อชาติมากนักแต่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของเขี้ยวหมาป่าแล้วเนื่องจากเป็นเรื่องเขี้ยวหมาป่านั่นก็หมายความว่ามันเป็นเรื่อบของเขาด้วย ในฐานะผู้คุมกฏทางทหารที่มีคุณสมบัติแล้วแจ็คต้องพิจารณาทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและช่วยทำและคิดในสิ่งที่เย่เชียนทำไม่ได้แทน
แจ็คยังบอกเย่เชียนเกี่ยวกับสิ่งต่างๆทางด้านหลี่เหว่ยโดยละเอียดว่าฐานทัพเรือขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นก็เสร็จสิ้นแล้วและมีชื่อว่าฐานทัพเรือไอร่อนบลัด ซึ่งเรือรบที่ขนส่งมาจากประเทศรัสเซียโดยคูลอฟส์อังเดรก็มาถึงฐานทัพได้อย่างราบรื่นภายใต้การปกปิดที่เหมาะสมของรัฐบาลประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ยังสร้างปัญหาให้กับประเทศเมียนมาร์อีกด้วยเพราะรัฐบาลของทุกประเทศได้สังเกตเห็นการขยายตัวของกองทัพแห่งชาติเมียนมาร์และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะคอยจับตามอง แต่เรื่องแบบนี้ไม่สามารถจัดการได้ในเวลาอันสั้นและในตอนนี้พวกเขาทำได้แค่พูดถึงมันเท่านั้นและยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลชุดปัจจุบันของประเทศเทียนมาร์ก็สนับสนุนประเทศจีนอย่างเต็มที่ดังนั้นพวกเขาได้รับคำชมเชยจากผู้นำของจีนและพูดถึงสิ่งดีๆมากมายกับพวกเขา สำหรับรัฐบาลของประเทศรัสเซียนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะในเมื่อมีคนมาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของเขาแล้วพวกเขาก็ยินดีและจะให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีเช่นกัน
หลังจากคุยรายละเอียดทั้งหมดแล้วเย่เชียนก็วางสายไปเกือบตีสามและเย่เชียนก็ไม่รู้สึกง่วงเลยดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและแช่ตัวลงไปในอ่างอาบน้ำในห้องน้ำแล้วนอนลงในนั้น ในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากมีเรื่องเล็กน้อยมากมายเย่เชียนจึงต้องทำสมาธิเพื่อขัดเกลาศิลปะการต่อสู้โบราณของเขา เมื่อตระหนักถึงทักษะการต่อสู้ของเขาแล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันยังไม่ดีมากนัก ดังนั้นถ้าหากเขาไม่ฝึกพลังกายล่ะก็มันอาจจะเป็นปัญหาในอนาคตและจะไม่เหมือนกับตอนที่สู้กับคาเอดะก็เป็นได้
หลังจากถอดเสื้อผ้าแล้วเย่เชียนก็นอนลงในอ่างอาบน้ำและหลับตาลงอย่างช้าๆและเริ่มฝึกตามบันทึกในหนังสือ หลังจากนั้นไม่นานพลังความชั่วร้ายในร่างกายก็เริ่มหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่งทันที เพราะเมื่อตอนที่ต่อสู้กับคาเอดะเย่เชียนก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังงานชั่วร้ายในร่างกายของเขาและพลังลมปราณจากเดิมกลายเป็นพลังทำลายล้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเย่เชียนก็พยายามควบคุมลมหายใจให้หมุนเวียนไปตามสถานการณ์ที่เป็นเกลียวในวันนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้การทำสมาธิในที่สุดเย่เชียนก็ค่อยๆเปลี่ยนพลังเป็นกระแสน้ำวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลังแปลกๆที่เย่เชียนถูกพระในวัดหลิงลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนผนึกเอาไว้ดูเหมือนจะถูกดึงออกมาและพยายามต่อต้านการควบคุมอย่างบ้าคลั่ง
พลังดังกล่าวนั้นถูกผนึกอยู่ในจุดฝังเข็มบนหน้าอกของเย่เชียนแต่ทว่ามันกลับไม่มีปฏิกิริยาเลยแต่เมื่อใดที่พลังที่ชั่วร้ายตื่นขึ้นมันก็จะหมุนเวียนและปกป้องอาณาเขตและกักเก็บพลังเอาไว้ ดูเหมือนว่าต่อให้พลังที่ชั่วร้ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันก็ไม่อาจกัดกร่อนและทะลุทะลวงอาณาเขตของผนึกไปได้ ในช่วงปีที่ผ่านมาเย่เชียนมีพลังเพิ่มขึ้นเกือบเท่าทวีคูณแต่ก็ยังไม่มีทางที่จะทำลายผนึกนี้ไปได้ บางครั้งแม้แต่เย่เชียนเองก็รู้สึกแปลกๆเพราะผนึกเหล่านั้นมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยและไม่ว่าเย่เชียนจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถทำลายผนึกนั้นได้เลย
แต่ตอนนี้พลังงานชั่วร้ายในร่างกายของเย่เชียนได้พัฒนาไปอย่างบ้าคลั่งและทำให้พลังชี่ของเย่เชียนนั้นดูดซับพลังงานทั้งหมดในร่างกายไปใช้อย่างไม่หยุดยั้ง อย่างไรก็ตามถ้าหากเย่เชียนทำสมาธิได้คงที่ล่ะก็เขาจะสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อพลังอันชั่วร้ายเริ่มปะปนกับพลังลมปราณและพลังชี่ของเย่เชียนแล้วเขาก็รู้สึกแปลกๆราวกับเข็มหลายพันเล่มทิ่มแทงร่างกายของเขาทีละน้อยจนเย่เชียนนั้นเริ่มทนไม่ไหว
เนื่องจากเย่เชียนไม่สามารถระงับได้เย่เชียนจึงปล่อยให้พลังทั้งสองขั้วปะทะกันอย่างบ้าคลั่งและทำได้เพียงแค่ทนความเจ็บปวดเพราะอย่างน้อยๆมันก็ไม่ถึงชีวิตดังนั้นเย่เชียนจึงทำได้เพียงอดทนอย่างสิ้นหวัง โดยหวังว่าพลังทั้งสองจะสงบลงในไม่ช้าและไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายยับยั้งก็ตามแต่เย่เชียนก็หวังแค่ว่าไม่ให้พวกมันปะทุขึ้นมาอีก
หลังจากนั้นไม่นานพลังความชั่วร้ายก็ๆค่อยๆสงบลงและไม่ว่าเขาจะต่อต้านอย่างไรเย่เชียนก็ถูกต่อต้านมากเท่านั้น “ฟู่ว” ทันใดนั้นแรงระเบิดของอากาศก็ระเบิดออกมารอบๆร่างกายของเย่เชียนแล้วพลังอันชั่วร้ายเหล่านั้นก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ทันทีหลังจากนั้นพลังที่ชั่วร้ายก็เริ่มดูดซับและซึมซับผนึกแต่ทว่าผนึก็ยังคงต่อต้านขึ้นเรื่อยๆและยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งดูเหมือนว่ามันต้องการต่อต้านจนถึงที่สุด แต่ทว่าพลังที่ชั่วร้ายเองก็ไม่ยอมเพราะมันอยากที่จะทะลวงผนึกเพื่อดูดซับพลังจากร่างกายของเย่เชียนอย่างอิสระ
ผลก็คือเย่เชียนรู้สึกอึดอัดอย่างมากเพราะพลังทั้งสองขั้วกำลังต่อสู้กันอย่างเดือดดาลภายในตัวของเขาราวกับว่ามีใครบางคนกำลังแทงอวัยวะภายในของเขาด้วยมีดอย่างไร้ความปรานี
ในเวลานี้พลังที่ชั่วร้ายก็ค่อยๆละทิ้งความพยายามที่จะดูดซับผนึกและดูเหมือนว่าทั้งสองขั้วพลังจะบรรลุข้อตกลงกันและค่อยๆรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างศิลปะการต่อสู้โบราณขั้นสูงระดับสองกับระดับสามนั้นคือพละกำลังกายภาพ ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายของเย่เชียนแข็งแกร่งแบบก้าวข้าม ซึ่งถึงแม้ว่านี่จะเป็นโอกาสในด้านของความสำเร็จก็ตามแต่มันก็เป็นเพราะร่างกายที่พิเศษของเย่เชียนอีกด้วย ซึ่งถ้าหากไม่ใช่ผนึกที่พระจากวัดหลิงหลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนผนึกเอาไว้ในร่างกายของเย่เชียนล่ะก็มันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ ซึ่งตามความเป็นจริงการข้ามผ่านขอบเขตผู้ฝึกศิลปินศิลปะการต่อสู้โบราณขั้นสูงจากระดับสองไประดับสามนั้นมันต้องใช้เวลานานหลายปีเลยทีเดียว
ในเวลาเดียวกันกับที่เย่เชียนทะลวงขอบเขตของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณขั้นสูงได้ที่วัดหลิงหลงทางตะวันออกเฉียงเหนือนั้นศิลาที่อยู่ตรงนั้นก็แตกออกและแตกเป็นเสี่ยงๆและเปลี่ยนเป็นรูปร่างแปลกๆ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เหล่าพระภิกษุในวัดหลิงหลงต่างก็ประหลาดใจแต่ทว่ามีเพียงแค่พระไร้นามผู้นั้นเพียงผู้เดียวที่รู้ว่ามันคืออะไร
เย่เชียนเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เมื่อเห็นร่างกายของเขาค่อยๆสงบลงแล้วเขาก็โล่งใจและเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าน้ำในอ่างอาบน้ำกำลังเดือดอยู่อย่างร้อนระอุซึ่งทำให้เย่เชียนตกใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เย่เชียนก็เหนื่อยล้าและเขาก็ไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องนี้มากนักเพราะคนที่เขารู้จักนั้นไม่มีใครเคยฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณมาก่อน ดังนั้นเขาจึงต้องคิดเองแต่ทว่าเมื่อเขาไม่สามารถถามคนอื่นได้ว่ามันคืออะไรเย่เชียนก็ไม่คิดที่จะคิดอีกต่อไปเพราะตราบใดที่มันไม่เป็นภัยต่อเขา
เมื่อหลับตาลงเย่เชียนก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวเพราะปรากฏการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้เย่เชียนเหนื่อยล้าอย่างมากจนหมดแรง
ไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วจู่ๆโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นและเมื่อลืมตาขึ้นมาเย่เชียนก็รับโทรศัพท์และเสียงของชิงเฟิงก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “บอส!..บอสมัวทำอะไรอยู่ทั้งวัน..ทำไมถึงไม่ติดต่อผมมาเลย..เอาเถอะเพราะตอนนี้คนของเราพบแหล่งกบดานของผู้ก่อการร้ายแล้ว..เราควรไปตอนนี้เลยมั้ย?”
“หือ?..ทั้งวัน?..ตอนนี้กี่โมงแล้ว?” เย่เชียนถามอย่างงงๆ
“สี่ทุ่มกว่าแล้ว..คนของเราสืบหาแหล่งกบดานของผู้ก่อการร้ายได้แล้ว..ตอนนี้ผมสั่งให้คนคอยเฝ้าระวังอยู่รอบๆละแวกนั้น..เราควรไปกันตอนนี้เลยมั้ย?..ถ้าบอสไม่ไปก็สั่งให้ผมบุกก็ได้เพราะถ้าหากคนเหล่านั้นหนีไปได้มันจะยากมากในการตามหาอีกครั้ง”
.
.
.