ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 732 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 5
ตอนที่ 732 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 5
เย่เชียนก็ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำเป็นเวลาเกือบหนึ่งวันเต็มๆ อย่างไรก็ตามเวลาที่ผ่านพ้นไปก็ไม่ได้สูญเปล่าเพราะอย่างน้อยๆตอนนี้เขาก็ได้บ่มเพาะจนเข้าสู่ขอบเขตของศิลปะการต่อสู้โบราณขั้นสูงระดับสาม ซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกสบายอย่างมาก ซึ่งพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายผสมกับความอบอุ่นท่ามกลางความหนาวเย็นนั้นทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างมาก
หลังจากนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาชิงเฟิงแล้วบอกให้เขารอและเมื่อวางสายโทรศัพท์ไปเย่เชียนก็ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำและล้างร่างกายด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง เมื่อเย่เชียนแต่งตัวเสร็จเขาก็เรียกดีห์ราห์แล้วขับรถไปที่ตำแหน่งแหล่งกบดานของพวกผู้ก่อการร้ายที่ชิงเฟิงรายงานมา ในตอนนี้ดีห์ราห์เริ่มยอมรับตัวเองแล้วเล็กน้อยดังนั้นเย่เชียนจึงไม่อยากพลาดโอกาสที่หายากนี้เพราะถ้าหากเขาปล่อยดีห์ราห์ให้อยู่เฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไรล่ะก็ดีห์ราห์คงไม่รู้สึกว่าเขาเป็นพี่น้อง ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงเรียกดีห์ราห์ออกไปด้วยโดยไม่ลังเลใดๆ
หลังจากที่ได้เห็นเย่เชียนแล้วดีห์ราห์ก็มึนงงเล็กน้อยและมองไปที่เย่เชียน ซึ่งหลังจากหยุดไปสักพักเขาก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะแตกต่างไปจากเมื่อวานมากเลยนะ”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “ถ้านายอยากอยู่ยงคงกระพันนายก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”
แน่นอนว่าเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพในร่างกายของเขาแล้วจึงทำให้อารมณ์ของเย่เชียนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เขามักจะเปิดเผยวิญญาณที่ชั่วทั่วร่างในกายของเขาออกมาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถยับยั้งมันได้อย่างสมบูรณ์แบบแต่ถ้าหากเป็นผู้ฝึกตนเหมือนกันแล้วเมื่อเข้าใกล้ก็จะสามารถสัมผัสได้อยู่ดี
ไม่นานนักรถของเย่เชียนก็มาถึงแหล่งกบดานซึ่งมันเป็นบ้านพักอาศัยในพื้นที่รกร้างและทรุดโทรมในเขตชานเมืองของเมืองโตเกียวและสถานที่ที่จะถูกรื้อถอนในเร็วๆนี้ดังนั้นผู้อยู่อาศัยจึงได้ย้ายออกไปกันหมดและสิ่งเดียวที่เหลือก็คือบ้านร้าง เนื่องจากไม่มีคนอยู่มันจึงดูทรุดโทรมและรกไปด้วยวัชพืช
เย่เชียนก็จอดรถจากระยะไกลเพราะกลัวว่าเสียงเครื่องยนต์ของรถจะทำให้พวกผู้ก่อการร้ายในบ้านร้างตื่นตระหนก ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ก่อการร้ายที่บุกเข้าไปทำลายสถานทูตจีน ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะได้เปรียบด้านจำนวนคนก็ตามแต่ก็ยังต้องระวังเพราะที่แห่งนี้เปิดกว้างเกินไปและสิ่งแวดล้อมก็ซับซ้อนเต็มไปด้วยบ้านร้าง ดังนั้นถ้าหากคนพวกนี้หนีไปได้แล้วก็คงจะยากที่จะหาตัวพบได้อีกครั้ง
เมื่อเย่เชียนไปถึงด้านข้างของชิงเฟิงแล้วชิงเฟิงก็ทำความเคารพแบบทหารและเย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยในการตอบกลับและเหลือบมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบไป๋ฮวยกับหลินเฟิง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาต่างก็กำลังทำสิ่งอื่นๆตามหน้าที่ของตน นอกจากนี้ในเวลานี้ไป๋ฮวยกับหลินเฟิงก็ยุ่งอยู่กับสิ่งที่ตนทำเพราะพวกเขาต้องวางแผนบางอย่างเพื่อช่วยให้เย่เชียนแผนการของเย่เชียนดำเนินการอย่างราบรื่นโดยเร็วที่สุด
“บอส..วันนี้บอสดูแปลกๆ..บอสไม่เหมือนเดิมเลย” ชิงเฟิงประหลาดใจเล็กน้อยและพูดด้วยความประหลาดใจ “แต่ผมบอกไม่ได้จริงๆว่ามันแตกต่างกันตรงไหน..แต่ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลง”
“ในอนาคตนายจะเข้าใจเอง..ถคงแม้ว่าตอนนี้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำแต่นายก็ไม่สามารถผ่อนคลายการฝึกฝนตัวเองได้..นายเป็นผู้บัญชาการหน่วยกรงเล็บหมาป่าเพราะงั้นนายไม่สามารถแพ้ให้กับคนอื่นได้ไม่งั้นนายจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ในชีวิตอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างจริงจังเล็กน้อย
ชิงเฟิงก็ยิ้มและพยักหน้าแล้วพูดว่า “พวกเราจะไปแพ้ได้ยังไง..ต่อให้พวกเราไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณก็เถอะถึงยังไงพวกเราก็ฝึกการสู้รบมาอย่างเข้มงวด..นอกจากนี้ผมเองก็ไม่ได้ละเลยในการขัดเกลาหรือบ่มเพาะเลยเพราะช่วงนี้ผมฝึกท่วงท่าบนเตียงถึงวันละสองครั้งเลย”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและมองไปที่นากาจิมะชินนะที่อยู่ถัดไปจากชิงเฟิงและเห็นว่าเธอหน้าแดงและมองชิงเฟิงอย่างดุร้าย เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และหยุดคิดเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพราะถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะขี้เกียจก็ตามแต่เขาก็มีวินัยในแบบของเขา ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากเกินไปเพราะชิงเฟิงจะเข้าใจโดยธรรมชาติ
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็หยิบกล้องส่องทางไกลมองกลางคืนและมองดูบ้านพักอาศัยที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีกำแพงกั้นจึงทำให้เห็นเพียงแค่บางมุมเท่านั้นและจำนวนเฉพาะเจาะจงของอีกฝ่านก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
“ฉันส่งคนไปซุ่มดูใกล้ๆแล้วพวกนั้นมีประมาณสิบห้าคนและพวกเขาไม่ได้มีอาวุธหนักถึงขนาดนั้นมีเพียงปืนไรเฟิลจู่โจมและปืนพกเท่านั้น” นากาจิมะชินนะพูด “พวกผู้ก่อการร้ายทั้งหมดอยู่ในบ้านหลังนั้น..ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาคุยกันถึงแผนการที่จะออกจากประเทศญี่ปุ่นในคืนนี้และฉันเดาว่าพวกเขากำลังรอเรืออยู่ตอนนี้..ซึ่งทันทีที่เรือมาถึงฉันคาดว่าพวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยเพราะเขาพอใจมากกับสิ่งที่นากาจิมะชินนะทำเพราะเธอมีความเป็นผู้นำอย่างมากและเย่เชียนก็เชื่อว่าถึงแม้จะไม่มีชิงเฟิงคอยบัญชาการหน่วยกรงเล็บหมาป่าอยู่ก็ตามถึงยังไงหน่วยนี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน “ฉันมีแค่คำสั่งเดียวคือเราต้องจับเป็นพวกเขา..แต่ถ้ามันจำเป็นจริงๆก็ฆ่าพวกมันซะ!” ไปมอบคำสั่งให้คนในหน่วยได้เลย
“รับทราบค่ะบอส!” นากาจิมชินนะพยักหน้าและพูดอย่างหนักแน่น
“ผมเองก็อยากมีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย” ดีห์ราห์พูด
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่ดีห์ราห์แล้วพูดว่า “นายสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ได้..แต่นายต้องทำตามคำสั่งของคุณนากาซาวะชินนะ..นี่เป็นกฎเหล็กของเรา”
“ได้ครับไม่มีปัญหา” ดีห์ราห์พูด
“นายยิงปืนเป็นมั้ย?” เย่เชียนถาม
ดีห์ราห์ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่..มันไม่สำคัญหรอกถึงแม้ว่าผมจะไม่มีปืนแต่ผมก็ยังสามารถจัดการกับพวกมันได้”
เย่เชียนก็พยักหน้าจากนั้นมองไปที่นากาจิมะชินนะ ซึ่งเธอก็เข้าใจความหมายในสายตาของเย่เชียนได้และมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการสั่งให้เธอคอยดูแลดีห์ราห์และต้องไม่ปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตรายเพราะท้ายที่สุดนี่คือการดวลระหว่างปืนกับปืนและการสู้รบแบบไม่มีอาวุธนั้นก็เสียเปรียบอย่างมาก
หลังจากที่ได้เป็นหัวหน้าหน่วยกรงเล็บหมาป่ามานานจึงทำให้ความสามารถในการบังคับบัญชาของนากาจิมะชินนะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งความสามารถในการบังคับบัญชาของเธอนั้นค่อนข้างครอบคลุมและเป็นระเบียบอย่างมาก ซึ่งภายในระยะเวลาไม่นานเธอก็สามารถประสานงานและมอบคำสั่งการโจมตีและรูปแบบของการรบได้อย่างสมบูรณ์แบบ เย่เชียนนั้นไม่ได้เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใดเพราะเขาตั้งใจที่จะดูความสามารถในการสั่งการของนากาจิมะชินนะ
ท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนก็เป็นถึงผู้นำสูงสุดเพราะงั้นบางสิ่งบางอย่างเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องออกมาข้างหน้าเพื่อทำสิ่งต่างๆ นอกจากนี้นี่ยังเป็นโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เฉิดฉายและพัฒนาความสามารถอีกด้วย หากปราศจากประสบการณ์ในการปฏิบัติจริงแล้วคนเราจะเติบโตได้อย่างแท้จริงได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นจะไม่มีวันเผชิญหน้ากับลมแดดและพายุฝนได้เลย
เมื่อคำสั่งของนากาจิมะชินนะถูกกระจายไปในหน่วยจนสมบูรณ์แบบแล้วจู่ๆดีห์ราห์ก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนเย่เชียนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นและความโกรธก็ปะทุขึ้นแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะโกรธเพราะถึงยังไงดีห์ราห์ก็ตัดสินใจทำไปแล้วดังนั้นเขาทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่นากาจิมะชินนะและเธอก็พยักหน้าแล้วรีบสั่งให้สมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่าที่เหลือเคลื่อนไหวในทันที เย่เชียนก็ไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่หันกลับมานั่งบนพื้นและหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดไฟจากนั้นก็เริ่มสูบ ชิงเฟิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “บอส..อย่าสูบบุหรี่สิมันทำให้ผมหายใจไม่ออก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ขว้างบุหรี่ทิ้งแล้วพูดว่า “นายอย่าพูดไปเลย..ปกตินายก็สูบหรือว่านายไม่กล้าสูบต่อหน้านากาจิมะชินนะ?..นี่นายเป็นลูกหรือเป็นสามีกันเนี่ย”
“สามีที่ดีก็ต้องเคารพภรรยาสิบอส!” ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เราอยากมีลูกผู้หญิงเพราะงั้นผมก็ต้องทำตัวให้ดีๆเพื่อที่อนาคตผมจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเธอ”
เย่เชียนก็ส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า “นายเนี่ยนะจะเป็นแบบอย่างให้กับลูก?..ฉันว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอก”
ชิงเฟิงก็เบะปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “บอส!..ว่าแต่ดีห์ราห์เป็นคนอินเดียไม่ใช่เหรอ..ดูเหมือนทัศนคติระหว่างคนสองประเทศจะไม่ค่อยดีนัก”
“นั่นเป็นเรื่องระหว่างประเทศเพราะเราจะไม่สนใจมัน..ยิ่งไปกว่านั้นเราไม่สามารถตัดสินใครได้ด้วยภายนอก..ดูพี่น้องหน่วยกรงเล็บหมาป่าของเราสิถึงเธอจะเป็นชาวญี่ปุ่นแต่จิตวิญญาณของพวกเธอก็เป็นชาวจีนแล้ว” เย่เชียนพูด “เราไม่ใช่นักการเมือง เพราะงั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องระหว่างประเทศ..เพราะฉันเองก็ไม่ค่อยพอใจกับเหล่าผู้นำและรัฐบาลจีนมากนัก..อีกอย่างตราบใดที่ดีห์ราห์มีประโยชน์กับเราและสามารถช่วยเราสร้างความรุ่งโรจน์ได้ล่ะก็ไม่ว่าเขาจะมาจากไหนมันก็ไม่สำคัญ..นายไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”
ชิงเฟิงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลอย่างมากดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรใดๆต่อ หลังจากนั้นไม่นานเสียงปืนก็ดังมาจากบ้านร้าง เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนกับชิงเฟิงก็มองดูสิ่งต่างๆอย่างเคร่งครัด
หน่วยกรงเล็บหมาป่านั้นมีข้อได้เปรียบแน่นอนในเรื่องของจำนวนคนและมากกว่าเท่าตัว นอกจากนี้ปฏิบัติการครั้งนี้มันก็เป็นการลอบโจมตีและยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกทั้งหมดของหน่วยกรงเล็บหมาป่าก็เป็นถึงอดีตสมาชิกองค์กรนักฆ่าดาร์คลิลลี่ดังนั้นพวกเธอจึงเก่งมากในด้านของการลอบโจมตีและต่อมาพวกเธอก็ได้รับการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานเป็นทีม ซึ่งด้วยวิธีนี้ประสิทธิภาพในการต่อสู้และการรบของพวกเธอจึงได้รับการปรับปรุงอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ประสิทธิภาพของหน่วยกรงเล็บหมาป่าจึงถูกนำมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่นานนักเสียงปืนก็ค่อยๆจบลงและเย่เชียนก็เชื่อว่าการปะทะได้จบลงแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่ชิงเฟิงและชิงเฟิงก็ใช้กล้องส่องทางไกลตอนกลางคืนส่องไปแล้วเห็นนากาจิมะชินนะส่งสัญญาณ จากนั้นชิงเฟิงก็หันมาพยักหน้าให้เย่เชียนแล้วพูดว่า “บอสครับทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราไปกันเถอะ”
เย่เชียนก็พยักหน้าและลุกขึ้นเดินไปทางบ้านร้างทันทีพร้อมกับชิงเฟิง เมื่อพวกเขามาถึงบ้านร้างพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มนับสิบคนนั่งยองๆอยู่บนพื้นโดยเอามือกุมหัวเอาไว้และมีร่างอันไร้วิญญาณนอนกองอยู่บนพื้นสามร่างและไม่มีบาดแผลบนร่างกายเลยแม้แต่น้อยซึ่งดูเหมือนดีห์ราห์จะเป็นคนทำ
เมื่อสมาชิกหน่วยกรงเล็บหมาป่าจ่อปืนไปที่คนเหล่าทันทีเพราะพวกเธอไม่กล้าที่จะประมาทเลินเล่อใดๆและเมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาแล้วนากาจิมะชินนะก็ทำความเคารพแบบทหารอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆและเมื่อดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างอันไร้วิญญาณที่พื้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วและโกรธเล็กน้อยเพราะดีห์ราห์นั้นทำผิดพลาดและไม่ฟังคำสั่งและยังไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่าคำสั่งทางทหารอย่างมาก
.