ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 742 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 15
ตอนที่ 742 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 15
สัญญาณเตือนภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นเชื่อมต่อโดยตรงกับสำนักงานใหญ่ของกองกำลังป้องกันตนเองที่อยู่ใกล้เคียง เมื่อเสียงเตือนดังมันก็จะส่งสัญญาณเตือนไปยังกองปฏิบัติการทหารรักษาการณ์ที่อยู่ใกล้เคียงในทันที และเมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าแผนจะสำเร็จแต่พวกเขาก็ไม่สามารถถอนตัวไปได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของไป๋ฮวยและสมาชิกขององค์กรเซเว่นคิลจะเก่งสักแค่ไหนแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาวุธและกระสุนจำนวนมากแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะอยู่ยงคงกระพันได้และถ้าพวกเขาพลาดล่ะก็พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความตายเท่านั้น
นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถผิดพลาดได้ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ออกมามันจะร้ายแรงมาก แต่ทว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของไป๋ฮวยนั้นได้รับการฝึกฝนทางทหารมาอย่างเป็นระบบและเป็นมืออาชีพดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่พวกเขาก็ได้ทำการวิเคราะห์สิ่งต่างๆเกี่ยวกับระบบภายในของระบบการรักษาความปลอดภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และแน่นอนว่าพวกเขาก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน
หมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นนำผู้ใต้บังคับบัญชามาที่ประเทศญี่ปุ่นเพียงแค่ทีมเล็กๆและมีเพียงประมาณห้าสิบคนเท่านั้นแต่ก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับภารกิจและปฏิบัติการในประเทศญี่ปุ่น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้การดำเนินการอย่างรวดเร็วและเป็นทีมดังนั้นบางกลุ่มจึงแยกย้ายกันไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และบางกลุ่มก็ไปกำจัดคนของกองกำลังป้องกันตนเองที่ดูแลห้องควบคุมหลักอยู่
ปฏิบัติการในครั้งนี้ทั้งหลินเฟิงและไป๋ฮวยเองก็ประหม่าเช่นกันเพียงแต่ว่าคุณสมบัติความแข็งแกร่งทางด้านจิตของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจึงทำให้คนอื่นๆมองไม่เห็นความผิดปกติและความประหม่าใดๆที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ที่ด้านหน้าของห้องรักษาความปลอดภัยก็เกิดการปะทะกันโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของไป๋ฮวยจำนวน 20 คน ได้บุกเข้าไปและควบคุมสถานการณ์โดยรวมอย่างรวดเร็วและกำจัดสมาชิกของกองกำลังป้องกันตนเองทั้งหมดที่ประจำการอยู่ภายใน ซึ่งการต่อสู้เกิดขึ้นนั้นแปลกประหลาดมากเพราะไม่มีเสียงปืน ซึ่งนั่นเป็นเพราะไม่เพียงแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาของไป๋ฮวยมีประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะบุคลากรของกองกำลังป้องกันตนเองนั้นค่อนข้างละเลยในการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพบุคลากรของทั้งสองฝ่ายก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การต่อสู้ก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นและแทบไม่มีการใช้กระสุนเลยและบุคลากรทั้งหมดของกองกำลังป้องกันตนเองที่ประจำการอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็กำจัดได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นสัญญาณเตือนภัยก็ไม่ส่งเสียงใดๆซึ่งทำให้หลินเฟิงกับไป๋ฮวยนั้น โล่งใจอย่างมาก หลังจากกำจัดบุคลากรของกองกำลังป้องกันตนได้เองแล้วส่วนที่เหลือก็ไม่ยากอีกต่อไปตราบใดที่ปราศจากอุปสรรคของกองกำลังป้องกันตนเองแล้วเจ้าหน้าที่และบุคลากรของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ย่อมไม่มีประสิทธิภาพในการรบ นั่นเป็นเหตุทำให้พวกเขาทั้งหมดถูดมัดติดอยู่กับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่และวิศวกรเห็นคนแปลกหน้าที่จู่ๆก็บุกเข้ามาและฆ่าบุคลากรของกองกำลังป้องกันตนเองต่อหน้าต่อตาพวกเขาก็ตกใจอย่างมาก “พวกแกเป็นใคร?” วิศวกรคนหนึ่งในวัยสี่สิบต้นๆตะโกนอย่างเสียงดัง
ไป๋ฮวยก็หัวเราะอย่างเย็นชาและไม่สนใจวิศวกรคนนั้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถึงแม้ว่าการต่อสู้จะจบลงแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะปลอดภัยดังนั้นไป๋ฮวยจึงไม่คิดที่จะเสียเวลาใดๆไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะผลที่ตามมามันจะเกินจินตนาการอย่างมาก “จับทุกคนมัดติดกับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ซะ..เนื่องจากพวกมันกล้าที่จะสร้างพลังงานนิวเคลียร์เพราะงั้นพวกมันก็ควรรับผลที่ตามมาได้..ให้พวกมันได้สัมผัสกับรังสีนิวเคลียร์จริงๆสักที” ไป๋ฮวยพูดอย่างโหดเหี้ยม
หลินเฟิงก็โบกมือให้คนของเขาเพื่อมัดมือและเท้าของเหล่าวิศวกรทั้งหมดเข้าด้วยกันและหลังจากนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของไป๋ฮวยก็ติดตั้งระเบิดเวลาที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เมื่อเห็นเช่นนั้นเหล่าพนักงานและวิศวกรของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็สั่นสะท้านด้วยความตกใจและบางคนก็ถึงกับปัสสาวะราดกางเกง ซึ่งพวกเขารู้ดีว่าผลที่ตามมานั้นคืออะไรและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายเพราะแรงระเบิดแต่ทว่ารังสีนิวเคลียร์ที่รั่วไหลออกมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตายอย่างทรมานได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็พร้อมที่จะถูกฆ่าด้วยระเบิดเพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานจากรังสี
หลังจากนั้นไม่นานไป๋ฮวยกับหลินเฟิงและผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดก็อพยพออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไปพร้อมๆกันและพวกเขาก็ขับรถตรงไปยังท่าเรือใกล้เคียงโดยไม่หยุดพักเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเรือนั้นถูกจัดเตรียมเอาไว้ก่อนแล้วและคืนนี้พวกเขาก็ต้องถอนกำลังออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันที
สิบนาทีต่อมาการระเบิดครั้งใหญ่ก็ดังขึ้นและสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าและควันรูปเห็ดก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกัน การระเบิดแบบเดียวกันก็เกิดขึ้นในส่วนอื่นๆของประเทศญี่ปุ่นและผู้คนต่างก็ตื่นตระหนกไปกับเสียงระเบิดจนตื่นจากการนอนหลับโดยคิดว่ามีแผ่นดินไหว แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลญี่ปุ่นต่างก็ประหลาดใจมากกว่าใครๆเพราะหลายคนตื่นขึ้นหลังจากหลบไปได้ไม่นานเพราะพวกเขาทุกคนถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์และพวกเขาก็ถูกถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่จนพวกเขาหลายๆคนโทรประสานงานกันและบางคนก็สับสนถึงขนาดคิดว่ามีขีปนาวุธที่โจมตีมาจากประเทศอื่นพวกเขาจึงโทรประสานงานกันอย่างวุ่นวาย
ปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือทางด้านของหวังหูเพราะเขาได้รับผิดชอบวางระเบิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แถบริมชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่นและทำให้แผ่นดินสะเทือนจนทำให้น้ำเลชายฝั่งเกิดคลื่นขนาดใหญ่และทำให้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำจนเป็นคลื่นสึนามิขนาดใหญ่กวาดล้างเมืองชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่นราบเป็นหน้ากลอง
เมื่อหวังหูอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันเช่นนี้นั้นเขาจึงได้พัฒนาความสามารถและการตัดสินใจในเชิงบริหารของตัวเองอย่างแข็งขัน ประกอบกับความจริงที่ว่าเขานั้นมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายในการทำสิ่งต่างๆและเขาก็เกิดมาเพื่อเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการใต้ดินโดยเฉพาะ ซึ่งการทำการใหญ่เช่นนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเลยและยิ่งไปกว่านั้นลูกน้องของเขาแต่ละคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีเพราะพวกเขาทุกคนเคยอยู่ในกองไฟและถนนสายนี้มานานดังนั้นพวกเขาจึงจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ดีอย่างมาก
เหตุการณ์ที่ตามมาเป็นไปตามที่เย่เชียนคาดการณ์เอาไว้เพราะสมาคมมังกรดำและกองทัพแห่งชาติญี่ปุ่นต่างก็ให้ความสนใจและมุ่งเป้ามาที่เรื่องนี้จนไม่มีเวลามาสนใจองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ากับกองกำลังต่างฝ่ายเลย ซึ่งการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวนมากและการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีนิวเคลียร์ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างมากจนพรรคการเมืองใหญ่ๆต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศญี่ปุ่นและพยายามบรรเทาความตื่นตระหนกตกใจของมวลหมู่ประชาชนในประเทศญี่ปุ่นควบคู่ไปกับการวางมาตรการป้องกันไม่ให้กัมมันตภาพรังสีนิวเคลียร์รั่วไหลไปยังที่ต่างๆมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ถึงกระนั้นผลกระทบของเหตุการณ์นี้ก็ยังร้ายแรงมากเพราะปริมาณการสูญเสียโดยตรงและทางอ้อมก็เป็นจำนวนมากและสิ่งที่ตามมาคือความสนใจของประชาคมระหว่างประเทศในเรื่องนี้เพราะแม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาผู้ซึ่งมองว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นชาติสายพันธุ์สุนัขและเป็นเบี้ยล่างมาโดยตลอดก็ประณามประเทศญี่ปุ่นอย่างรุนแรง
มหันตภัยนิวเคลียร์เหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือมนุษย์แต่ก็ไม่พบผู้กระทำหรือตัวต้นเรื่องเลย ดังนั้นแน่นอนว่าความผิดเหล่านี้ล้วนถูกรัฐบาลและเบื้องบนของประเทศญี่ปุ่นเบี่ยงเบนและบิดเบือนไปจากเดิม ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นออกมาแถลงการณ์อย่างทางการว่าเหตุการณ์นี้เป็นการก่อความไม่สงบจากต่างประเทศและคาดว่าน่าจะเป็นประเทศทางทวีปอเมริกา
ถึงแม้ว่าประชาคมระหว่างประเทศจะไม่พึงพอใจอย่างมากเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และโทษว่ามันเกิดจากปัญหาอุปกรณ์และคุณภาพเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ผิดปกติของประเทศญี่ปุ่นก็ตามแต่พวกเขาก็ยังส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศญี่ปุ่นในฐานะเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศจีนเองก็ไม่เคยคิดที่จะพลาดในเรื่องนี้เช่นกันและไม่ว่าประเทศญี่ปุ่นจะปฏิบัติกับประเทศจีนอย่างไรก็ตามแต่รัฐบาลจีนก็ยังอดทนและยืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่อยู่เสมอและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและน้ำใจของเพื่อนร่วมโลกอยู่ดี
สำหรับเย่เชียนนั้นเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้เพราะแผนการทั้งหมดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและผลลัพธ์ที่เขาต้องการก็ยังบรรลุผลสำเร็จอีกด้วย ซึ่งเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถจัดการหลายสิ่งหลายอย่างระหว่างประเทศเช่นนั้นได้ดังนั้นเย่เชียนจึงปล่อยให้เหล่านักการเมืองของสองประเทศต่อสู้กันเอง ซึ่งสิ่งต่อไปขึ้นอยู่กับการแสดงละครของซ่งหลันเพราะนี่เป็นโอกาสครั้งเดียวและขึ้นอยู่กับว่าซ่งหลันจะคว้าโอกาสนี้มาเพื่อพัฒนาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในประเทศญี่ปุ่นอย่างไร
เย่เชียนก็ยังคงมีความกังวลอยู่ในใจอย่างไรก็ตามในตอนนี้ปัญหาการรั่วไหลของกัมมันตรังสีนิวเคลียร์ของประเทศญี่ปุ่นนั้นก็รุนแรงอย่างมากจนเขากลัวว่าซ่งหลันจะได้รับผลกระทบไปด้วย แต่เนื่องจากซ่งหลันได้ยืนกรานเรื่องนี้แล้วเย่เชียนจึงพูดอะไรมากไม่ได้เพราะความดื้อรั้นของซ่งหลันก็เหมือนกับเขาและความตั้งใจของเธอนั้นก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก
สิ่งที่ทำให้เย่เชียนรู้สึกหดหู่ใจก็คือเขาไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นฟังได้อย่างไรเพราะครั้งนี้เหมือนพวกเขาก่ออาชญากรรมโดยไม่มีเหตุผลใดๆ ซึ่งเมื่อดูจากผลงานของพวกเขามันจะส่งผลกระทบต่อประเทศๆหนึ่งและประชาชนคนบริสุทธิ์อย่างมาก อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเย่เชียนก็ได้รับสายโทรศัพท์จากใครบางคนซึ่งเขาคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงที่เคยถ่ายรูปคู่กับเย่เชียนภายใต้เทพีเสรีภาพในประเทศสหรัฐอเมริกาและเขาก็ต้องตกตะลึงเล็กน้อยแล้วเขาก็หัวเราะโดยบอกเป็นนัยๆว่าเย่เชียนนั้นทำได้ดีกว่าเขาอย่างมากและเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เย่เชียนก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นมากนักเพราะถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเกินกว่าเหตุและเกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์จำนวนมากก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั้นผิดเพราะถ้าไม่ใช่เพราะการยั่วยุซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งของรัฐบาลญี่ปุ่นล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่ทำเช่นนี้เป็นแน่ ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดที่จะโทษตัวเองและพูดได้อย่างเต็มปากว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของรัฐบาลญี่ปุ่นเอง
ความตื่นตระหนกที่เกิดจากเหตุการณ์นี้ต่อประชาชนชาวญี่ปุ่นนั้นร้ายแรงมากและเกรงว่าภายใน 1 ปี สถานการณ์ภายในประเทศญี่ปุ่นก็ยังไม่สามารถกลับมามีเสถียรภาพได้เพราะหลังจากรักษาเสถียรภาพได้แล้วพวกเขาก็จะต้องเผชิญกับปัญหาการก่อสร้างทางเศรษฐกิจและการฟื้นฟูประเทศและอื่นๆอีกมากมายและกลัวว่าประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีเวลามากพอที่จะทำสิ่งเหล่านั้นเลย
ด้วยวิธีนี้ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เกิดความล่าช้าในการเข้ามาแทรกแซงและพัฒนาขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในประเทศญี่ปุ่นก็ตามแต่มันก็ยังทำให้เย่เชียนและเย่เชียนรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ดังนั้นหากแผนของซ่งหลันประสบความสำเร็จแล้วการเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็จะราบรื่นยิ่งขึ้นในอนาคตและจะได้รับความช่วยเหลืออย่างไม่สิ้นสุดในการพัฒนาองค์กร
นอกจากนี้เหตุการณ์นี้ทำให้กองกำลังหลักๆทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในอันตรายและไม่มีเวลาสนใจสิ่งต่างๆเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นมันจึงไม่ได้ส่งผลเสียมากนักต่อแผนการก่อนหน้านี้ของเย่เชียน
หลังจากที่บุคลากรทั้งหมดถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นแล้วเรือดำน้ำของกองทัพเรือไอร่อนบลัดก็ได้ส่งพวกเขาโดยตรงไปยังเขตน่านน้ำของประเทศจีน จากนั้นเรือขนส่งสินค้าของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ได้กระจายส่งพวกเขาไปยังส่วนต่างๆของประเทศจีน ที่ท่าเทียบเรือในเมืองเซี่ยงไฮ้หลังจากที่เห็นหลินเฟิงกำลังลงมาจากเรือขนส่งสินค้าแล้วเย่เชียนก็รีบทักทายเขากอดเขาจากนั้นก็พูดว่า “พี่หลิน..คราวนี้ผมรบกวนพี่หลายเรื่องเลย”
“พวกเราทั้งหมดเป็นพี่น้องกันเพราะงั้นนายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแบบนี้หรอก” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็หันไปมองและไม่พบร่างของไป๋ฮวยจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะผงะเล็กน้อยและถามด้วยความประหลาดใจว่า “พี่ไป๋ฮวยอยู่ที่ไหน?..ทำไมเขาไม่กลับมาพร้อมพี่หลินล่ะ?”
“ไป๋ฮวยขอลงกลางทางน่ะ..ฉันเองก็ไม่ได้ถามเขาว่าเขากำลังจะไปไหนแต่ฉันเดาว่าเขาต้องมีธุระที่ต้องทำอย่างแน่นอน” หลินเฟิงตอบ
เย่เชียนก็พยักหน้าและรู้สึกสับสนในใจแต่เขาก็รู้ดีถึงนิสัยของไป๋ฮวยดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ไปพักผ่อนเถอะพี่..เดี๋ยวผมจะพาพี่ไปหาหลินฟานในอีกสองสามวันหลังจากนี้” เย่เชียนพูด
.