ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 763 การประลองของตระกูลเย่ ตอนที่ 3
ตอนที่ 763 การประลองของตระกูลเย่ ตอนที่ 3
ถึงแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของเย่เชียนจะสืบทอดมาจากหลินจินไท่ก็ตามแต่เขาก็ผสมผสานมันเข้ากับสไตล์การต่อสู้ของเขาเองและหลังจากผ่านการต่อสู้จริงมานับไม่ถ้วนก็อาจกล่าวได้ว่าทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนนั้นคือสิ่งที่สามารถฆ่าศัตรูได้จริงๆ เมื่อต้องรับมือกับศัตรูสิ่งที่คุณต้องใช้นั้นก็คือความเรียบง่ายและตรงไปตรงมาและไม่จำเป็นต้องสวยหรูแต่อย่างใดและต้องได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทักษะของเย่หานหลินนั้นดีแต่ก็นำไปใช้ในการต่อสู้จริงได้ไม่มากนักและไม่เหมาะกับการแข่งขันเลย เมื่อเห็นการแสดงของเย่หานหลินแล้วเย่เชียนก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าเย่หานหลินจะไม่ฟังคำพูดของเขาเลย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ผลลัพธ์สุดท้ายของเย่หานหลินก็คงมีแต่ความล้มเหลวเท่านั้น ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าเย่หานหลินนั้นมีความสามารถความอดทนในการรับผลที่ตามมาจากความล้มเหลวหรือไม่ ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้และต้องบอกว่าถ้าหากเย่หานหลินไม่มีคุณสมบัติที่จะอดทนต่อความล้มเหลวมันก็ไม่คุ้มเลยที่จะไปช่วยเหลือเขา ดังนั้นถ้าหากว่าเย่หานหลินพ่ายแพ้มันก็เป็นเพียงแค่ชะตากรรมเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทักษะของเย่หานหลินนั้นยังคงทำให้เย่เจียอู๋ประหลาดใจเพราะมันไม่ง่ายเลยสำหรับตระกูลสาขาที่จะมีทักษะแบบนี้และที่สำคัญกว่านั้นตระกูลสาขาได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ระดับต่ำเท่านั้นแต่ทว่าเย่หานหลินกลับสามารถเผชิญหน้ากับเย่หานรุ่ยได้และยังไล่ต้อนอย่างต่อเนื่องและได้เปรียบอีกด้วย นี่ไม่ใช่แค่การฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเท่านั้นอาจกล่าวได้ว่าเย่หานหลินนั้นเป็นอัจฉริยะแห่งศิลปะการต่อสู้ก็เป็นได้
เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่เชียนแล้วเย่เจียอู๋ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาผิดจริงๆงั้นหรือ? เขาไม่ควรแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างตระกูลหลักกับตระกูลสาขาให้ชัดเจนอย่างนั้นเหรอ? ผู้คนต่างก็บอกว่าพวกเขาเป็นคนแรกในตระกูลเย่ที่บุกเบิกและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆให้กับตระกูลให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ไม่ใช่หรือ? แบบนี้เขายังควรที่จะยึดติดกับนิสัยและทัศนคติเก่าๆที่ไม่ดีของตระกูลอยู่หรือไม่? หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเย่เจียอู๋ก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็วและไม่กล้าคิดอะไรอีกต่อไป จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและคิดในใจว่าทำไมเขาต้องคิดมากเรื่องนี้ด้วย? ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ใช่ผู้นำตระกูลเย่อีกต่อไปดังนั้นเขาก็ควรจะปล่อยให้ลูกๆหลานๆของตระกูลเย่ตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้จะดีกว่า
แต่ทว่าสถานการณ์บนเวทีการประลองพลิกกลับอย่างรวดเร็วเพราะเย่หานรุ่ยสามารถรับการโจมตีของเย่หานหลินได้ในทันทีและได้เปรียบอย่างต่อเนื่องเพราะทักษะการต่อสู้ของเย่หานรุ่นนั้นก็ถือได้ว่าโดดเด่น อันที่จริงแล้วในตอนแรกเขาสามารถเลือกที่จะโจมตีก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบแต่เขาจงใจเลือกที่จะทำเช่นนี้เพราะจุดประสงค์คือเพื่อดึงดูดความสนใจของเย่เจียอู๋และทำให้เย่เจียอู๋ต้องตกตะลึงไปกับความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งในตอนนี้สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วดังนั้นเย่หานรุ่ยจึงไม่จำเป็นที่จะต้องผ่อนแรงอีกต่อไป
เย่หานรุ่ยนั้นแข็งแกร่งและการโจมตีก็รวดเร็วและรุนแรงรวมไปถึงการเคลื่อนไหวของเขาก็ฉุนเฉียวและคาดเดายากจนเย่เจียอู๋ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและพึมพำกับตัวเอง “เอ็งไปเรียนมวยโป่วเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” เย่เจิ้งหรานผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามปรมาจารย์อันดับหนึ่งของตระกูลเย่ผู้ที่เคยใช้มวยชุดนี้ ด้วยมวยชุดนี้ทำให้ศัตรูพ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วนแต่ทว่าเย่เจียอู๋ก็คิดว่าด้วยการตายของเย่เจิ้งหรานนั้นทักษะมวยชุดนี้คงจะสูญหายไปด้วยแต่เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าเย่หานรุ่ยจะฝึกมันเช่นนี้
“ท่านปู่ครับนี่มันมวยอะไรครับเนี่ย” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของเย่เจียอู๋
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เจียอู๋ก็หันไปเหลือบมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “มวยชุดนี้ถูกเรียกกันว่าหมัดโป่วเทียน..พ่อของเอ็งเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมา..ย้อนกลับไปในสมัยก่อนพ่อของเอ็งเอาชนะนักสู้นับไม่ถ้วนด้วยมวยชุดนี้และสถาปนาตัวเองในสนามประลอง..เดิมทีมวยชุดนี้ควรจะถูกส่งต่อให้ลูกหลานแต่น่าเสียดายที่พ่อของเอ็งจากโลกนี้เร็วเกินไป..แต่ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่าหานรุ่ยจะฝึกทักษะมวยชุดนี้..เมื่อมีโอกาสฉันจะให้หานรุ่ยส่งต่อมวยชุดนี้ให้เอ็ง”
เย่เชียนก็ยิ้มจางๆแล้วพูดว่า “ไม่..ผมคิดว่าผมคงไม่เหมาะที่จะเรียนรู้ทักษะนี้”
เย่เจียอู๋ก็ผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “ทำไมเอ็งถึงไม่เหมาะกับทักษะนี้?”
“ก็ในเมื่อพ่อของผมส่งต่อศิลปะการต่อสู้ชุดนี้ให้กับหานรุ่ยแต่ไม่ได้ส่งต่อให้ผมนั่นก็หมายความว่าเขาไม่ต้องการให้ผมเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ชุดนี้..นอกจากนี้ถึงแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ชุดนี้จะมีอานุภาพสูงแต่มันก็มีข้อบกพร่องมากมาย..มันมีเพียงปรมาจารย์ที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถประยุกต์ใช้มวยชุดนี้ได้..หากฝึกฝนไม่เพียงพอมันก็จะแสดงได้เพียงรูปแบบแต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง..เพราะงั้นด้วยทักษะและความสามารถของผมจึงไม่เหมาะสมที่จะเรียนมวยชุดนี้..ด้วยเหตุนี้อย่าเรียนรู้มันจะดีกว่าเพื่อไม่ให้มวยของพ่อต้องเสื่อมเสีย” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆเขานั้นพูดความจริงไม่ใช่เย่อหยิ่งแต่อย่างใดเพราะมวยโป่วเทียนชุดนี้มีช่องโหว่ขนาดใหญ่และถ้าหากฝึกฝนไม่ดีพอล่ะก็มันจะไม่มีทางปกปิดช่องโหว่เหล่านี้และไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของมวยชุดนี้ได้เลย
ยกตัวอย่างเช่นเย่หานรุ่ยนั้นเขาไม่มีทางใช้พลังและความสามารถที่แท้จริงของมวยชุดนี้ได้เลยเพราะฉะนั้นถ้าหากการฝึกฝนของเขามากพอล่ะก็เกรงว่าเย่หานหลินคงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว ซึ่งถ้าหากสามารถดึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของมวยชุดนี้ออกมาได้เย่หานหลินจะต้านทานได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้มวยชุดนี้ก็ไม่เหมาะกับเย่เชียนมากนักเพราะเย่เชียนถนัดการใช้วิธีการโจมตีที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาแต่มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดเสมอ ดังนั้นถึงแม้ว่ามวยโป่วเทียนชุดนี้จะทรงพลังแต่การเคลื่อนไหวของมันก็ค่อนข้างแยบยลเช่นกัน
คำพูดของเย่เชียนนั้นทำให้เย่เจียอู๋ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะมีวิสัยทัศน์และทัศนคติที่เฉียบขาดเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนยังสามารถเห็นข้อบกพร่องในมวยชุดนี้อีกและมันก็เหมือนกับที่เย่เชียนพูดจริงๆ อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเป็นที่คาดไม่ถึงอย่างมากที่การฝึกฝนและการขัดเกลาของเย่เชียนจะทำให้เห็นผลดังกล่าว อย่างไรก็ตามนี่แสดงให้เห็นว่าเย่เชียนนั้นเป็นอัจฉริยะและเป็นไปได้มากว่าในอนาคตเขาจะก้าวกระโดดอย่างมาก
เย่หานรุ่ยนั้นเป็นคนหยิ่งผยองโดยธรรมชาติดังนั้นเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันมีช่องโหว่ขนาดใหญ่ในทักษะการต่อสู้และมวยของเขา ซึ่งเขาแค่คิดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าว่านี่เป็นทักษะมวยขั้นสุดยอดที่เย่เจิ้งหรานคิดค้นขึ้นมาในสมัยก่อนและเคยเอาชนะปรมาจารย์นับไม่ถ้วนได้ ดังนั้นการใช้มันเพื่อจัดการคู่ต่อสู้ธรรมดาๆมันคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะท้ายที่สุดแล้วเย่หานรุ่ยนั้นก็ไร้เดียงสาเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กเขาสนใจเกี่ยวกับมวยชุดนี้มากดังนั้นเย่เจิ้งหรานจึงสอนมวยชุดนี้ให้เขาโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยส่งเสริมให้เขานำตระกูลเย่ไปสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น ถ้าหากเย่เจิ้งหรานรู้ว่าเย่หานรุ่ยจะกลายเป็นคนแบบนี้เหมือนในตอนนี้ล่ะก็เขาคงไม่คิดที่จะสอนให้เย่หานรุ่ยอย่างแน่นอน
บรรดาแขกบนอัฒจันทร์เห็นเย่หานรุ่ยใช้มวยโป่วเทียนที่ถูกสร้างขึ้นโดยเย่เจิ้งหรานเช่นนี้พวกเขาก็เริ่มสนใจในทันทีโดยจ้องมองไปที่การแข่งขันบนเวทีโดยไม่ละสายตา ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปในตอนนั้นเย่เจิ้งหรานสามารถเอาชนะปรมาจารย์นับไม่ถ้วนด้วยทักษะของมวยชุดนี้และแน่นอนว่าพวกเขาต้องการเห็นทักษะและรายละเอียดของมวยชุดนี้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปนานพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยมากมายภายในใจและบางคนก็ไม่เข้าใจว่ามวยที่บกพร่องเช่นนี้มันจะทรงพลังเหมือนในอดีตได้อย่างไรและทำไมปรมาจารย์และยอดฝีมือจำนวนมากถึงได้พ่ายแพ้ต่อมวยชุดนี้…
ถึงแม้ว่ามวยชุดนี้จะเต็มไปด้วยข้อบกพร่องแต่ถ้าหากผู้ใช้ที่มีระดับการฝึกฝนที่สูงกว่าเย่หานรุ่ยล่ะก็มวยชุดนี้จะไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ทว่าเย่หานหลินนั้นก็ยังคงรู้สึกกดดันอย่างมากเพราะเย่หานรุ่ยนั้นโจมตีเชิงรุกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าถ้าหากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้เกรงว่าเย่หานหลินจะทนได้ไม่นาน? เย่หานหลินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าและกระวนกระวายเล็กน้อยจนเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะในใจของเขาบ่งบอกเขาว่า ‘แกห้ามล้มเหลว..แกไม่มีทางล้มเหลวได้!’
อย่างไรก็ตามในการเผชิญกับการรุกที่รุนแรงของเย่หานรุ่ยนั้นถึงแม้ว่าเย่หานหลินจะเตือนตัวเองแบบนี้ต่อไปมันก็ยังไม่มีทางที่จะพลิกสถานการณ์ได้ เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เชียนบนอัฒจันทร์ที่มองมาที่เย่หานหลินก็ส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากเย่เจิ้งหรานใช้มวยนี้มันคงจะยากมากที่จะทำลายแต่มันก็ง่ายกว่ามากหากเป็นเย่หานรุ่ย ซึ่งในตอนนี้เย่เชียนไม่มีทางเตือนเย่หานหลินได้เลยดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเย่หานหลินเอง
เมื่อเห็นเย่เชียนจ้องมองไปที่บนเวทีการประลองอย่างตั้งใจแล้วสีหน้าของเย่เจียอู๋ที่ดูเคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลงทันที ซึ่งเขานั้นไม่รู้ว่าเย่เชียนกำลังคิดอะไรอยู่โดยเฉพาะเมื่อเย่เชียนพยายามสังเกตคู่ต่อสู้ของอย่างจริงจัง เพราะไม่ว่าใครจะชนะเย่เจียอู๋ก็เชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้วคนๆนั้นจะต้องแข่งขันกับเย่เชียนและเย่เจียอู๋ก็เชื่ออย่างยิ่งว่าเย่เชียนจะสามารถเข้าสู่รอบชนะเลิศหรือแม้แต่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างแน่นอน
ทันใดนั้นในหัวของเย่หานหลินก็วูบวาบขึ้นและเขาก็จำสิ่งที่เย่เชียนพูดกับเขาก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งเขาได้ลองสู้กับเย่เชียนในระยะเวลาสั้นๆและได้เห็นวิธีการโจมตีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังของเย่เชียนและเขาก็จำได้ว่าทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนนั้นเน้นไปที่การเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ใช่การเคลื่อนไหวและท่วงท่าที่งดงามแต่อย่างใด ทันใดนั้นเย่หานหลินก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกตีด้วยไม้และร่างกายของเขาก็มีพลังขึ้นมาทันที เมื่อเห็นการโจมตีด้วยหมัดของเย่หานรุ่ยแล้วเย่หานหลินก็เปลี่ยนการเคลื่อนไหวของเขาและจู่ๆเขาก็พุ่งออกไปข้างหน้าและใช้ไหล่ของเขากระแทกเข้ากับร่างกายของเย่หานรุ่ยและใช้หมัดของเขาโจมตีเข้าไปที่ลำตัวของเย่หานรุ่ยจนเกิดเสียง “ปัง” เย่หานรุ่ยก็กระเด็นออกไปในทันทีราวกับว่าวที่แตกหักและล้มลงกับพื้นอย่างแรง
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มและเขาก็ไม่คิดว่าเย่หานหลินจะเรียนรู้และจดจำการเคลื่อนไหวของตนได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมีเพียงรูปแบบเท่านั้นแต่ไม่ใช่ทักษะที่แท้จริงและนี่คือสิ่งที่เย่เชียนประยุกต์ใช้จากมวยปาจี๋หลังจากการทดสอบด้วยการต่อสู้จริงมานับไม่ถ้วน ดังนั้นเย่หานหลินจุงไม่สามารถเข้าใจสาระสำคัญของมันได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเย่หานรุ่ยก็ไม่สามารถป้องกันการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ได้บวกกับความเย่อหยิ่งและความมั่นใจของเขาที่ไม่ได้มองหานหลินเป็นคู่ต่อสู้ในสายตาของเขาดังนั้นเขาจึงล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทันใดนั้นฉากนี้ก็ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อเลย แน่นอนว่าเย่เจียอู๋เองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเพราะหลานชายของตระกูลเย่ผู้สง่าผ่าเผยถูกสมาชิกจากตระกูลสาขาโจมตีอย่างแยบยล เขาเพียงรู้สึกว่าสิ่งนี้น่าอับอายและอดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘เป็นไปได้ไหมที่ลูกหลานของตระกูลสาขาจะเอาชนะตระกูลหลักได้’
เย่เจียอู๋รู้สึกงุนงงอย่างมากเขาจึงหันไปมองเย่เชียนข้างๆและพบว่าเย่เชียนนั้นกำลังยิ้มอยู่อย่างมั่นใจมากราวกับว่าฉากนี้เป็นไปอย่างที่เย่เชียนคาดการณ์เอาไว้ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เจียอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะสับสนเล็กน้อยและถามว่า “เสี่ยวเชียนเอ็งได้พูดอะไรกับเขาบ้างหรือเปล่า?”
.
.
.
.