ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 77 งานราตรี (2)
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต่าง ๆ แล้ว เหว่ยเฉินหลงก็กลับไปยังงานราตรี เขายังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นฉินหยูนั่งเงียบ ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง เขาก็รีบเดินเข้าไปหาเธอ
เมื่อเหว่ยเฉินหลงไปถึงด้านข้างของฉินหยู เขาก็มองเย่เชียนด้วยสายตาเดือดดาล จากนั้นก็ถามว่า “ฉินหยู… ทำไมคุณไม่ไปเต้นรำล่ะ ?”
เย่เชียนไม่ได้ใส่ใจเหว่ยเฉินหลงเลย เขาแค่นั่งจิบไวน์แดงแก้วหนึ่งในมือของเขาช้า ๆ อย่างสบายใจ และเม้มริมฝีปากลิ้มรสไวน์เป็นครั้งคราว
“ฉันไม่อยากเต้น” ฉินหยูตอบอย่างเย็นชา
“นายน้อยเหว่ยต้องการขอเจ๊หยูเต้นรำเหรอ ? ฮิ ๆ ๆ ฉันขอให้โชคดีละกัน” จ้าวหยาพูด เธอฉีกยิ้มร้ายกาจใส่ชายตรงหน้า
ฉินหยูรีบหันไปส่งสายตาดุร้ายใส่จ้าวหยาและพยายามจะบอกใบ้เป็นนัย ๆ ให้เธอเลิกพูดอะไรเหลวไหล แต่อย่างไรก็ตาม จ้าวหยาก็เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เหว่ยเฉินหลงนั้นรู้ว่าจ้าวหยาเป็นใคร ไม่ใช่แค่เพียงผิวเผินเหมือนกับคนในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ แต่เขายังรู้ด้วยว่าเธอเป็นน้องสาวคนสนิทของฉินหยู และถ้าหากเขาตั้งใจที่จะเดินหน้าจีบฉินหยูแล้ว การได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากจ้าวหยาอีกทางมันก็คงจะดีไม่น้อย
เหว่ยเฉินหลงยิ้มให้เธออย่างเสแสร้งและพูดว่า “ดูเหมือนว่า… เธอคงจะช่วยให้คำแนะนำฉันได้นะจ้าวหยา”
จ้าวหยาไม่ได้เป็นคนใจดีหรือใจกว้างมากขนาดนั้น ใจจริงเธอไม่ได้อยากที่จะช่วยเหลือเหว่ยเฉินหลงเพื่อจีบฉินหยูเลยสักนิด เธอแค่ต้องการหลอกใช้เหว่ยเฉินหลงเพื่อเอาคืนเย่เชียนเท่านั้น เธอเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเป็นตุเป็นตะ
“ถ้าอย่างงั้น… คุณตั้งใจฟังฉันให้ดีก็แล้วกัน เจ๊หยูน่ะไม่เพียงแต่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งในเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ แต่เจ๊ยังเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถไม่เป็นสองรองใคร เจ๊หยูมีทักษะศิลปะทั้งสี่ด้านและเพียบพร้อมในทุกด้าน ทั้งการเล่นเปียโน หมากรุก อักษรศาสตร์และภาษาศาสตร์… ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการที่จะขอให้เธอเต้นรำกับคุณล่ะก็ คุณก็ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองว่ามีค่าคู่ควรหรือไม่ โอ้…! นั่นไง! เปียโนที่อยู่ตรงนั้นน่ะ ทำไมคุณไม่ลองแข่งกับไอ้… เอ้ย! ผู้ชายคนนี้ดูล่ะ ? ใครที่เล่นได้ดีกว่าก็จะได้รับเกียรติเป็นคู่เต้นรำกับเจ๊หยู ฮิ ๆ ๆ”
รอยยิ้มซุกซนและชั่วร้ายผสมอยู่บนใบหน้าของจ้าวหยา เธอมองเย่เชียนไปด้วยในขณะที่เธอพูดคำพูดเหล่านี้ ดูแล้วเธอคงจะมั่นใจมากว่าเย่เชียนจอมขี้โกงและฉวยโอกาสคนนี้จะไม่สามารถเล่นเปียโนได้
แน่นอนว่าหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่จ้าวหยาพูดแล้ว เย่เชียนก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาได้แต่ตอบกลับไปว่า “นี่เธอน่ะ… เธอคิดว่าสารรูปอย่างฉันจะเล่นเปียโนได้หรือไง ?”
ถึงแม้ว่าเหว่ยเฉินหลงจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับเปียโนเท่าไหร่นัก แต่เขาก็สามารถเล่นเพลงที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้ และยิ่งตอนที่เขาอยู่ในระหว่างการศึกษา เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเปียโน ดังนั้นเขาจึงมั่นใจเป็นอย่างมาก และเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนเมื่อครู่นี้อีก เหว่ยเฉินหลงก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
เขาพูดอย่างเหยียดหยามว่า “อะไรนะ ? นายกลัวเหรอ ? ถ้านายกลัวก็ยอมรับความพ่ายแพ้ไปเถอะ… จะได้ไม่ต้องมานั่งแข่งกันให้เสียเวลา”
เย่เชียนแอบคาดหวังอยู่ในใจให้ฉินหยูเข้ามาหาเขาและหยุดเขา แต่เธอกลับไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำเดียว เย่เชียนคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่สิ่งที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ ต่อให้เหว่ยเฉินหลงจะชนะการแข่งขันในครั้งนี้ เธอก็จะไม่เต้นรำกับเหว่ยเฉินหลงอยู่ดี แต่ถ้าเป็นตัวของเขาเองล่ะ ? เย่เชียนไม่รู้ว่าฉินหยูนั้นรู้สึกอย่างไรกับเขาบ้าง
“ฮิ ๆ ๆ ฉันว่ามีคนอยากหดหัวเข้ากระดองซะล่ะมั้ง…” จ้าวหยากำลังเติมเชื้อไฟเข้าไปในกองไฟ
“อย่ามายั่วยุฉันหน่า… มันไม่มีประโยชน์หรอก ฉันไม่สนใจว่าใครจะชนะหรือแพ้หรือจะแข่งอะไรกันก็ตาม… ฉันจะไม่ร่วมด้วยเพราะถึงยังไงหยูหยู่ก็จะเต้นรำกับฉันอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องให้ฉันทำอะไรเพื่อพิสูจน์ ใช่มั้ยหยูหยู่ ?” หลังจากที่เย่เชียนพูด เขาก็รีบยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ หูของฉินหยูและกระซิบว่า “ช่วยผมที… ผมไม่อยากอับอายขายหน้า”
ฉินหยูยิ้มแหย ๆ และพูดว่า “วันนี้ฉันไม่ค่อยรู้สึกอยากเต้นรำเท่าไหร่… ฉันไม่สนใจว่าใครจะชนะหรือใครจะแพ้ ฉันจะไม่เต้นรำกับใครทั้งนั้นแหละ!”
มาถึงจุดนี้สำหรับเหว่ยเฉินหลงมันไม่ใช่เรื่องของการเต้นรำแล้ว เพราะนี่เป็นโอกาสที่เขาจะสามารถทำให้เย่เชียนอับอายขายหน้าได้ และแน่นอนว่าเขาไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไปแน่
“ทำไมล่ะเย่เชียน ? นายไม่ได้อยากทำตัวหยาบคายและน่าอับอายต่อหน้าฉินหยูใช่มั้ย ?” เหว่ยเฉินหลงถามเหยียดหยาม
“เอาล่ะ ๆ… ในเมื่อจ้าวหยาเป็นคนคิดไอเดียนี้ขึ้นมาก็ใช้เธอเป็นเดิมพันซะ! ใครก็ตามที่ชนะ จะได้จูบหวาน ๆ กับจ้าวหยาเป็นไง ?” การแก้แค้นของฉินหยูไม่ธรรมดาเลย จู่ ๆ เธอก็สามารถเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นจ้าวหยาได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของฉินหยู จ้าวหยาตื่นตระหนกทันที ให้ตายเถอะ! เธอจะเสียจูบแรกของเธอแบบไม่เป็นทางการได้อย่างไร ? เธอจะทำอย่างไรถ้าหากเย่เชียนชนะ ? เธอจะต้องเสียจูบแรกให้จอมขี้โกงคนนี้จริง ๆ หรือ ? ถึงแม้ว่าเธอจะรำคาญเย่เชียนก็ตาม แต่เมื่อเทียบกันกับเหว่ยเฉินหลงแล้ว เย่เชียนก็ยังถือว่าดีกว่าเยอะ ถ้าเธอต้องเลือกใครสักคน เธอก็คงจะเลือกเย่เชียน แต่ถ้าเธอต้องทำมันจริง ๆ แล้วล่ะก็ เธอจะต้องถูกล้อเลียนไปตลอดชีวิตแน่ ๆ
“ไม่… ไม่… เจ๊จะยัดเยียดให้ฉันโดยไม่สมัครใจแบบนี้ได้ไง ? ฉันไม่เอาด้วยหรอก” จ้าวหยาพูดอย่างกระวนกระวาย
เย่เชียนยิ้มจาง ๆ แล้วพูดว่า “สาวน้อย… เธอกลัวเหรอ ? ฉันก็ไม่ได้อยากที่จะจูบกับเธอนักหรอกนะ ในเมื่อเราทั้งคู่ไม่ต้องการฉันคิดว่าให้ทุกอย่างมันจบลงแค่นี้เถอะ”
เมื่อจ้าวหยาเห็นว่าเย่เชียนแสดงท่าทีเหมือนเขากำลังได้ใจและเหนือกว่าเธอ เธอก็ทนไม่ได้จึงกัดฟันและพูดว่า “ไม่! ฉันต้องการเดิมพัน นายเองก็ต้องเดิมพันด้วย ถ้าใครที่ไม่กล้า คนนั้นคือลูกหมา!”
“อย่าเลย… เธอจะทรมานใจเปล่า ๆ ดูเธอสิ เธอเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์ ถ้าเธอทำเรื่องนี้เธอจะมีหน้าไปสู้คนอื่นได้ยังไง” เย่เชียนพูดอย่างเป็นห่วง
เมื่อจ้าวหยาได้ยินเย่เชียนพูดออกมาเช่นนี้ เธอก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเย่เชียนคงกลัวเธอ และเธอเองก็คิดว่าอะไรก็ตามที่เธอสามารถทำให้เย่เชียนอับอายขายหน้าได้ เธอก็จะทำมัน แต่ถ้าเหว่ยเฉินหลงชนะ เธอก็ค่อยหาข้ออ้างเพื่อหนีจากการโดนจูบทีหลัง ไหน ๆ เหว่ยเฉินหลงก็ชอบฉินหยู ดังนั้นเขาคงจะไม่จูบเธอต่อหน้าฉินหยูหรอก
“อะไรนะ ? นายกลัวเหรอ ? ตราบใดที่นายยอมรับว่านายเป็นลูกหมา ฉันก็จะลืมมันไปซะ แล้วเราก็จบกันตรงนี้” จ้าวหยาพูดอย่างพอใจในตัวเอง
“มันคือการเดิมพันนะ อย่าร้องไห้ล่ะหากเธอแพ้ในภายหลัง” เย่เชียนพูดอย่างหมดหนทาง
“นายน่ะสิที่จะต้องร้อง” จ้าวหยาพูดหยอกล้อ
“นายน้อยเหว่ย คุณอย่าทำให้เจ๊หยูผิดหวังล่ะ!”
“จ้าวหยา… เธอมั่นใจได้เลย! ถึงฉันจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเปียโนก็เถอะ แต่เมื่อเทียบกับเขา ฉันก็เอาชนะเขาได้สบาย ๆ” เหว่ยเฉินหลงตอบอย่างอิ่มเอมใจและเย้ยหยัน
ตลอดสถานการณ์ทั้งหมด หูวเค่อเพียงเฝ้าดูพวกเขาทั้งหมดด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ ครั้งแรกที่เธอเห็นเย่เชียน เขาทำให้เธออยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเขามาก และเธอก็อยากจะเข้าใจว่าเสน่ห์ที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันแน่ถึงทำให้คนอย่างฉินหยูปฏิบัติกับเขาอย่างดีแบบนี้
เธอจำได้ว่าเมื่อจ้าวหยากลับมาที่บ้าน เธอก็เคยได้ยินจ้าวหยาพูดถึงชื่อของเย่เชียนอยู่บ่อยครั้ง เธอรู้สึกประหลาดใจมากที่รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้นของจ้าวหยา แต่ทำไมเขาถึงอยู่กับฉินหยูล่ะ ? ดังนั้นตั้งแต่เริ่มงานทั้งการจัดแสดงทั้งการประมูล เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร เพียงแต่คอยสังเกตเย่เชียนอย่างถี่ถ้วนเท่านั้น โดยหวังว่าจะพบช่องโหว่ในการกระทำของเย่เชียน
“ใครจะไปก่อน ?” เหว่ยเฉินหลงถาม
“เดี๋ยวผมเริ่มก่อนเอง” เย่เชียนวางแก้วไวน์แดงลงแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น เขาไม่คิดว่าจะต้องเสียเปรียบกับการไปก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาก แต่เขาก็มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่มากมายและเขาเองก็คิดหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเหว่ยเฉินหลงเอาไว้แล้ว