ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 772 หน่วยลับ
ตอนที่ 772 หน่วยลับ
แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในเขตของบ้านตระกูลเย่นั้นไม่ได้ปิดบังจากสายตาของเย่เจียอู๋เลยและแม้แต่เย่เจิ้งเซียงเองก็ไม่รู้ว่ายังมีหน่วยลับอยู่ภายใต้คำสั่งของพ่อของเขา นับตั้งแต่เย่เจิ้งหรานเสียชีวิตไปเย่เจียอู๋ก็ก่อตั้งหน่วยลับที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและดำรงอยู่เป็นกองกำลังลึกลับที่ปกป้องตระกูลเย่เว้นแต่ว่าตระกูลเย่ตกอยู่ในอันตรายอันร้ายแรงล่ะก็พลังนี้ก็จะไม่มีวันเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน
ในเวลาปกติกองกำลังนี้จะแฝงตัวอยู่ในความมืดและช่วยรายงานสิ่งต่างๆและความเคลื่อนไหวของตระกูลทีละเล็กทีละน้อยให้กับเย่เจียอู๋ทั้งหมดอย่างละเอียด เย่เจียอู๋นั้นเป็นที่รู้จักในฐานะคนแรกของตระกูลเย่ที่บุกเบิกและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆและถึงแม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตที่ดูเหมือนจะสันโดษแต่แท้ที่จริงแล้วเขามักจะใส่ใจกับลูกหลานของตระกูลเย่เสมอและสังเกตความสามารถของพวกเขา เนื่องจากรากฐานของตระกูลเย่สืบทอดกันมาเป็นเวลาหลายพันปีมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายดังนั้นเขาจะไม่มีวันมอบตระกูลอย่างสุรุ่ยสุร่ายให้ใครง่ายๆอย่างแน่นอน
เมื่อเย่เชียนและเย่หานรุ่ยปะทะกันฉากนี้ก็ถูกมองเห็นได้อย่างชัดเจนโดยกองกำลังที่ซ่อนอยู่ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่เคยออกมาเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆของตระกูลเย่เลย กล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าเย่เชียนกับเย่หานรุ่ยจะต่อสู้กันก็ตามถึงยังไงพวกเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ดี
ต้วนห่าวผู้นำของกองกำลังลึกลับนี้เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีที่สุดที่ติดตามเย่เจิ้งหรานในตอนนั้นและแท้ที่จริงแล้วหน่วยลับนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเย่เจิ้งหรานโดยมีจุดประสงค์คือเพื่อสร้างดาบคมอันลึกลับที่เป็นของตระกูลเย่เมื่อตระกูลเย่ตกอยู่ในอันตรายดาบนี้ก็จะสามารถเจาะทะลุหัวใจของศัตรูได้โดยไม่รู้ตัวในทันที
ในกองทัพนั้นกองกำลังดังกล่าวมักจะถูกเรียกว่าหน่วยสอดแนมและพวกเขาก็มีหน้าที่หลักในการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวกรองและการเด็ดหัวบุคลสำคัญ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เจิ้งหรานเสียชีวิตเร็วเกินไปเขาจึงไม่มีทางที่จะสร้างหน่วยลับนี้ด้วยความสามารถอย่างเต็มที่ของเขาดังนั้นเย่เจียอู๋จึงรับผิดชอบมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อต้วนห่าวเห็นเย่เชียนจากมุมมืดสีหน้าของเขาก็ดูประหลาดใจอย่างมากเพราะเมื่อเย่เชียนมาเยือนที่งบ้านของตระกูลเย่เขาก็รู้จากผู้ใต้บังคับบัญชาว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหมือนกับเย่เจิ้งหรานในสมัยก่อนและดูเหมือนจะเป็นลูกชายของเย่เจิ้งหราน ซึ่งสิ่งนี้ได้กระตุ้นความสนใจของต้วนห่าวอย่างมากเพราะเขาเป็นคนที่ติดตามเย่เจิ้งหรานมานานและอาจกล่าวได้ว่าเย่เจิ้งหรานนั้นเป็นผู้มีพระคุณของเขา ดังนั้นถึงแม้ว่าเย่เจิ้งหรานจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแต่เขาก็ยังเต็มใจรับใช้ตระกูลเย่โดยไม่เสียใจหรือกังวลใดๆ ด้วยเหตุนี้ต้วนห่าวจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าลูกชายของเย่เจิ้งหรานปรากฏตัวออกมาและเขาแทบรอไม่ไหวที่จะมาดูด้วยตาของตัวเองและผลที่ได้ก็ทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมากเพราะทุกๆการเคลื่อนไหวและทุกๆคำพูดและการกระทำของเย่เชียนเหมือนกับเย่เจิ้งหรานในสมัยก่อนแต่ดูน่าเกรงขามและเด็ดขาดมากกว่าเย่เจิ้งหรานซึ่งทำให้ต้วนห่าวประทับใจเพราะเมื่อย้อนกลับไปในสมัยนั้นถ้าหากเย่เจิ้งหรานมีทัศนคติและบุคลิกแบบเย่เชียนล่ะก็บางทีผลลัพธ์อาจไม่เป็นเช่นนั้นและแน่ใจว่าตำแหน่งผู้นำของตระกูลเย่จะต้องเป็นของเย่เจิ้งหรานอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อต้วนห่าวรายงานกับเย่เจียอู๋ถึงสิ่งที่เขาเห็นในบ้านพักของเย่หานหลินแล้วเย่เจียอู๋ก็ขมวดคิ้วและการแสดงออกของเขาก็ดูมืดมนอย่างมากแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะเขาไม่รู้วิธีจัดการกับมันจริงๆ อย่างไรก็ตามเย่เจียอู๋ก็ไม่รู้ว่าทำไมเย่เชียนถึงได้ปกป้องเย่หานหลินเช่นนี้ซึ่งทำให้เขางงงวยมาก ถึงแม้ว่าเย่เจียอู๋จะถือได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสมบูรณ์แบบเพราะเขาก็มีข้อบกพร่องของตัวเองเช่นกัน ในสมัยก่อนนั้นเย่เจียอู๋ได้รับการฝึกฝนจากตระกูลทันทีที่เขาเกิดมาและเขาก็ได้รับการฝึกฝนให้เป็นปรมาจารย์แห่งตระกูลเย่ในอนาคตและให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่เขาและสอนทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ดีที่สุดแก่เขาเพื่อที่เขาจะได้กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการกับทัศนคติระหว่างตระกูลหลักกับตระกูลสาขาของเย่เชียนอย่างไร
“ท่านผู้อาวุโสเขาเป็นลูกชายของคุณชายรองจริงๆหรือ?” ต้วนห่าวอดไม่ได้ที่จะถามเพราะในหัวใจของเขาเย่เจิ้งหรานเป็นผู้มีพระคุณของเขาและเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาอีกคน ซึ่งเย่เจิ้งหรานเป็นคนที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตของเขาและนับตั้งแต่ลูกของเย่เจิ้งหรานกับถังซูหยานหายตัวไปเขาก็ใช้ความพยายามทั้งหมดในการตามหาแต่ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆเลยแม้แต่น้อยดังนั้นในใจของเขาลึกๆแล้วเขาจึงรู้สึกละอายใจและขอโทษเย่เจิ้งหรานอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ถ้าหากเย่เชียนเป็นลูกชายของเย่เจิ้งหรานจริงๆล่ะก็เขาจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เย่เจียอู๋ส่ายหัวเบาๆแล้วพูดว่า “ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจนักแต่เขากับเจิ้งหรานมีความคล้ายคลึงกันมาก..ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์เท่านั้นแต่บุคลิกภาพก็ยังเหมือนกันอีกด้วย..ยิ่งไปกว่านั้นเขาให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยและสนิทสนมกับฉันมานาน..ฉันเองก็เชื่อว่าเขาเป็นลูกของเจิ้งหราน..แต่ทั้งหมดนี้ยังคงต้องการหลักฐานเพราะตระกูลเย่ของเราไม่สามารถยอมรับทายาทสุ่มสี่สุ่มห้าได้..ฉันบอกให้เจิ้งเฟิงนำดีเอ็นเอไปเปรียบเทียบแล้วและฉันก็เชื่อว่าผลลัพธ์คงจะออกมาในไม่ช้านี้และเมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะชัดเจนว่าเขาเป็นลูกของเจิ้งหรานหรือไม่” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เจียอู๋ก็พูดต่อ “แล้วเอ็งไปตรวจสอบสิ่งที่ฉันขอให้ไปตรวจสอบรึยัง?”
ต้วนห่าวก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เรียบร้อยแล้วครับ..เย่เชียนไม่มีพ่อแม่แต่ถูกชายชราคนหนึ่งรับเลี้ยงเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก..เขาเรียกชายชราคนนั้นว่าพ่อแต่ชายชราคนนั้นเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน..ส่วนเย่เชียนเมื่อเขาอายุได้สิบหกปีเขาก็ออกจากประเทศจีนไปอย่างกะทันหันและเข้าร่วมองค์กรทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างเขี้ยวหมาป่าในไม่กี่ปีต่อมาและได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำองค์กรต่อและนำเขี้ยวหมาป่าไปสู่ความรุ่งโรจน์และทำให้เขี้ยวหมาป่าเป็นราชาแห่งโลกทหารรับจ้าง..เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขากลับมาที่ประเทศจีนและค่อยๆพัฒนาธุรกิจขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าภายในสองปีและก่อตั้งธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศจีนและพิชิตแก๊งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเซี่ยงไฮ้ถึงสองแก๊งอย่างแก๊งชิงและหงเหมินกรุ๊ปได้และรวมพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียว..ยิ่งไปกว่านั้นองค์กรใต้ดินของเมืองเซี่ยงไฮ้..เมืองหนานจิงและมณฑลเจ้อเจียงทั้งหมดและแม้แต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเองก็มีกองกำลังของเขา..ต่อมาเขาได้เป็นพันธมิตรกับตระกูลมาเฟียคูลอฟส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียและเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้ปั่นป่วนประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศจนเกิดความวุ่นวาย..ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเหตุการณ์บนเกาะไต้หวันและเหตุการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อสองสามวันก่อนล้วนแล้วแต่เป็นแผนของเย่เชียนทั้งหมด”
พลังและอำนาจที่เย่เชียนถือครองอยู่นั้นอาจไม่ดึงดูดความสนใจของเย่เจียอู๋แต่ความสามารถของเย่เชียนในการสร้างพลังอันมหาศาลจากคนที่ไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่าเย่เชียนเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นถ้าหากตระกูลเย่ถูกส่งมอบให้กับเย่เชียนล่ะก็แน่นอนว่าตระกูลเย่จะพัฒนาไปอย่างรุ่งโรจน์ในอนาคต ซึ่งการที่ตระกูลเย่จะกลายเป็นตระกูลแห่งศิลปะการต่อสู้ที่ทรงอำนาจและยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลกนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาอีกต่อไป
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เจียอู๋ก็ถามว่า “แล้วเรื่องต่อไปล่ะ”
“ผมได้ตรวจสอบข้อมูลของอันซือแล้วเธออาศัยอยู่กับลูกสาวของเธอเย่เหวินในมณฑลเหอหนานมาหลายปีแล้วแต่เธอป่วยติดเตียงมาโดยตลอดและไม่สามารถดูแลตัวเองได้..ส่วนเย่เหวินลูกสาวของเธอได้ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรมและใช้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบมาโดยตลอด..จากการสืบค้นของผมเหตุผลที่อันซือทำแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะคุณชายใหญ่..นับตั้งแต่คุณชายรองเสียชีวิตไปคุณชายใหญ่ก็สืบทอดตำแหน่งต่อจากผู้อาวุโสและสั่งให้สมาชิกของตระกูลไล่ล่าอันซือจนบังคับให้เธอต้องซ่อนตัวจากโลกภายนอก..ส่วนเหตุผลที่เธอเป็นอัมพาตก็เกิดจากคุณชายใหญ่อีกด้วย” ต้วนห่าวพูดต่อ “เมื่อสองปีที่แล้วเย่เชียนมาถึงเมืองเจิ้งโจวของมณฑลเหอหนานและได้พบกับอันซือโดยบังเอิญจากนั้นเย่เชียนก็ได้ใช้เงินเพื่อรักษาโรคอัมพาตของเธอ..แต่ตามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ตอนนี้เธอสูญเสียศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เจียอู๋ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูเหมือนว่าอันซือจะไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อจะอวยพรวันเกิดให้ฉันสินะ..แต่ต้องการมาเพื่อแก้แค้น?” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เจียอู๋ก็ถามต่อว่า “แล้วมีข้อมูลอะไรอีกบ้าง?”
“จากการสืบค้นอันซือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายอื่นนอกจากคุณชายรองเพราะงั้นเย่เชียนน่าจะกำเนิดมาจากคุณชายรองกับอันซือ..แต่ว่าตลอดเวลาที่ผมเคยอยู่กับคุณชายรองในสมัยก่อนผมรู้แค่ว่าเขากับอันซือมีแค่ลูกสาวและผมก็ไม่รู้เลยว่าพวกเขามีลูกชายด้วย!” ต้วนห่าวพูด “ตอนนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง..หนึ่งก็คือเย่เชียนเป็นลูกชายของอันซือกับคุณชายรองจริงๆแต่ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณชายรองถึงปกปิดมันเอาไว้..ส่วนความเป็นไปได้อย่างที่สองคือเย่เชียนไม่ใช่ลูกของคุณชายรองกับอันซือแต่ที่อันซือจงใจหลอกเขาหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของเย่เชียนเธอจึงหลอกใช้เขาเพื่อมาล้างแค้นตระกูลเย่!”
เย่เจียอู๋ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ต่อให้อันซือกับเย่เชียนจะร่วมมือกันแต่พวกนั้นก็ทำอะไรตระกูลเย่ของเราไม่ได้อยู่ดี”
ต้วนห่าวพูดอย่างหนักแน่น “ผมเองก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน..แต่จากการสังเกตของผมในวันนี้ผมคิดว่าความเป็นไปได้นี้น้อยมากเพราะผมเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านผู้อาวุโสทำในการเปรียบเทียบดีเอ็นเอมันก็เพียงพอที่จะแสดงว่าเขาไม่ได้สมคบคิดกับอันซือแล้ว..ไม่งั้นเขาจะตกลงทำไม?”
เย่เจียอู๋ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “นั่นมันก็จริงและฉันเองก็คิดว่าความเป็นไปได้อย่างที่สองที่เอ็งพูดถึงนั้นน่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะในตอนนั้นเอ็งติดตามเจิ้งหรานและเป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดเพราะงั้นฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเอ็งแม้กระทั่งเรื่องที่เขามีลูกชาย..ด้วยเหตุผลนี้ฉันจึงคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างที่สองที่ว่าอันซือหลอกใช้เย่เชียนเพื่อแก้แค้นตระกูลเย่ของเรา”
“แล้วเราควรทำยังไงดีครับ?” ต้วนห่าวพูด “พูดตามตรงครั้งแรกที่ผมเห็นเย่เชียนผมก็รู้สึกว่าเขาเหมือนคุณชายรองมากและเขากับคุณชายรองก็คล้ายกันทุกประการ..ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือท่าทางท่าทางก็คล้ายคลึงกันมาก”
“ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันเมื่อฉันเห็นแววตาครั้งแรกของเย่เชียนฉันก็รู้สึกว่าเขาเหมือนเจิ้งหรานจริงๆ..ยิ่งไปกว่านั้นในใจของฉันก็มีความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเขาเหมือนกับได้เห็นญาติของตัวเอง..บอกตามตรงตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนเล็กน้อยและฉันก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนนั้นเป็นใครกันแน่..ฉันหวังให้เขาเป็นทายาทของตระกูลเย่จริงๆแต่ด้วยเหตุผลต่างๆฉันต้องคิดให้รอบคอบเพราะฉันไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลเย่ต้องถูกทำลายด้วยมือของฉันได้” เย่เจียอู๋พูด
การแสดงออกของต้วนห่าวก็แน่นิ่งไปและเขาก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆอีกเพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นได้แค่คนนอกและไม่เหมาะที่จะเข้าไปแทรกแซงจริงๆ ซึ่งสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทำตามคำสั่งต่างๆนั่นเอง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเย่เจียอู๋ก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ในบรรดาลูกหลานของตระกูลเย่ไม่มีใครที่โดดเด่นเลยจริงๆ..ฉันคงจะต้องกังวลถ้าหากตระกูลเย่ต้องอยู่ในมือของพวกเขา”
.
.