ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 780 การสนทนาระหว่างแม่กับลูก
ตอนที่ 780 การสนทนาระหว่างแม่กับลูก
ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาอยู่กับเย่เหวินได้ไม่นานแต่เย่เชียนก็สามารถเห็นได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารเพราะเธอรับภาระของครอบครัวตั้งแต่ยังเด็กและสูญเสียความสุขในวัยเยาว์เหมือนเด็กหลายๆคนไปมากมาย แต่เธอนั้นแฝงไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่และความมั่นคง เย่เชียนนั้นก็รู้ดีเช่นกันว่าทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวข้องกับเย่เหวินเลยซึ่งทั้งหมดถูกวางแผนโดยอันซือแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นเย่เหวินก็ตกเป็นเหยื่อในแผนการแก้แค้นของอันซือที่มีต่อตระกูลเย่เมื่อ 20 ปีที่แล้วเช่นกัน
ไม่ว่ายังไงเย่เหวินก็เป็นน้องสาวของเขาและเย่เชียนก็รู้สึกว่าพวกเธอที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นหากพวกเธออยู่ในตระกูลเย่ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำพูดของเย่เจียอู๋มันก็เทียบเท่ากับราชโองการและไม่มีใครในตระกูลเย่จะกล้าแตะต้องพวกเธอในอนาคต
สำหรับตัวเย่เชียนนั้นเขาไม่เคยคิดที่จะอยู่กับตระกูลเย่เลยและไม่เคยคิดเกี่ยวกับการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลเลยแม้แต่น้อยเพราะความทะเยอทะยานของเย่เชียนนั้นไม่ใช่การเสาะหาครอบครัวแต่เขาต้องการสร้างองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าให้เป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นองค์กรที่น่าเกรงขามที่แม้กระทั่งรัฐบาลก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า ซึ่งบางทีตระกูลเย่อาจเป็นเพียงก้าวแรกสำหรับเขาแต่มันก็จะไม่เป็นจุดสิ้นสุดของความก้าวหน้าและพัฒนาของเขาอย่างแน่นอน
คนที่มีความทะเยอทะยานเท่านั้นที่จะยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ได้!
“ขอบคุณค่ะท่านผู้อาวุโส!” หลังจากฟังคำพูดของเย่เชียนแล้วเย่เหวินก็เหลือบมองเย่เจียอู๋และพูดอย่างระมัดระวัง
“เด็กโง่..เธอควรเรียกฉันว่าปู่” เย่เจียอู๋พูด ไม่ว่าเย่เจียอู๋จะเกลียดอันซือมากแค่ไหนแต่ถึงยังไงเย่เหวินก็เป็นหลานสาวของเขาจริงๆ ซึ่งนี่จะเป็นทายาทรุ่นต่อๆไปดังนั้นเย่เจียอู๋จึงไม่มีอคติต่อเย่เหวินเพราะท้ายที่สุดเธอก็เป็นทายาทของตระกูลเย่และลูกสาวของเย่เจิ้งหราน นอกจากนี้เนื่องจากเย่เชียนพูดเช่นนั้นแล้วมันก็ต้องเป็นไปตามนั้น
ไม่นานนักรถพยาบาลก็ขับเข้ามาและอันซือกันเย่เชียนก็ได้ขึ้นรถพยาบาลและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเอกชนในเมืองซานย่า ซึ่งตระกูลเย่เป็นตระกูลที่มีสถานะทางสังคมที่สูงในละแวกนี้ ดังนั้นการทำสิ่งต่างๆจึงไม่ธรรมดาและแน่นอนว่าเย่เหวินเองก็ไปพร้อมรถพยาบาลด้วย ส่วนเย่เจียอู๋กับเย่เจิ้งเซียงและคนอื่นๆพวกเขาไม่ได้ติดตามไปและดูเหมือนว่าเย่เจียอู๋ยังมีบางอย่างที่ต้องคุยกับพวกเขา
พฤติกรรมของเย่เจิ้งเซียงในตอนนี้ทำให้เย่เจียอู๋โกรธเกรี้ยวอย่างสมบูรณ์เพราะเย่เจิ้งเซียงอยู่ในฐานะผู้นำตระกูลเย่แต่เขากลับเห็นแก่ตัวและทำตัวแย่มากเกินไปซึ่งทำให้เย่เจียอู๋รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเย่ในตอนนั้นไม่สามารถหาผู้นำที่ดีกว่านี้ได้เย่เจียอู๋ก็จะไม่มีวันให้เย่เจิ้งเซียงเป็นผู้นำตระกูลอย่างแน่นอน
ในฐานะคนเป็นพ่อดังนั้นจึงแน่นอนว่าเย่เจียอู๋รู้จักนิสัยของเย่เจิ้งเซียงเป็นอย่างดี ซึ่งเย่เจียอู๋นั้นเห็นแก่ตัวมากเกินไปและขาดความกล้าหาญอย่างมาก ในความเป็นจริงหากเย่เจิ้งเซียงสามารถนำตระกูลเย่ไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้เย่เจียอู๋ก็จะไม่สนใจเกี่ยวกับความเห็นแก่ตัวของเขาเลย แต่ความสามารถของเย่เจิ้งเซียงนั้นก็ไม่เพียงพอเพราะถึงแม้ว่าเขาจะมีความทะเยอทะยานสูงแต่เขากลับไม่มีความสามารถและความกล้าที่แท้จริงเลย
โดยอาศัยสิทธิพิเศษของตระกูลเย่ในเมืองซานย่านั้นเย่เชียนกับอันซือจึงได้เข้าพักรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษซึ่งมันไม่เหมือนโรงพยาบาลแต่เหมือนบ้านพักตากอากาศเสียมากกว่า
ห้องพักของอันซือนั้นอยู่ถัดจากเย่เชียนโดยมีเย่เหวินคอยเฝ้าดูอาการของเธออยู่ โชคดีที่อาการบาดเจ็บของอันซือนั้นไม่ได้รุนแรงมากนักเพราะหลังจากการตรวจของแพทย์แล้วเธอแค่ต้องใช้เวลาพักรักษาตัวสักระยะสั้นๆเท่านั้น ส่วนอาการบาดเจ็บของเย่เชียนก็เบาลงอย่างมากเพราะพลังปราณในร่างกายของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้ ถึงแม้ว่าเย่เจิ้งเซียงจะโจมตีอย่างรุนแรงและไร้ความเมตตาเช่นนั้นแต่ก็ไม่สามารถต้านทานการฟื้นฟูของเย่เชียนได้ ทั้งหมดนี้เกิดจากผนึกของพระไร้นามจากวัดหลิงหลงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนผนึกเอาไว้ในร่างกายของเย่เชียน
แน่นอนว่าถังซูหยานคอยอยู่เคียงข้างเย่เชียนและคอยจับตาดูเขา ซึ่งเต็มไปด้วยความรักและความปีติยินดีหลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกชายมานานกว่า 20 ปี ถังซูหยานจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูดกับเย่เชียนเป็นพันๆคำแต่ในขณะนี้เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี
เมื่อคืนพวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนานเพราะพวกเขาทั้งสองไม่รู้ตัวตนและสถานะของกันและกันแต่เมื่อทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วเย่เชียนเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ติดอยู่ในลำคอที่เขาอยากจะพูดแต่มันก็พูดออกมาไม่ได้ ซึ่งทำให้เขาประหม่าอย่างมาก
“ลูก!..แม่ขอโทษ!” ถังซูหยานทำลายความเงียบงันโดยการเริ่มพูดออกมา
เย่เชียนก็ตัวสั่นโดยไม่ตั้งใจด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ “ผมโหยหาความรักของครอบครัวเสมอมา..ผมอยากเจอพ่อกับแม่อีกครั้ง..แต่ผมรู้ดีว่าความหวังแบบนั้นมันช่างริบหรี่เพราะความทรงจำของครอบครัวมันจางหายไปและจำอะไรไม่ได้เลย..ผมรู้แค่ว่าผมเป็นเด็กกำพร้าและเมื่อผมเห็นคนอื่นอยู่ในอ้อมแขนของพ่อกับแม่ผมก็รู้สึกอึดอัดเสมอ” เย่เชียนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ผมพยายามไม่คิดแล้วแต่ยิ่งระงับมันเอาไว้เท่าไหร่ความโหยหามันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้นจนกระทั่งต่อมาผมบังเอิญได้พบกับป้าอันซีและเธอก็บอกว่าเธอเป็นแม่ของผมจนผมอดกลั้นความสุขเอาไว้ไม่ได้และคิดว่าในที่สุดผมก็พบครอบครัวของผมแล้ว..ถึงผมจะไม่รู้สึกถึงความห่วงใยของแม่จากป้าอันซือเลยก็ตามแต่ตราบใดที่เธอเป็นครอบครัวของผมจริงๆผมก็จะเต็มใจที่จะรักษาความรักนี้ไว้..อันที่จริงผมมีความเกลียดชังอย่างแรงกล้าต่อพ่อกับแม่ในใจเสมอ..ผมอยากเห็นหน้าพ่อกับแม่แล้วตำหนิพวกเขาแต่ผมก็พยายามนึกภาพมานับครั้งไม่ถ้วนว่าถ้าเมื่อได้เจอพ่อกับแม่แล้วผมควรทำยังไง..ผมรู้สึกประหม่าอย่างมาก”
“แม่ขอโทษ..แม่เป็นแม่ที่ไม่ดีเอาซะเลย..มันเป็นความผิดของแม่เอง” ดวงตาของถังซูหยานก็เริ่มมีน้ำตาไหลรินอย่างไม่หยุดยั้ง
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาของเธอแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้จะว่าแม่..ผมดีใจมากที่ได้พบแม่..เรื่องราวที่ผ่านมามันก็ผ่านไปแล้วเพราะงั้นใครจะถูกหรือใครจะผิดมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป..สิ่งสำคัญคือเราจะอยู่ด้วยกันได้ในอนาคต.. หลายปีมานี้ผมไม่เคยมีแม่และผมก็ไม่รู้ว่าจะทำดีกับแม่ยังไง..หากผมทำอะไรผิดในอนาคตแม่ต้องคอยเตือนผมด้วยนะ”
ถังซูหยานก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้สิ..แม่ไม่เคยทำตัวในฐานะแม่มาก่อน..จากวันนี้เป็นต้นไปแม่จะเติมเต็มความรับผิดชอบในฐานะแม่และจะรักลูกดูแลลูกตลอดไป..ตราบใดที่แม่อยู่ที่นี่จะไม่มีใครทำร้ายลูกได้..เว้นแต่จะข้ามศพแม่ไปก่อน”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ” เย่เชียนพูดต่อ “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้น”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะถังซูหยานก็พูดว่า “เสี่ยวเชียนช่วยเล่าให้แม่ฟังทีว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาลูกต้องพบเจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง..ลูกคงจะทุกข์ทรมานมากใช่มั้ย?”
“มันทุกข์ทรมานมากแต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดีแล้ว” เย่เชียนพูด “เมื่อตอนที่ผมยังเด็กผมขอทานข้างถนนเพื่อประทังชีวิตผมได้กินข้าวแค่มื้อเดียวต่อวัน..บางครั้งผมก็ไปหาตามถังขยะตรงทางเข้าหลังร้านอาหารเพื่อหาอะไรมาบรรเทาความหิวโหยของผม..แต่นั่นล่ะคนในร้านอาหารเหล่านั้นยังสาปแช่งไล่ตะเพิดผมราวกับผมเป็นโรคระบาด..ต่อมาชายชราเก็บขยะคนหนึ่งได้รับเลี้ยงผมและส่งผมไปเล่าเรียน..พวกเราทุกคนเรียกเขาว่าพ่อ..แจ่ก่อนที่ผมจะเรียนจบมัธยมต้นผมขอลาออกและไปช่วยพ่อทำงานเล็กๆน้อยๆเพื่อหารายได้ให้ครอบครัว..ต่อมาผมได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดไปเพราะช่วยน้องชายจนทำให้ผมต้องหนีออกจากบ้าน..หลังจากนั้นโชคชะตาก็ทำให้ผมได้เข้าไปอยู่ในองค์กรทหารรับจ้างและอยู่ที่นั่นมาประมาณแปดปี” เย่เชียนเล่าอย่างช้าๆ เกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะมีพูดอย่างปกติแต่ถังซูหยานก็สามารถรับรู้ความขมขื่นและความเหนื่อยล้าและความทุกข์ทรมานของเย่เชียนได้อย่างชัดเจนจนความทุกข์ทั้งหมดไปตกอยู่กับตัวเธอเอง
“ลูกแม่..ลูกต้องเผชิญกับความทุกข์ถึงขนาดนี้เลยหรอ” ถังซูหยานลูบหัวของเย่เชียนเบาๆแล้วพูดว่า “แล้วชายชราคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า..แม่ต้องขอบคุณเขามากๆ”
“พ่อเขาเสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว” เมื่อพูดถึงชายชราเย่เชียนก็มีน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อยและไม่สามารถยับยั้งได้และมันยังคงซึมอยู่ในเบ้าตาของเขาแต่ก็ไม่ได้ไหลออกมา
ถังซูหยานก็ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คนดีๆอายุไม่ยั่งยืนจริงๆ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเธอก็พูดต่อ “แล้วลูกมีแฟนหรือคนรักมั้ย?..ปีนี้ลูกน่าจะอายุยี่สิบแปดแล้วใช่มั้ย?..ลูกควรจะเป็นพ่อคนได้แล้วถ้าอายุเท่านี้”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเขินอายและเกาหัวของเขาแล้วพูดว่า “พวกเธออยู่เมืองนอกกัน..มีอยู่คนเดียวที่คอยเลี้ยงลูกๆอยู่ที่บ้าน..พวกเธอทั้งหมดงานยุ่งกันมาก”
ถังซูหยานก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและถามด้วยความมึนงงเล็กน้อยว่า “พวกเธอ?..ลูกมีแฟนกี่คนกันเนี่ย?”
เย่เชียนก็คิดในใจแล้วพูดว่า “ห้าคน..”
ถังซูหยานก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปชั่วขณะจากนั้นเธอก็ฟื้นคืนสติกลับมาธอไม่สามารถช่วยได้และส่ายหัวพร้อมกับคิดอย่างลับๆ ว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะเสน่ห์แรงกว่าพ่อของเขาจริงๆ” ในตระกูลนักสู้โบราณเหล่านี้ถังซูหยานก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับการมีภรรยาหลายคนแบบนี้และเธอเองก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ หลังจากหยุดไปชั่วขณะถังซูหยานก็พูดว่า “ถ้ามีเวลาว่างลูกก็พาพวกเธอมาหาแม่ด้วยล่ะ..แม่อยากอุ้มหลานใจจะขาดอยู่แล้ว”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “มันคงไม่ใช่เร็วๆนี้..เพราะครั้งนี้ที่ผมมาที่เมืองซานย่าก็เพียงเพื่อค้นหาประวัติและชีวิตความเป็นมาของผมและตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้ว..ดังนั้นหลังจากที่ผมหายจากอาการบาดเจ็บแล้วผมก็จะกลับเพราะมันยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รอให้ผมไปจัดการอยู่..อีกทั้งยังมีพี่น้องอีกหลายคนที่กำลังรอผมอยู่..ผมจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้”
“ลูกยังจะเป็นผู้นำองค์กรทหารรับจ้างอยู่อย่างงั้นหรอ” ถังชูหยานพูด “มันอันตรายเกินไป..ในที่สุดแม่ก็ได้เจอลูกเพราะงั้นแม่จะไม่ยอมให้ลูกจากไปแบบนั้นอีก..ถ้าลูกเป็นอะไรไปแม่จะไปบอกพ่อที่ตายไปของลูกได้ยังไง”
.
.
.
.
.