ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 788 การรวมตัวของอาจารย์และลูกศิษย์
ตอนที่ 788 การรวมตัวของอาจารย์และลูกศิษย์
นี่ไม่ใช่ตระกูลเย่ดังนั้นถึงแม้ว่าสองพี่น้องเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวจะไม่พอใจหรือไม่สบอารมณ์มากแค่ไหนถึงยังไงพวกเขาก็ต้องระงับอารมณ์ของพวกเขาเอาไวแพราะใครจะไปรู้ว่าคนที่เย่อหยิ่งที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร นอกจากนี้ยังมีคำพูดที่ว่ามันยังไม่สายเกินไปที่จะแก้แค้นแม้นานถึงสิบปี
พวกเขาไม่เคยกลัวเจ้าหน้าที่และไม่เคยกลัวนักการเมืองคนใดมาก่อนแต่ตอนนี้พวกเขาอยู่บนสนามหญ้าสวนหลังบ้านของคนอื่นเพราะฉะนั้นพวกเขาก็ต้องก้มศีรษะ ซึ่งพวกเขาคิดว่าหลังจากออกจากที่นี่แล้วมันก็ไม่ยากเลยที่จะกำจัดผู้พันหนุ่มคนนี้ด้วยอำนาจและอิทธิพลของตระกูลเย่ ดังนั้นสองพี่น้องเย่หานรุ่ยและเย่หานห่าวจึงพยายามระงับความโกรธของพวกเขาเอาไว้
ทางด้านของเย่หานซวนนั้นก็เข้าใจวิธีการนี้อย่างถ่องแท้เพราะท้ายที่สุดเขาก็อยู่ในกองทัพมานานหลายปีแล้วและเขาเข้าใจระบบทางการทหารเหล่านี้มาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทหารระดับบัญชาการจะรังแกทหารเกณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เจียอู๋เองก็ต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือ? ถ้าคนเราไม่ถูกฝึกอย่างดุเดือดแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?
เมื่อมองไปที่เย่เชียนแล้วเย่หานซวนก็ยักไหล่เล็กน้อยและยิ้มจางๆจากนั้นก็เดินออกไปก่อน การลงโทษแบบนี้เป็นเหมือนบททดสอบเด็กเล่นของเย่หานซวนและเขาก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ก็ตามแต่เนื่องจากเขาอยู่ในค่ายทหารแล้วเขาก็ไม่สามารถเสียหน้าได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งและข่มเหงใครตราบใดที่เขาเป็นตัวเขาเองและเย่หานซวนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“ทำไมคุณถึงยังไม่ออกไปอีก..คุณต้องการให้ผมเพิ่มรอบวิ่งอย่างงั้นเหรอ” เมื่อเห็นว่าคนอื่นออกไปแล้วแต่เย่เชียนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นผู้พันหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและพูดเช่นนี้ อย่างไรก็ตามทันทีที่เสียงหายไปผู้พันหนุ่มก็ถึงกับตกตะลึงและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและดูตื่นเต้นอย่างมากในชั่วเวลาหนึ่ง
“พาทั้งสามคนนั้นออกไปก่อน” ผู้พันหนุ่มพูดพร้อมโบกมือให้ทหารทั้งสอง
เย่หานซวนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็เหลือบมองเย่เชียนและขยิบตาให้ เห็นได้ชัดว่าเย่หานซวนพยายามเตือนให้เย่เชียนอย่าไปสร้างปัญหากับอีกฝ่ายและแน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะเขาคิดว่ามันเป็นความแค่เย่อหยิ่งของเย่เชียนที่จงใจทำให้อีกฝ่ายโกรธ แต่สำหรับสองพี่น้องเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวนั้นค่อนข้างพึงพอใจเพราะพวกเขาต้องการให้ผู้พันหนุ่มสอนบทเรียนดีๆให้กับเย่เชียนจนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่า ‘ไอ้เพื่อนยากแกลำบากแล้วล่ะ!’
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆและหลังจากที่เห็นประตูปิดลงผู้พันหนุ่มก็หัวเราะและรีบลุกขึ้นและเดินไปหาเย่เชียนทันทีจากนั้นก็พูดว่า “อาจารย์มาที่นี่ทำไม?..แล้วทำไมไม่บอกผมก่อนล่ะ?..เราไม่เจอหน้ากันนานมาก..อาจารย์ไม่ติดต่อผมมาเลยจนผมคิดว่าอาจารย์ตายไปแล้วซะอีก..นี่อาจารย์ไม่รู้หรอว่าชีวิตของผมคงจะจบลงหากไม่มีอาจารย์น่ะ”
ผู้พันหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวงฟู่เส้าเจี๋ยที่เคยติดตามเย่เชียน ทั้งสองไม่ได้เจอกันนานแต่คำพูดคำจาและปากของเขาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนที่มักจะพูดเรื่องไร้สาระจนเย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “เอาเถอๆ..อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลยเพราะตอนนี้นายได้ดีแล้ว..นายได้เลื่อนขั้นเป็นพันตรีแล้วและตลอดหลายปีมานี้นายคงไม่ได้ทำให้ฉันต้องอับอายใช่มั้ย?”
“ดูอาจารย์พูดสิ..อาจารย์กำลังพูดถึงเรื่องอะไร?..ผมจะไปทำให้อาจารย์อับอายได้ยังไง” หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ทุบหน้าอกของเขาแล้วพูดว่า “ผมเดินตามเส้นทางของอาจารย์อย่างสมบูรณ์แบบและถึงแม้ว่ามันจะแยบยลไปสักหน่อยแต่ผมก็เข้มงวดกับตัวเองมาเสมอ..ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้เลื่อนตำแหน่งนี้หรอก..ถึงแม้ว่าครอบครัวของผมจะมีอำนาจและอิทธิพลในวงการนี้แต่เบื้องบนก็ค่อนข้างเข้มงวดและที่สำคัญถ้าผมไม่มีความสามารถจริงๆผมจะมาอยู่ตรงนี้ได้หรอ”
“ก็ตามนั้น..นายเองยังหนุ่มยังแน่นเพราะงั้นนายต้องสร้างเส้นทางของนายเอง..ครอบครัวของนายทำได้เพียงแค่ทำให้เส้นทางของนายง่ายขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่มันไม่สามารถช่วยให้นายสำเร็จได้ทุกเรื่อง” เย่เชียนพูด “บอกความจริงฉันมาว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานายคงไม่ได้ไปสร้างปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่าว่า “อาจารย์ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เมืองหนานจิงเป็นของพวกเราแล้ว..พอพวกมาเฟียตัวเล็กๆใหญ่ๆทั้งเมืองรู้ว่าผมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แล้วก็ไม่มีใครจะกล้ามายุ่งกับผมอีก..คนส่วนใหญ่มักจะเคารพและให้หน้าผมเมื่อพบหน้าผม..อีกทั้งยังมีเครื่องแบบและยศบนบ่าของผมอีกแบบนี้ใครจะกล้ามายั่วยุผม?”
“แน่นอนฉันรู้ว่าไม่มีใครกล้ามายั่วยุนายแต่ฉันหมายถึงนายไปสร้างปัญหาให้คนอื่นโดยเปล่าประโยชน์บ้างหรือเปล่า?” เย่เชียนพูด
“อาจารย์ผมคิดถึงวันนั้น..จำได้มั้ยวันที่เราไปถล่มผับบาร์ด้วยกันและมันก็น่าเสียดายที่บอสไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วมันน่าเบื่อมากและมันไม่มีความหมายหรือความท้าทายอะไรอีกเลย” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“นายกำลังพูดถึงอะไร?..ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วนั่นหมายความว่าไง?..คนที่ยืนอยู่ตรงนี้มันเป็นผีงั้นเหรอ?” เย่เชียนกลอกตาไปมาและพูด
“อาจารย์ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น..ผมแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อยจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เลยพูดไปเรื่อย” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดอย่างมีความสุข หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็พูดต่อ “อาจารย์ถึงเราจะไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแต่ผมก็พอรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อาจารย์ทำนะ..แต่ละอย่างที่อาจารย์ทำมันสุดยอดจริงๆ..ถ้าไม่ใช่เพราะลุงห้ามผมเอาไว้ล่ะก็ผมคงจะไปหาอาจารย์แล้ว..อยู่ที่นี่ทั้งวันมันน่าเบื่อมากชีวิตผมโหยหาความท้าทายมาโดยตลอด”
“นายไม่รู้หรอกว่าฉันอิจฉาชีวิตแบบนายมากแค่ไหน” เย่เชียนพูด “อย่าทำอะไรบ้าๆเลย..อีกอย่างตอนนี้ฉันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายเพราะงั้นถ้ามีอะไรก็ค่อยเอาไว้คุยกันทีหลัง”
“อาจารย์แบบนี้จะไม่ทำให้ผมอายุสั้นหรอ..ทำไมอาจารย์ต้องลดยศของตัวเองด้วยอาจารย์เป็นถึงจอมพลเพียงแค่นำตราสัญลักษณ์และใบรับรองของอาจารย์ออกมา..ผมเชื่อว่ามันไม่มีใครในเขตทหารหนานจิงกล้าท้าทายอาจารย์หรอก” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด “ว่าแต่อาจารย์มาที่นี่ทำไมและคนพวกนั้นเป็นใคร?”
“พวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง” เย่เชียนพูด
“ลูกพี่ลูกน้อง?” หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “อาจารย์ผมได้ยินมาว่าอาจารย์เป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่หรอแล้วทำไมถึงได้มีลูกพี่ลูกน้องล่ะ?”
“ไอ้บ้านี่..คิดว่าฉันเกิดมาจากก้อนหินงั้นเหรอ..ฉันเกิดมาจากพ่อแม่เพราะงั้นการที่ฉันจะมีลูกพี่ลูกน้องมันแปลกตรงไหน?” เย่เชียนพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ขดปากและถามว่า “หมายความว่าอาจารย์พบครอบครัวที่แท้จริงแล้วงั้นหรอ?..ยินดีด้วยครับอาจารย์..ว่าแต่พบตั้งแต่เมื่อไหร่และหาครอบครัวเจอได้ยังไง?”
“ทำไมนายถึงได้ถามจู้จี้ขนาดนี้?” เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูด
“ผมไมได้จูจี้ผมแค่เป็นห่วง” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“เรื่องนี้มันยาวเอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังในภายหลัง” หวงฟู่เส้าเจี๋ย “ฉันต้องบอกนายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนว่าการมาค่ายทหารครั้งนี้ถูกจัดโดยผู้อาวุโสในตระกูลของฉันแต่ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย…อีกอย่างวิธีการฝึกของนายมันเป็นเพียงบททดสอบเด็กเล่นสำหรับฉันเพราะงั้นอย่ามายุ่งกับฉันและให้อิสระกับฉันอย่างเต็มที่เข้าใจมั้ย?”
“ดูที่อาจารย์พูดสิ..อาจารย์เป็นหัวหน้าของผมและนั่นก็คือพี่ของอาจารย์..นอกจากนี้ตำแหน่งทางการของอาจารย์ก็สูงกว่าผมมากเพราะงั้นผมไม่กล้าไปบังคับอาจารย์หรอก” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด “ยังไงก็เถอะครอบครัวของอาจารย์ดูเหมือนจะทรงอำนาจและอิทธิพลมาก..เพราะเบื้องบนกำชับเอาไว้ให้ฝึกพวกเขาแบบพิเศษ”
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอำนาจเหล่านั้นมันมีมากแค่ไหนแต่ฉันก็คิดว่ามันคงจะไม่ธรรมดาเหมือนกัน..ลุงสามของฉันเขาทำงานในเขตทหารเสิ่นหยางน่ะ” เย่เชียนพูด
“โอ้” หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็พยักหน้าและพูดว่า “ว่าแต่ผมควรทำแบบนั้นกับทั้งสามคนหรือเปล่า”
“ไม่!..ฉันไม่สนใจเรื่องของพวกเขา..นายสามารถทำตามวิธีการที่นายเตรียมเอาไว้ได้เลยเต็มที่..นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน” เย่เชียนพูด “พวกเขาควรฝึกให้หนักเพราะถึงแม้ว่าทักษะของพวกเขาจะดีก็ตามแต่สมรรถภาพทางกายของพวกเขาน่ะแย่มาก”
“รับทราบครับอาจารย์” หวงฟู่เส้าเจี๋ยทุบหน้าอกของเขาอย่างหนักแน่นและพูด “ผมสัญญาว่าจะทำให้พวกเขาเข้าใจคำว่าทหารและรู้สึกถึงการฝึกที่เข้มงวดที่สุดของเขตทหารหนานจิง!”
เย่เชียนนั้นเข้าใจโดยธรรมชาติว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยหมายถึงอะไรเพราะเด็กคนนี้คงเข้าใจผิดว่าเขาหมายถึงอะไร ซึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยคิดว่าเย่เชียนกำลังสั่งให้เขาฝึกคนเหล่านั้นอย่างดุเดือดแต่เย่เชียนก็ขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบาย อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยต้องการจะทำและมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยและนอกจากนี้คนเหล่านั้นก็ควรจะได้ออกกำลังกายเสียบ้าง
“อาจารย์เราไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปีแล้วเพราะงั้นเราควรจะไปดื่มด้วยกันสักหน่อยสิ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่เราดื่มที่นี่ได้งั้นเหรอ?”
“คนอื่นอ่ะทำไม่ได้หรอกแต่นี่มันพวกเรา..อาจารย์เป็นใคร?..เพราะงั้นนี่คืองานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของอาจารย์ถ้ามันไม่มีแอลกอฮอล์มันก็คงจะไม่ใช่!..นอกจากนี้เราไม่ได้จะดื่มกันในค่ายทหารแต่เราจะกลับบ้านไปดื่มกัน..พ่อของผมต้องการพบอาจารย์มานานแล้วแต่อาจารย์ยุ่งเกินไปจนไม่มีโอกาส..ตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาสแล้วเพราะงั้นเราไปกันเถอะ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดต่อ “อาจารย์นั่งรอก่อนนะเดี๋ยวผมจะโทรไปบอกให้พ่อเตรียมตัว”
เมื่อเห็นหวงฟู่เส้าเจี๋ยกระตือรือร้นมากขนาดนี้เย่เชียนก็ไม่อยากที่จะปฏิเสธและยิ่งไปกว่านั้นหวงฟู่ถิงเตี๋ยนพ่อของหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็เป็นน้องชายของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเป็นถึงเสนาธิการของเขตทหารหนานจิงด้วย ดังนั้นเย่เชียนก็ควรจะไปพบเขาเพื่อให้เกียรติไม่งั้นมันคงจะดูไม่สุภาพเล็กน้อย
.
.
.
.