ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 790 คนรักไวน์
ตอนที่ 790 คนรักไวน์
“คุณเป็นอาจารย์ของเส้าเจี๋ยเพราะงั้นคุณกับผมก็มีสถานะไม่ต่างกัน..แต่ผมขอเรียกคุณว่าเสี่ยวเย่ก็แล้วกัน” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูดด้วยรอยยิ้ม ตำแหน่งเสนาธิการกองทัพบกนั้นไม่ได้มาง่ายๆดังนั้นเวลาคนแบบนี้ติดต่อและพบปะกับผู้คนเขาก็มักจะวางตัวอย่างเหมาะสมเสมอ อย่างไรก็ตามรอบๆตัวของหวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ไม่สามารถปิดบังความเป็นทหารได้ ซึ่งเกินคำบรรยายเพราะถึงแม้เขาจะนั่งอยู่บนโซฟาหลังของเขาก็ยังตั้งตรงและไม่พิงเหมือนกับเย่เชียนที่เอนพิงอย่างเกียจคร้าน
เย่เชียนก็ยิ้มและพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรใดๆ
“แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าท่านเสนาธิการหรอกเรียกฉันว่าพี่ใหญ่เถอะ” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูด “ฉันรู้บางอย่างเกี่ยวกับจากเสี่ยวเย่มาจากชิงเตี๋ยนน่ะ..พูดตามตรงฉันไม่รู้อะไรเลยในตอนแรกและกังวลเรื่องเส้าเจี๋ยที่ไปอยู่กับเสี่ยวเย่..แต่ตอนนี้ฉันโล่งใจแล้วเพราะถ้าหากไม่มีเสี่ยวเย่เด็กคนนี้ก็คงจะไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่และเป็นเสาหลักของตระกูลหวงฟู่ของฉันสักที..ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลขึ้นอยู่กับเด็กคนนี้และถ้าเขาไม่สามารถดูแลมันได้ฉันเองก็ไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษบนสวรรค์หรอก”
ในขณะที่พูดหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ได้นำชามาเซิร์ฟและเขาก็ดูสุภาพอย่างมาก เขายื่นถ้วยให้ทั้งสองและนั่งลงข้างๆหวงฟู่ถิงเตี๋ยนอย่างเป็นระเบียบ
“อันที่จริงแล้วทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาเอง..ผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย..ตามคำกล่าวที่ว่าครูบาอาจารย์เป็นเพียงผู้ชี้นำส่วนการปฏิบัติมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล..เพราะงั้นถ้าหากเขาสำเร็จในวันนี้ผลแห่งความสำเร็จมันก็มาจากความพยายามของเขาเองผมไม่สามารถรับความดีความชอบไปหรอก” เย่เชียนพูด
“นั่นคือสิ่งที่คนเขาพูดกันแต่เหตุผลมันไม่เหมือนกัน..ถึงยังไงเสี่ยวเย่ก็คือผู้มีพระคุณของตระกูลหวงฟู่ของฉันอยู่ดี..ตระกูลหวงฟู่น่ะเป็นตระกูลทหารมาหลายชั่วอายุคนและเราก็พูดอย่างตรงไปตรงมาและเข้มงวดเสมอ..หากในอนาคตเสี่ยวเย่ต้องการอะไรก็ขอให้บอก..ถ้ามันอยู่ในขอบเขตความสามารถฉันก็ยินดีเสมอ” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูด
“ผมพูดจริง” เย่เชียน “อันที่จริงผมเองก็ดีใจมากที่เห็นว่าเด็กคนนี้สามารถบรรลุสิ่งที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้ได้..ผมน่ะอยากมาเยี่ยมพี่ใหญ่มาตั้งนานแล้วแต่ผมมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ตลอดก็เลยไม่ว่างผมต้องขอโทษจริงๆ..ตอนที่ผมอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้เส้าเจี๋ยก็ได้โทรไปหาคุณเพื่อขอความช่วยเหลือผมต้องขอบคุณพี่ใหญ่มากจริงๆ”
“พ่อ..อาจารย์..อย่ามัวแต่เสแสร้งด้วยคำพูดเหล่านี้กันเลย..มันเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์..ในเมื่ออาจารย์ช่วยฝึกผมเพราะงั้นผมก็ต้องตอบแทนบุญคุณอาจารย์เป็นเรื่องปกติ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนกับหวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ยิ้มให้กัน
“ว่าแต่เสี่ยวเย่มาที่เมืองหนานจิงครั้งนี้เพราะเรื่องทางการหรือส่วนตัวหรือ?..มีอะไรให้พวกเราช่วยไหม?..ถ้าแบบนั้นก็บอกพวกเรามาได้เลยเราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูด
“ไม่มีอะไรมากแค่ผู้อาวุโสในตระกูลต้องการให้ลูกหลานเข้ามาฝึกทหารผมก็เลยต้องมาที่นี่” เย่เชียนพูด
“หือ?” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจว่า “ฉันเคยได้ยินชิงเตี๋ยนบอกว่าเสี่ยวเย่เป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอแล้วทำไม…” อาจเป็นเพราะเขารู้สึกว่าคำพูดของเขาค่อนข้างเสียมารยาทไปหน่อยดังนั้นหวงฟู่ถิงเตี๋ยนจึงต้องกลืนมันลงไปทันทีและไม่พูดต่อ
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “อันที่จริงผมค้นหาประวัติความเป็นมาและที่อยู่ของพ่อแม่ของผมเจอแล้วและในที่สุดผมก็พบทุกอย่างเมื่อสองสามวันก่อน..แต่เรื่องมันวุ่นวายนิดหน่อยจนผู้อาวุโสสั่งลูกหลานทั้งหมดเข้าร่วมกองทัพเพื่อหาประสบการณ์และพิจารณาว่าใครที่ควรจะได้รับสืบทอดให้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป..แต่ผมไม่อยากทำแบบนั้น”
“หืม..เสี่ยวเย่คือคนกลุ่มนั้นที่มาสมัครทหารที่นี่อย่างงั้นเหรอ?” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่กี่วันที่ผ่านมาชิงเตี๋ยนโทรมาและบอกว่าเพื่อนเก่าต้องการให้ลูกๆหลานๆมาหาประสบการณ์ในค่ายทหารและให้ฉันคอยดูแลจัดการ..ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเลยหนึ่งในนั้นจะเป็นเสี่ยวเย่” หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสเหล่านั้นยังไม่รู้ตัวตนของเสี่ยวเย่ใช่มั้ย?..เพราะด้วยความสามารถของเสี่ยวเย่ในตอนนี้การฝึกทหารมันจะไปมีประโยชน์อะไร..ทหารรับจ้างน่ะมันโหดร้ายกว่าการฝึกในกองทัพมากและสามารถอยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์ทุกสิ่งแวดล้อมเพราะงั้นกองทัพมันก็เป็นเพียงสนามเด็กเล่นสำหรับเสี่ยวเย่”
เย่เชียนก็ยิ้มโดยไม่แสดงความคิดเห็น แน่นอนว่าผู้นำองค์กรทหารรับจ้างผู้สง่าผ่าเผยที่สุดในโลกอย่างองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะต้องการฝึกในกองทัพอย่างงั้นเหรอ? นี่มันเรื่องตลกไม่ใช่หรือ? ระดับการฝึกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นไปตามข้อกำหนดการฝึกอบรมของกองกำลังหน่วยรบพิเศษสะเทินน้ำสะเทินบกทางทะเลและทางบกที่เข้มงวดที่สุดในโลก ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วการฝึกทั่วไปของทหารก็เป็นเพียงตำราสำหรับเด็ก แต่ถึงยังไงเย่เจียอู๋ที่รู้เรื่องนี้เขาก็ยังบอกให้เย่เชียนทำเช่นนี้ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบความสามารถของเย่เชียนแต่เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อฝึกฝนสองพี่น้องอย่างเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าว เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นทายาทของตระกูลเย่และไม่มีเหตุผลอะไรที่เย่เจียอู๋จะละทิ้งพวกเขาเช่นนั้นและโยนพวกเขาลงในกองทัพอย่างเปล่าประโยชน์ ในความคิดของเย่เจียอู๋นั้นปลูกฝังความหวังในฐานะบรรพบุรุษว่าลูกหลานของตระกูลเย่จะต้องรวมตัวกันและทำงานหนักเพื่อส่งเสริมพัฒนาตระกูล ประการที่สองเขาเพียงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อปลูกฝังให้ผูกพันกับตระกูลให้มากขึ้น หลังจากเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายเกี่ยวกับเย่เชียนแล้วเย่เจียอู๋ก็ชัดเจนว่าเย่เชียนเป็นคนประเภทที่มีความรับผิดชอบอย่างมาก ดังนั้นเมื่อใดที่ตระกูลเย่กับเย่เชียนเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์แล้วเย่เชียนจะสามารถแบกรับภาระของตระกูลได้อย่างดีเยี่ยม
เมื่อผ่านไปสักพักหวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็หันไปมองหวงฟู่เส้าเจี๋ยแล้วพูดว่า “ไปดูว่าอาหารหน่อยสิว่าแม่ของแกเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง..เรามาทานอาหารเย็นกันเถอะ”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ตอบและลุกขึ้นจากนั้นก็เดินไปที่ห้องครัว ซึ่งในครอบครัวใหญ่ๆแบบนี้การจ้างพี่เลี้ยงเด็กหรือแม่บ้านก็ทำได้ไม่ยากแต่หวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ไม่ชินกับอาหารที่ปรุงโดยคนอื่นๆและเขาก็มีความรักเป็นพิเศษในมื้ออาหารที่ปรุงโดยภรรยาของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ราชการได้เขาคงจะกลับบ้านไปกินอาหารของภรรยาในทุกๆวันอย่างแน่นอน
แม่ของหวงฟู่เส้าเจี๋ยนั้นก็ดูมีความสุขมากเช่นกันเพราะเธอเกษียณแล้วและเธอก็ทำงานบ้านอยู่ที่บ้านทุกวันและยังเป็นความสุขที่ได้เห็นหวงฟู่ถิงเตี๋ยนรักและชอบอาหารของตัวเองมากๆ โดยธรรมชาติแล้วเธอศึกษาการทำอาหารทุกวันเพื่อทำอาหารหลากหลายประเภทให้เขาและนี่ก็ยังเป็นงานอดิเรกของเธอด้วย
คนมีอายุบางทีก็อยู่เฉยๆไม่ได้จริงๆเพราะถ้าว่างพวกเขาก็จะรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวและต้องการทำอะไรที่จะทำให้ชีวิตสนุกขึ้นเสมอ
อาหารถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว “มาเถอะ..ไปทานอาหารอร่อยๆกัน” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนลุกขึ้นยืนและเชิญชวนเย่เชียนไปที่ห้องครัว
โต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอย่างล้นหลามและมีอย่างน้อยมีสิบสี่หรือสิบห้าจานและมันดูน่าอร่อยมากจนความอยากอาหารของเย่เชียนเริ่มมากขึ้นเมื่อนึกถึงเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวที่ยังคงฝึกอยู่ในค่ายทหารและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกเพราะบางทีทั้งสองอาจจะพลาดอาหารเย็นของวันนี้ไป ทางด้านเย่หานซวนนั้นเย่เชียนไม่ได้กังวลเพราะมันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเย่หานซวนคนนั้นเลย
เย่เชียนก็นั่งลงข้างๆหวงฟู่ถิงเตี๋ยนจากนั้นหวงฟู่เส้าเจี๋ยกับผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาพร้อมกับข้าวและซุปและเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นเย่เชียนก็รีบลุกขึ้นยืน ส่วนหวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็รีบแนะนำว่า “เสี่ยวเย่นี่คือแม่ของเส้าเจี๋ยและเธอเป็นคนทำอาหารในวันนี้” ”
“สวัสดีครับพี่สะใภ้” เย่เชียนไม่รู้จะเรียกเธอว่าอะไรเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเรียกชื่อนั้นแต่นี่ก็เหมาะสมเช่นกันเพราะท้ายที่สุดหวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ขอให้เขาเรียกตัวเองว่าพี่ใหญ่ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เย่เชียนจะเรียกเธอว่าพี่สะใภ้
ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นั่งลงเถอะ..ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไรฉันก็เลยทำมาหลายๆอย่างแต่ไม่รู้ว่ามันจะถูกปากเสี่ยวเย่หรือเปล่า”
“แม่ครับ..แบบนี้มันจะไม่ถูกปากได้ยังไงอาหารของแม่น่ะสามารถเทียบกับอาหารตามโรงแรมห้าดาวได้เลยนะ..ผมพนันได้เลยว่าเชฟระดับแนวหน้าในโรงแรมพวกนั้นก็สู้แม่ไม่ได้” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดขณะกินอย่างตะกละตะกลามโดยไม่รู้สึกละอายเลย
“ลูกก็พูดเกินไป” ผู้หญิงคนนั้นมองหวงฟู่เส้าเจี๋ยด้วยหางตาแต่เธอก็เต็มไปด้วยความสุข ใครจะไม่ชอบการสรรเสริญเยินยอกัน? ในฐานะคนทำอาหารคำชมเกี่ยวกับสิ่งที่ตนทำนั้นคือสิ่งที่คาดหวังและมีความสุขที่สุด
“มาเลยๆไม่ต้องเกรงใจ..มากินกันเถอะ..เส้าเจี๋ยรินไวน์ให้อาจารย์ของแกสิ” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูด
“ใช่ๆ..อาจารย์!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยทำความเคารพและหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเพื่อเติมไวน์ให้เย่เชียนกับหวงฟู่ถิงเตี๋ยน ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะเคยชินกับนิสัยในการเป็นทหารไปมากแล้วก็ตามแต่อย่างที่บอกเขาก็เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้ง่ายเพราะงั้นในเวลาที่ไม่ตึงเครียดเด็กคนนี้ก็ยังขี้เล่นอยู่นิดหน่อย
“เสี่ยวเย่..ขอขอบคุณสำหรับการฝึกฝนเส้าเจี๋ย..ในฐานะพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกเชื่อฟังและมีเหตุผลและประสบความสำเร็จในอาชีพการงานในอนาคตน่ะการที่เส้าเจี๋ยสามารถมีได้ในวันนี้นั่นก็เป็นเพราะเสี่ยวเย่” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูดอย่างจริงใจและทหารก็เป็นคนตรงไปตรงมาไม่เสแสร้ง
“ผมต่างหากที่ควรจะขอบคุณ” เย่เชียนพูดต่อ “ไม่งั้นผมจะหาลูกศิษย์ที่ดีแบบนี้ได้ที่ไหน”
หวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ผงะแล้วเขาก็ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเย่เป็นคนอารมณ์ดีมาก..เอาล่ะๆอย่าปล่อยให้อาหารเย็นเรามาชิมอาหารกันเถอะ!”
หลังจากพูดจบเขาก็ชนแก้วไวน์กับเย่เชียนและดื่มมันในอึกเดียว “ดื่มเพื่อความสนุกอย่าดื่มมากเกินไปเพราะมันจะไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยสายตาที่ห่วงใยต่อหวงฟู่ถิงเตี๋ยนและความรู้สึกนั้นก็อยู่เหนือคำบรรยาย
“โถ่คุณ..ไวน์คืออะไรนั่นคือแก่นแท้ของอาหารและมันก็มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก” หวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูด
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและแอบยิ้มอย่างลับๆเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าหวงฟู่ถิงเตี๋ยนพูดจะเป็นคนที่ชื่นชอบไวน์อย่างมาก
.
.
.
.
.