ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 791 ทัศนคติของเย่เชียน
ตอนที่ 791 ทัศนคติของเย่เชียน
หลังอาหารเย็นหวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ชวนเย่เชียนพูดคุยกันเป็นเวลานาน เดิมทีเขาคิดที่จะให้เย่เชียนพักผ่อนที่นี่แต่เย่เชียนปฏิเสธ ถึงแม้ว่าทัศนคติของหวงฟู่ถิงเตี๋ยนจะสุภาพมากกว่า แต่ที่นี่ก็เป็นเขตบ้านพักของนายทหารระดับสูง ดังนั้นการพักที่นี่ค่อนข้างถูกจำกัดและเย่เชียนก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธความหวังดีของหวงฟู่ถิงเตี๋ยน
ประมาณสี่ทุ่มหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ขับรถพาเย่เชียนกลับไปส่งที่เขตทหารหนานจิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็จะจัดห้องแยกต่างหากสำหรับเย่เชียนแต่เย่เชียนปฏิเสธเพราะเขาไม่ได้อยากถูกมองว่ามีสิทธิพิเศษมากเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อหาความสนุกแต่เขาก็ยังต้องร่วมมือกับเย่เจียอู๋และอย่าให้ใครรู้สึกว่าเขานั้นมีสิทธิพิเศษเช่นนั้น
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รู้ถึงความคิดของเย่เชียนจึงไม่ได้บังคับเขา ดังนั้นหวงฟู่เส้าเจี๋ยจึงจัดให้เย่เชียนไปพักที่ห้องพักเดียวกันกับเย่หานซวนเพราะพวกเขาเป็นพี่น้องกันแต่หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ไม่รู้จักความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแต่ปกติแล้วเขาคิดว่าการจัดการแบบนี้จะดีกว่า แน่นอนว่าเย่เชียนเองก็ไม่ได้คัดค้านเช่นกันถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบสองพี่น้องอย่างเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวก็ตาม แต่คนเหล่านั้นก็เป็นญาติของเขาและเขาก็มีหน้าที่ดูแลคนเหล่านั้นในที่ต่างถิ่นอย่างที่แห่งนี้ต่อให้คนเหล่านั้นจะดูหมิ่นและเกลียดชังตัวเองก็ตาม
เมื่อผลักประตูหอพักออกไปหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ทักทายเย่เชียนด้วยความเคารพแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ผมได้ส่งของไปให้ใครบางคนแล้ว..จากนี้ไปอาจารย์จะต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วคราวแต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็บอกผมได้..คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้างของตัวเองก็แล้วกันอาจารย์อยากจะทำอะไรก็ได้”
ทั้งสามก็กำลังนอนอยู่ในห้องพักแต่เย่หานซวนนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเพราะเขานั่งอยู่บนเตียงและเล่นกับโทรศัพท์มือถือแต่ทางด้านสองพี่น้องอย่างเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวนั้นดูหดหู่อย่างมาก ซึ่งพวกเขานอนอยู่บนเตียงและถอนหายใจราวกับว่าพวกเขาหมดอาลัยตายอยาก เมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาทุกคนก็หันกลับมาและเห็นทัศนคติและการแสดงออกของหวงฟู่เส้าเจี๋ยที่ดูสุภาพและเคารพต่อเย่เชียนแล้วสองก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์แบบและรู้สึกว่าหัวของพวกเขาคงจะไม่สามารถอยู่บนบ่าได้อีกต่อไป
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “เอาล่ะนายกลับไปเถอะ”
“อาจารย์ผมจะอยู่กับอาจารย์ในคืนนี้..เราไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปีแล้วเพราะงั้นผมมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะคุยกับอาจารย์..ผมอยากฟังเรื่องราวของอาจารย์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา..ผมเชื่อว่ามันจะต้องน่าตื่นเต้นมาก!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“กลับไปซะฉันง่วงแล้ว..นี่มันค่ายทหารมันไม่ใช่บ้านของฉันและพรุ่งนี้ฉันก็ต้องตื่นแต่เช้า..ตอนนี้นายเป็นผู้บัญชาการแต่ฉันไม่ใช่!” เย่เชียนพูด
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ก็ได้..ผมกลับก็ได้..ถ้างั้นวันนี้อาจารย์พักผ่อนก่อนเถอะแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน..โอ้ใช่มีอีกเรื่องหนึ่งผมเกือบลืมไปเลย..พรุ่งนี้จะมีการแข่งขันการประลองทักษะจากหลายๆหน่วยในกรมทหาร..หวังว่าอาจารย์จะแสดงได้ดีนะ”
เมื่อเย่เชียนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็วิ่งออกไปแล้ว แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้มีความสนใจแม้แต่น้อยในการแข่งขันทักษะดังกล่าวเพราะเขามาที่นี่เพียงเพื่อเย่เจียอู๋ขอมาไม่เช่นนั้นเย่เชียนคงจะจากไปตั้งนานแล้วเพราะมันยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รอเขาอยู่ข้างนอกเพราะงั้นเขาจะมีเวลาว่างมากพอที่จะวุ่นวายกับเรื่องแบบนี้ที่ไหน? การแข่งขันทักษะทางทหารนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการละเล่นของเด็กสำหรับเย่เชียน
“ลูกศิษย์ของนาย?” เย่หานซวนมองไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยที่วิ่งออกไปและพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่..เขาเคยเป็นร้อยเอกที่ไม่เอาไหนและมักจะก่อปัญหาไปทั่วทุกที่แต่ตอนนี้เขายศพันตรีแล้ว..เห็นเขาได้ดีแบบนี้ฉันเองก็โล่งใจเช่นกัน..ฉันเป็นอาจารย์แค่ในนามเพราะจริงๆแล้วฉันไม่ได้ทำอะไรเลย..กลับกันฉันมักจะทำให้เขาประพฤติตัวไม่ดีอยู่บ่อยๆ”
“นั่นเป็นเพราะนายถ่อมตัว..นายอาจจะเป็นต้นแบบของเขาเพราะจริงๆแล้วนายอาจมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาสามารถเรียนรู้ได้แต่นายไม่ได้ค้นพบมันในฐานะคนอื่น..อาจารย์เป็นผู้ชี้นำแต่การกระทำมันก็อยู่ที่ตัวเขาเอง..แต่ที่เขาสามารถบรรลุความสำเร็จนี้ได้มันก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ” เย่หานซวนพูด
“วิเศษมาก..รู้จักคนใหญ่คนโตด้วย?” เย่หานรุ่ยพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและไม่สนใจเขา เมื่อมองไปที่เย่หานซวนแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “วันนี้เป็นยังไงบ้าง?
“แน่นอนว่าการฝึกเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่หานซวนพูดต่อ “แต่ขอบอกเลยว่าอาหารของเขตทหารหนานจิงนี้ดีกว่าของเขตทหารเสิ่นหยางของเรามาก..รสชาติแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“เราเป็นคนภาคใต้และเราก็ชอบอาหารภาคใต้..นอกจากนี้อาหารซูนี้เป็นหนึ่งในแปดอาหารหลักและรสชาติก็ดีโดยธรรมชาติอยู่แล้ว” เย่เชียนพูด จากนั้นเขาก็หันไปเหลือบมองสองพี่น้องเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวที่นอนอยู่บนเตียงแล้วพูดว่า “พวกนายได้กินข้าวกันหรือยัง?..ถ้ายังไม่ได้กินเดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรมาให้กิน..พรุ่งนี้เช้ามีซ้อมหนักถ้าไม่ได้กินอะไรมันจะแย่เอา”
“ไม่..ไม่ต้องมาเสแสร้ง!” เย่หานรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูลังเลใจ
“ใช่!..ใครจะไปรู้ว่าแกจะใส่ยาพิษหรือยาถ่ายในอาหารของเราหรือเปล่า..แบบนี้แกจะเสียคู่แข่งไปถึงสองคนส่วนอีกคนก็ทำตัวเหมือนลูกสมุนที่ไร้ประโยชน์..พวกแกไม่มีทางได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลไปง่ายๆหรอก” เย่หานห่าวเห็นด้วย “ไม่ใช่ว่าแกกลัวหรอกเหรอ?..พวกเราน่ะมีความสามารถในการใช้ดาบกับปืนมาก”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ปู่บอกกับฉันเอาไว้ว่าจริงๆแล้วพวกนายสองคนไม่ได้มีนิสัยแย่แบบนี้เพราะงั้นฉันจึงไม่อยากทะเลาะกับพวกนาย..พูดตามตรงฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่เพราะมันไม่น่าสนใจ..คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอของคุณปู่ฉันคงไม่มาเข้าร่วมการฝึกหรอก..ฉันกล้าบอกเลยยว่าพวกนายน่ะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันและไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางทหารด้านใดๆก็ตาม..อันที่จริงเราเป็นพี่น้องกันและไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อตำแหน่งนั้นเลยเพราะมันไม่คุ้ม..บางทีพวกนายอาจคิดว่าตำแหน้งผู้นำตระกูลเย่น่าทึ่งแต่ในความคิดของฉันมันไม่ใช่อย่างนั้นเพราะฉันยังมีพี่น้องอยู่ข้างนอกและฉันก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ..ฉันคิดว่าจุดประสงค์ของการประเมินนี้ไม่ใช่การเลือกว่าใครจะเป็นผู้นำตระกูลเย่แต่เป็นการปลูกฝังความเป็นพี่น้องกันโดยการให้พวกนายเผชิญโลกภายนอก..อันที่จริงครอบครัวที่จะก้าวไปข้างหน้าร้ะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนๆเดียวเพราะมันต้องใช้ความพยายามร่วมกันของทุกคนในครอบครัว..ฉันคิดว่าพวกนายเองก็หวังว่าตระกูลเย่จะแข็งแกร่งขึ้นใช่ไหม..ถ้างั้นฉันว่าเราไม่ต้องเป็นอย่างนี้กันหรอก..ถึงเราจะไม่ได้สนิทกันเหมือนพี่น้องคนอื่นๆแต่อย่างน้อยเราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย”
เย่หานซวนก็พยักหน้าเงียบๆจากด้านข้างและชื่นชมพฤติกรรมและทัศนคติของเย่เชียนมากยิ่งขึ้นและรู้สึกว่ามีเพียงคนที่มีพรสวรรค์ดังกล่าวเท่านั้นที่ควรค่าแก่การเป็นผู้นำของตระกูลเย่และต้องเป็นบุคคลดังกล่าวเท่านั้นที่สามารถนำตระกูลเย่ไปสู่คงามรุ่งโรจน์ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีอุดมคติอันสูงส่งแต่เขาก็หวังว่าตระกูลเย่จะสามารถยิ่งใหญ่และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งได้
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วสองพี่น้องเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวก็ตกตะลึงและหัวใจของพวกเขาก็เต้นแรงราวกับมีอะไรบางอย่างที่สะกิดใจพวกเขา ตามที่เย่เจียอู๋กับเย่หานซวนพูดว่าอันที่จริงแล้วพี่น้องทั้งสองคนนี้ไม่ได้แย่แต่พวกเขาแค่ถูกปลูกฝังโดยเย่เจิ้งเซียงมาในทางที่ผิดและอยู่กับตระกูลเย่ตลอดเวลาซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากโลกภายนอก ในขณะนี้ทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะหนึ่งและพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานานและเอาแต่มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ
หลังจากนั้นเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาหวงฟู่เส้าเจี๋ยแล้วเดินออกไปแต่ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับบิสกิตและนมกล่องใหญ่แล้วยื่นให้สองพี่น้องเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวแล้วพูดว่า “โรงอาหารปิดไปนานแล้วมันเลยไม่มีอาหารดีๆ..มันเหลือแต่นมกับขนมเท่านั้น”
สองพี่น้องเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวก็มองดูด้วยความงุนงงและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หลังจากหยุดไปนานในที่สุดพวกเขาก็หยิบอาหารไป แต่ไม่รู้ว่าพวกเขานั้นเชื่อเย่เชียนจริงๆหรือหิวกันแน่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้เพราะไม่ว่าทัศนคติของพวกเขาจะเป็นอย่างไรเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอยู่ดี เขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวจะเปลี่ยนความคิดไปจากเหตุการณ์นี้เพราะเขาแค่ทำในสิ่งที่เขาคิดว่าควรทำและไม่ใช่เพื่อทำให้พวกเขาพอใจแต่อย่างใด
หลังจากนั่งเครื่องบินมาเกือบทั้งวันและดื่มไวน์ที่บ้านของหวงฟู่ถิงเตี๋ยนในตอนเย็นเย่เชียนก็เหนื่อยล้าเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเย่เชียนไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้าและไปฝึกกับหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ตามแต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็อยู่ในกองทัพและมีทหารที่จะเป็นอนาคตของชาติมากมายอยู่ที่นี่ ดังนั้นสิ่งต่างๆจึงต้องเป็นไปตามกฏระเบียบ
เช้าตรู่เย่เชียนก็ตื่นขึ้นด้วยเสียงกริ่งและทหารเข้ามาตะโกนเสียงดัง “ทุกคนลุกขึ้น!..แต่งตัวล้างหน้าแปรงฟันด่วน!..ให้เวลาสามนาที..คนที่มาสายจะต้องวิ่งรอบสนามสามสิบรอบ..ปฏิบัติ!”
เย่เชียนกับเย่หานซวนนั้นก็ดูปกติเพราะพวกเขาคุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบนี้มานานแล้ว หลังจากที่มาที่ประเทศจีนถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ฝึกฝนเหมือนเคยทำที่สำนักงานใหญ่เขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่นิสัยนี้ก็ยังคงถูกรักษาเอาไว้ แต่ทางด้านเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวนั้นดูกระวนกระวายและทำตัวไม่ถูกเหมือนมดบนหม้อไฟที่ถูกเผาอย่างไงอย่างงั้น
สามนาทีผ่านไปเย่หานรุ่ยกับเย่หานห่าวก็ก็รีบวิ่งไปที่สนามเพื่อรวมพลแต่พวกเขาสะดุดและเสียหน้าจนเขินอาย ซึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยที่ยืนอยู่ที่หัวแถวเห็นทั้งสองมาสายก็ยกมือขึ้นเพื่อตรวจสอบเวลาบนนาฬิกาข้อมือและพูดว่า “โทษทีนะพวกคุณมาสาย!..ไปวิ่งรอบสนามสามสิบรอบและห้ามกินข้าวเช้า..ปฏิบัติ!”
.