ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 80 โจรกรรม
เย่เชียนไม่เข้าใจว่าเพื่อน ๆ ของเขานั้นคิดอะไรกันอยู่ แม้ว่าพวกคนรวยและเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้จะซื้อเครื่องประดับไปแล้ว แต่เขี้ยวหมาป่าก็คงไม่ได้ยากจนถึงขนาดจะต้องมาออกปล้นแบบนี้ใช่ไหม เพราะดูเหมือนกับว่าพวกเขาเตรียมการมาเพื่อต้องการมาปล้นจริง ๆ
ในเมื่อเรื่องราวมันดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เชียนเองก็ไม่อยากจะเข้าไปแทรกแซง แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกนั้นกระทำการอุกอาจเช่นนี้ได้เช่นเดียวกัน ครั้นเขาจะพูดออกไปว่า ‘เฮ้! พวกนายน่ะกลับกันไปเลย!’ การพูดเช่นนี้มันก็มีแต่จะทำให้คนอื่น ๆ มองว่าเขาอาจเป็นพวกเดียวกันกับพวกนี้
ท้ายที่สุด เย่เชียนจึงตัดสินใจสะกิดแขนของเหว่ยเฉินหลงเบา ๆ แล้วพูดว่า “นี่… นายน้อยเหว่ย! คุณน่ะเป็นคนวางแผนจัดการเกี่ยวกับงานในวันนี้ทั้งหมดใช่มั้ย ? ทำไมจู่ ๆ กลุ่มโจรถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ ? คุณไปวางแผนอะไรไว้กับพวกเขาหรือเปล่า ?”
เหว่ยเฉินหลงผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็พูดว่า “อย่ามาไร้สาระ… ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ถึงคุณจะไม่รู้จักพวกเขาก็เถอะ แต่งานเลี้ยงนี่มันถูดจัดขึ้นโดยคุณ ที่นี่คือถิ่นของคุณ มันก็เป็นความรับผิดชอบของคุณอยู่ดีนั่นแหละ” เย่เชียนพูดอย่างเย้ยหยัน
“ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลไป! ไม่มีใครกล้ามาสร้างปัญหาในถิ่นของฉันหรอก ให้ฉันจัดการเองเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็ไป…” เหว่ยเฉินหลงพูดอย่างมั่นใจ
เหว่ยเฉินหลงยังคงรู้สึกอับอายขายหน้าในเรื่องของการแข่งขันเปียโน ถ้าเขายังปล่อยให้พวกโจรเหล่านี้ก่อปัญหาในงานที่เขาจัดขึ้นต่อไป เขาก็จะไม่สามารถมีหน้ามีตาได้ในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้อีก หากเขาสามารถจัดการให้โจรเหล่านี้ออกไปได้ เขาก็จะได้กู้หน้ากู้ศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมาและถือว่าเป็นผู้ชายที่สง่าผ่าเผยอย่างแท้จริงในเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ หลังจากพูดจบ เหว่ยเฉินหลงก็เดินเข้าไปหาพวกโจร…
“เย่เชียน… มันจะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นหรอกใช่มั้ย ?” ฉินหยูกระซิบถามอย่างหวั่นเกรงเล็กน้อย
“ไม่ต้องกังวล โจรพวกนี้เป็นเพียงกลุ่มอันธพาลธรรมดา ๆ ถ้าเหว่ยเฉินหลงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เขาก็จะไม่สามารถมีหน้ามีตาในเซี่ยงไฮ้ได้อีกในอนาคต” เย่เชียนพูดอย่างไม่แยแส
ถึงแม้ว่ากลุ่มเขี้ยวหมาป่าหน่วยย่อยเล็ก ๆ นี้จะไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ไล่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มั่วซั่ว ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าพวกเขาอาจจะทำร้ายคนเหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและคงจะไม่เอาใครถึงตาย
“พวกคุณ! มาหลบอยู่ข้างหลังผมนี่และอย่าพูดอะไรเชียวล่ะ เพราะถ้าเกิดพวกโจรกลุ่มนั้นมันเห็นพวกคุณขึ้นมา ผมว่าสถานการณ์มันอาจจะเลวร้ายลงได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตที่ไร้ค่าของผม… ผมก็จะปกป้องพวกคุณให้ถึงที่สุด!” เย่เชียนพูดอย่างเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่
นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะทำตัวเป็นฮีโร่ของผู้หญิงที่งดงามอย่างพวกเธอ ฉะนั้นเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้มันหลุดลอยไป
“ปัดโธ่เว้ยไอ้บ้า! บอกให้หมอบลงไปไง ไม่ได้ยินเหรอวะ ?!” โจรคนหนึ่งจ่อปืนไปที่เหว่ยเฉินหลงอย่างเกรี้ยวกราด
เย่เชียนจ้องมองด้วยความประหลาดใจและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร
“พี่ชาย… ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย…” เหว่ยเฉินหลงพูดพลางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับเดินไปข้างหน้า เขาพูดต่อไปว่า “พี่ชาย… แขกทุกคนที่อยู่ที่นี่ พวกเขามาเพราะเป็นงานเลี้ยงของฉันเอง มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก พี่ชายช่วยไว้หน้าฉันหน่อยเถอะนะ ฉันจะเป็นหนี้บุญคุณพวกพี่ชายมากเลย”
“แกเป็นใครมาจากไหนวะ ? ข้าไม่เห็นจะรู้จักแกเลย! แล้วทำไมข้าต้องไว้หน้าแกด้วย ห๊ะ ? คุกเข่าลงไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นข้าจะยิงแกให้สมองไหลออกมาตรงนี้แหละ!” หัวหน้าโจรตะโกนออกมาหลังจากมองไปที่เหว่ยเฉินหลง
“ชื่อของฉันคือเหว่ยเฉินหลงแห่งบริษัทเหว่ยตงเซียนกรุ๊ป ฉันมีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้เป็นอย่างมากเลยนะพี่… ฉันขอถามได้ไหมว่าพี่ชายมาจากไหน ?” เหว่ยเฉินหลงยังไม่วายพูดอวด
เย่เชียนได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดในใจว่าเหว่ยเฉินหลงคนนี้ช่างเป็นคนโง่เง่าดีแท้ เขาไม่รู้จักกลัวตายบ้างหรืออย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ ? เพราะถ้าหากโจรพวกนี้ไม่ใช่กลุ่มเขี้ยวหมาป่าหน่วยย่อยปลอมตัวมาล่ะก็ พวกมันอาจจะฆ่าเขาหรือทำให้เขาเป็นตัวประกันไปนานแล้ว
แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่ว่าเหว่ยเฉินหลงไม่ได้กลัว เพราะเขาค่อนข้างประหม่าอยู่ในใจ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าโจรพวกนี้จะไม่กล้าทำร้ายเขา เพราะเขาเป็นถึงนายน้อยของบริษัทเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปผู้เกรียงไกรในเซี่ยงไฮ้นี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความชั่วหรือความดียังไงก็ต้องรู้จักเขาอย่างแน่นอน
“เฮ้ย… เอ็ง เหว่ยตงเซียนกรุ๊ปมันคืออะไรวะ ?” หัวหน้าโจรหันไปถามลูกน้องข้าง ๆ เขา
“บริษัทเหว่ยตงเซียนกรุ๊ป… เป็นหนึ่งในสามบริษัทยักษ์ใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ครับลูกพี่ ผมได้ยินมาว่าไม่ว่าจะเป็นมาเฟียหรือสังคมชนชั้นสูงทุกคนจะต้องยอมสยบและไว้หน้าเขา ผมว่าเราถอยออกมาหน่อยดีกว่าพี่ อย่าไปยั่วยุพวกเขาเลย” ลูกน้องตอบอย่างแผ่วเบา
แต่เหว่ยเฉินหลงได้ยินทุกอย่างชัดเจน เขาผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าพวกมันรู้แล้วว่าเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปยิ่งใหญ่มากเพียงใด
หัวหน้าโจรชะงักไปชั่วครู่ แต่จากนั้นก็พูดว่า “เหว่ยตงเซียนกรุ๊ปงั้นเรอะ แล้วมันยังไงวะ ? สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือไอ้พวกนี้เนี่ยแหละ พวกมันอยู่ได้เพราะเงินสกปรก ๆ แล้วคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ดีเลย…! งั้นเสร็จแล้วเอ็งอย่าลืมพาไอ้เบื๊อกนี่มากับเราด้วย คนรวยพวกนี้น่ะโง่พอที่จะยอมจ่ายเงินให้เราหลายล้านเชียวล่ะ เดี๋ยวเอ็งมัดตัวมันแล้วเรียกค่าไถ่จากเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปซะ!”
สิ้นเสียงคำสั่งของหัวหน้าโจร มีหรือที่ลูกน้องจะกล้าปฏิเสธ ลูกน้องคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อมัดมือของเหว่ยเฉินหลงโดยไม่สนใจผลที่จะตามมาแม้แต่น้อยเลย
ขณะเดียวกันนั้น เย่เชียนมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าและขมวดคิ้วอย่างจริงจัง เขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
“พี่ชาย… ปล่อยฉันไปเถอะ… ไม่งั้นฉันจะไม่ปล่อยให้พวกพี่มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อเอาเงินไปใช้ตามใจชอบหรอกนะ!” เหว่ยเฉินหลงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“โธ่! ไอ้โง่… ถ้าข้าจะตายขึ้นมาจริง ๆ ข้าก็ฆ่าแกก่อนที่ข้าจะตายสิวะ” หัวหน้าโจรฟาดด้ามปืนลงไปที่หน้าของเหว่ยเฉินหลงเต็มแรงและขู่ว่า “แต่ถ้าแกยังเห่าไม่เลิก ข้าก็จะยิงแกทิ้งซะเดี๋ยวนี้เลย!”
หัวหน้าโจรไม่มีความปราณีแม้แต่น้อย เขาถึงขั้นเอาด้ามปืนกระแทกไปที่ปากของเหว่ยเฉินหลงอย่างแรงทำให้ฟันหลุดออกมาหลายซี่พร้อมกับเลือดสด ๆ ไหลกบปากของเขา เหว่ยเฉินหลงไม่อยากแสดงความกล้าหาญอีกต่อไป เขาหยุดพูดอย่างเชื่อฟังเพราะเพิ่งจะคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ และนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำตัวเป็นฮีโร่เลยแม้แต่น้อย
“กลัวมั้ย ?” เย่เชียนหันกลับไปและถามฉินหยูอย่างเป็นห่วง
ฉินหยูส่ายหัวเบา ๆ ไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวที่เผยให้เห็นบนใบหน้าของเธอเลย ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว ส่วนจ้าวหยาก็กัดริมฝีปากของเธอแน่นขณะที่ตัวสั่นเล็กน้อย แต่จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เราไม่กลัวหรอก!” ทั้งที่ข้างในลึก ๆ แล้วเธอรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในขณะที่เธอแอบอยู่ข้างหลังเย่เชียน เธอกลับรู้สึกปลอดภัย และหูวเค่อเองก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการเห็นด้วยกับจ้าวหยาอีกคน
เย่เชียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่… จะไม่มีใครหน้าไหนมาแตะต้องพวกเธอได้”
“เร็วเข้า! ถอดของมีค่าทั้งหมดของพวกแกและส่งมันมาให้หมด ข้าขอบอกเลยว่าถ้าใครกล้าซ่อนของล่ะก็ เห็นดีแน่ เหอะ ๆ ๆ ๆ ถ้าปืนของข้ามันลั่นใส่ใครไปก็อย่ามาโทษ!” หัวหน้าโจรพูดอย่างฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด จากนั้นเขาก็ทำท่าให้ลูกน้องไล่เก็บของมีค่า
“นี่อะไรน่ะ ? รีบเอาออกมาเดี๋ยวนี้!” โจรคนหนึ่งตะโกนใส่ชายวัยกลางคนพร้อมจ่อปืนไปที่เขา