ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 800 การยืนยันครั้งสุดท้าย
ตอนที่ 800 การยืนยันครั้งสุดท้าย
หยูซิงก็เปิดปากของเขาและต้องการจะพูดอีกครั้งแต่เมื่อคำพูดกำลังจะมาถึงปากของเขาแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ดังนั้นเขาจึงกลืนมันลงไปอีกครั้ง “ออกไปซะ!” เย่เชียนตะโกนอย่างดุเดือดพร้อมกับจ้องไปที่หยูซิงอย่างเดือดดาล ก่อนหน้านี้เย่เชียนฆ่าเหรินเทียนเย่และไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ อย่างไรก็ตามการกระทำของเหรินเทียนเย่กับหยูซิงนั้นต่างกันเพราะเหรินเทียนเย่นั้นฆ่าอี้ซิงเฉินพี่น้องของตัวเอง แต่หยูซิงนั้นยังไม่ได้กระทำการร้ายแรงใดๆไม่เช่นนั้นเย่เชียนจะไม่มีวันให้โอกาสเขาเลย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเย่เชียนจะปล่อยผ่านแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆในเขี้ยวหมาป่าจะไม่ไล่ล่าเขาเพราะถึงแม้ว่าหยูซิงจะออกจากประเทศจีนไปถึงยังไงเขาก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี
เมื่อมองไปที่หยูซิงที่ลุกออกจากที่นั่งเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและหันไปมองหม่าซานเหอที่เงียบงัน “คุณซานคุณเป็นผู้บุกเบิกที่ติดตามประธานเฉินมานานตั้งแต่แรกและถือได้ว่าเป็นแนวหน้าของวงการธุรกิจ..แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันคงหมดเวลาของคุณแล้ว..คุณน่าจะรู้นะว่าคุณต้องทำยังไง” เย่เชียนพูด
ไม่ใช่ว่าเย่เชียนไม่รู้เกี่ยวกับเมืองหนานจิงเพราะหน่วยข่าวกรองเขี้ยวหมาป่านั้นได้ประจำการในเมืองหนานจิงด้วยภายใต้คำสั่งของแจ็ค ดังนั้นเย่เชียนย่อมรู้สิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจนซึ่งพวกเขาเป็นแหล่งข้อมูลของเขี้ยวหมาป่าแต่เย่เชียนก็ไม่ต้องการใช้หน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตเพื่อลงโทษ ถ้าหน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตออกทำการกวาดล้างผู้ที่ทรยศเย่เชียนล่ะก็คนที่นี่คงตายเป็นร้อยๆคนเพราะกฎเหล็กของหน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตนั้นเข้มงวดมากและจะต้องไม่มีความผิดใดๆเลยแม้แต่น้อย
บางครั้งเมื่อคนอายุมากขึ้นความทะเยอทะยานและความดื้อรั้นของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยและนั่นคือสิ่งที่หม่าซานเหอเป็น เหตุผลที่หยูซิงกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะหม่าซานเหอนั้นปรับเปลี่ยนทัศนคติจนหยูซิงอยากที่จะครอบครองสิ่งต่างๆและก้าวหน้าข้ามผ่านคนอื่นๆ เมื่อพูดถึงการสมรู้ร่วมคิดแล้วหยูซิงนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของหม่าซานเหอได้อย่างไร? เขาคิดว่าเขาฉลาดมากแต่ในท้ายที่สุดเขาก็เป็นได้แค่หมากรุกของหม่าซานเหอและแน่นอนว่าเย่เชียนรู้ทั้งหมดนี้แต่เขาคิดว่าหม่าซานเหอนั้นเป็นผู้อาวุโสที่บุกเบิกคอยติดตามเฉินฟู่เฉิงมานานและช่วยเขาจนประสบความสำเร็จ ดังนั้นเย่เชียนไม่ต้องการทำอะไรรุนแรงมากเกินไป อย่างไรก็ตามจิ้งจอกเฒ่าคนนี้ดูเหมือนจะลืมตัวและหลงลืมจุดยืนของตัวเองไป
เฉินฟู่เฉิงคือใคร? เขาถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษผู้สำเร็จที่ยิ่งใหญ่และโดยธรรมชาติแล้วเขาตระหนักดีว่าหลังจากที่เขาจากโลกนี้ไปมันจะมีการปฏิรูปใหม่ ซึ่งหลังจากที่เย่เชียนได้รับมรดกและเจตนารมณ์ทั้งหมดมาคนเหล่านี้ก็ต้องมาอยู้ภายใต้การควบคุมของเย่เชียนด้วย ผู้ที่ติดตามเฉินฟู่เฉิงเพื่อต่อสู้ในโลกธุรกิจและทั้งเลือดและเหงื่อดังนั้นเขาจึงเคยบอกเย่เชียนถ้าเป็นไปได้ก็ฝากเย่เชียนดูแลพวกเขาด้วยและอย่าทำอะไรรุนแรงจนเกินไป นี่คือเหตุผลที่ทำไมเย่เชียนถึงได้ยังคงเก็บหม่าซานเหอเอาไว้ อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“คุณเย่คุณจะข้ามแม่น้ำและรื้อสะพานออกอย่างงั้นเหรอ?” หม่าซานเหอพูด “อย่าลืมสิว่าถ้าไม่ใช่เพราะผมแล้วคุณจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างราบรื่นได้ยังไง..ตอนนี้คุณคิดที่จะรื้อสะพานที่คุณเหยียบข้ามมาอย่างงั้นเหรอ?”
“ผมต้องขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณทำจริงๆเพราะงั้นผมจึงยังเก็บคุณเอาไว้..ถ้าผมต้องการรื้อสะพานข้ามแม่น้ำจริงๆผมคงทำไปนานแล้วทำไมผมถึงต้องรอจนถึงวันนี้ด้วย?..คุณรู้ไหมว่าคุณทำอะไรผิดพลาดไป..สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ผมคงไม่จำเป็นต้องพูดออกมาใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด
“ผมทำอะไร?..ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร..ไหนลองบอกมาสิว่าผมผิดอะไร..คุณจำเป็นต้องสร้างเรื่องขึ้นมาหรอก” หม่าซานเหอพูด “ความคิดและแผนการทรยศของหยูซิงน่ะผมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย..หรือคุณต้องการใช้โอกาสจากสถานการณ์นี้เพื่อล้มล้างและปฏิรูปครั้งใหญ่..ทุกๆคนก็สามารถมองเห็นสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน”
“มันไม่สำคัญว่าหยูซิงจะสมรู้ร่วมคิดกับคุณหรือเปล่า..คุณกล้าพูดมั้ยว่าคุณไม่รู้ว่าหยูซิงจัดเตรียมคนเหล่านี้เพื่อจัดการผมก่อนหน้าที่ผมจะมา?..ทำไมคุณถึงไม่ห้ามหรือแจ้งให้ผมทราบในเมื่อคุณรู้ทุกอย่างดี..คุณไม่ใช่คนที่โง่เขลาคุณคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่างงั้นเหรอ?..ถึงแม้ว่าคุณดูเหมือนไม่สนใจอะไรแล้วก็ตามแต่อันที่จริงคุณกำลังใช้ทรัพย์สินของบริษัทเพื่อสร้างรากฐานของคุณเอง..ผมไม่ได้พูดผิดใช่มั้ย?” เย่เชียนพูดต่อ “ถึงแม้ว่าหยูซิงจะเข้ามาทำงานได้ไม่นานแต่ผมก็รู้จักเขาดี..ถึงแม้ว่าเขาจะมีความทะเยอทะยานมากแต่เขาก็รู้ด้วยว่าถ้าปราศจากผมแล้วเขาก็ทำอะไรเองไม่ได้อยู่ดี..แบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะคุณอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดแล้วเขาจะกล้าทรยศและทำแบบนี้อย่างงั้นเหรอ?..ถ้าให้พูดตรงๆหยูซิงก็เป็นเพียงแค่ตัวเบี้ยของคุณ..คุณกำลังทำอะไรผมรู้ดีผมไม่ใช่เด็กอายุหกขวบ..มันชัดเจนพอหรือยัง?”
“ช่างน่าขันจริงๆนี่มันก็แค่คำพูดของคุณเองใครจะไปเชื่อ..หากคุณต้องการกำจัดคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณล่ะก็คุณแค่พูดให้มันชัดเจนทำไมต้องสร้างเรื่องขึ้นมาด้วย..ยังไงก็เถอะอุตสาหกรรมนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพี่เฉินตั้งแต่แรกและผมเองก็ไม่อยากที่จะมอบมันให้กับคุณหรอก..คุณคิดที่จะกำจัดผมงั้นเหรอถ้าอย่างนั้นคุณต้องชั่งน้ำหนักตัวเองให้เพียงพอก่อนว่าคุณทำอะไรผมได้มั้ย?” หม่าซานเหอสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดออกมา
ความหมายของคำพูดนั้นชัดเจนอยู่แล้วดูเหมือนว่าเขาตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วที่จะกำจัดเย่เชียน
“คุณต้องการหลักฐานใช่มั้ย..ก็ได้ผมจะเอาหลักฐานออกมาให้เห็นเอง” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูด จากนั้นเย่เชียนก็กดเบอร์โทรศัพท์ของแจ็คและทันทีที่มีการเชื่อมต่อสายเย่เชียนก็พูดว่า “แจ็ค!..ตอนนี้ฉันอยู่ที่เมืองหนานจิงและฉันก็กำลังจัดการกับเรื่องนั้นอยู่..นายช่วยส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหม่าซานเหอมาให้หน่อย “หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายไปทันที
จากนั้นมองไปที่เฉิงเหวินแล้วพูดว่า “เฉิงเหวินคุณออกไปนำข้อมูลจากเครื่องแฟกซ์มาที” เฉิงเหวินก็รีบตอบและหันหลังเดินออกไป ส่วนเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะเฉิงเหวินเองเดิมเป็นก็ที่รู้จักในฐานะผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเฉินฟู่เฉิงมีแต่กลับกลายเป็นว่าเขานั้นหลงผิดในความโลภซึ่งทำให้เย่เชียนผิดหวังอย่างมาก ถ้าเฉิงเหวินยังคงเป็นเฉิงเหวินในตอนนั้นหม่าซานเหอและหยูซิงจะกล้าคิดแบบนี้ได้อย่างไร? ในตอนแรกการที่เย่เชียนปล่อยให้พวกเขาจัดการบริษัทด้วยกันนั้นคือการสร้างสถานการณ์ที่สมดุลและทำให้พวกเขาได้ทำงานด้วยกันและช่วยเหลือกันแต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเฉิงเหวินนั้นสมดุลนี้จึงพังทลายลงจนทำให้สถานการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นนั่นเอง
ไม่นานหลังจากนั้นเฉิงเหวินก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารแฟกซ์จำนวนหนึ่งและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนจากนั้นก็ยื่นให้เย่เชียนอย่างระมัดระวัง เมื่อเย่เชียนรับมาเขาพยักหน้าเล็กน้อยให้เฉิงเหวินและโบกมือเพื่อให้เฉิงเหวินกลับไปนั่ง จากนั้นเย่เชียนก็โยนข้อมูลและเอกสารต่อหน้าหม่าซานเหอแล้วพูดว่า “มาดูกันว่าคุณทำอะไรบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา..บันทึกทั้งหมดมีรายละเอียดมากผมเชื่อว่าผมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีกแล้วใช่มั้ย?”
หม่าซานเหอก็เปิดข้อมูลและเอกสารดูซึ่งหลังจากมองได้เพียบชั่วแวบเดียวสีหน้าของเขาหยุดชะงักไปทันทีและกลับสู่สภาวะปกติ หม่าซานเหอนั้นไม่คาดคิดมาก่อนว่าข้อมูลข่าวกรองของเย่เชียนจะละเอียดมาก ซึ่งเย่เชียนนั้นสามารถรู้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนกลับยังไม่ดำเนินการใดๆกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเย่เชียนกำลังกังวลเรื่องความเป็นพี่น้องและความเห็นอกเห็นใจใดๆ แต่ที่เย่เชียนไม่ได้กระทำการใดๆนั่นก็เพราะว่าเย่เชียนกำลังรอโอกาสที่จะกำจัดตัวเขาอย่างสมเหตุสมผลด้วยความชัดเจนนั่นเอง
“คุณเอาแต่บอกว่าคุณปฏิบัติกับพวกเราเหมือนพี่น้องแต่คุณกลับส่งคนมาสืบค้นข้อมูลของเราเนี่ยนะ?..นี่หรือความเป็นพี่น้องที่คุณพูดถึง?..อย่ามาใช้คำว่าพี่น้องให้สวยหรูเลยใช้คำว่าทาสรับใช้เถอะ!” หม่าซานเหอพูด “ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วผมก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป..ผมไม่ใช่หยูซิงเพราะงั้นอย่ามาหลอกผมด้วยคำพูดของคุณเลย..คุณอยากกำจัดผมใช่มั้ย?..มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความสามารถมากพอหรือเปล่า”
ทันทีที่คำพูดของหม่าซานเหอจบลงเขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับตบโต๊ะอย่างแรง จากนั้นเขาก็หยิบถ้วยชาจากบนโต๊ะแล้วขว้างมันลงกันพื้นและในทันใดนั้นกลุ่มคนอาวุธครบมือก็กำลังหลั่งไหลกันเข้ามาในห้องประชุมจากข้างนอก ซึ่งทุกคนต่างก็ถือปืนพกและเล็งไปที่ทุกๆคนที่อยู่ในห้องจนบรรยากาศตึงเครียดอย่างมากและทำให้ทุกๆคนหวาดกลัว
เย่เชียนนั้นยังคงมีท่าทางที่ดูสงบและนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของเขา ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อยเพราะเย่เชียนเคยเห็นฉากแบบนี้มากมายและเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมานับไม่ถ้วนแล้วทำไมเขาถึงต้องตกตะลึงไปกับสถานการณ์เช่นนี้ด้วย? เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็หยิบบุหรี่จากเสื้อของเขาออกมาอย่างช้าๆและจุดบุหรี่จากนั้นก็สูบมัน
ทางด้านของเย่หานหลินก็ประหม่าแต่ก็หยุดอยู่ข้างหน้าเย่เชียนโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและยื่นมือออกมาและตบไหล่เย่หานหลินเบาๆเพื่อบอกเขาว่าไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณชาน!..คุณจะทำอะไร?” เฉิงเหวินพูดอย่างประหม่า
“หืม..ฉันก็แค่ทวงสิ่งที่ควรจะเป็นของฉันกลับคืนมาก็เท่านั้นเอง..ฉันเดินตามเจตนารมณ์ของเฉินฟู่เฉิงมานานหลายปีแล้ว..ไม่รู้กี่ครั้งที่ฉันได้สัมผัสกับความตายเพราะงั้นถ้าฉันยังอยู่อย่างนี้ฉันก็ไม่รู้เลยว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง..ฉันอยากคิดและเดินหน้าด้วยตัวเอง..ฉันไม่อยากฟังคำสั่งของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว” หม่าซานเหอพูด “เฉิงเหวิน!..แกยังอยากเป็นสุนัขรับใช้ต่ออย่างงั้นเหรอ?..คนอย่างเย่เชียนจะไปช่วยอะไรแกได้?..ทุกคนก็เห็นๆกันอยู่แล้วทำไมเราถึงไม่ต่อต้านสักที?..ทำไมเราไม่ทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง..ทำไมเราถึงต้องยอมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเย่เชียนด้วย?”
“ไม่!” เฉิงเหวินพูด “ในตอนแรกประธานเฉินไม่ได้ปฏิบัติต่อผมเหมือนเป็นคนนอก..เขาปฏิบัติต่อผมเหมือนเป็นน้องชายแท้ๆไม่ใช่สุนัขรับใช้..แต่ตอนนี้มันก็ไม่ใช่แบบนั้นอยู่ดีเพราะเย่เชียนปฏิบัติต่อผมเหมือนพี่ชายมาโดยตลอดเพราะงั้นผมจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายเขาอย่างแน่นอน”
สีหน้าของเฉิงเหวินไม่ได้อวดอ้างใดๆและดูเหมือนว่าเขาจะรู้แจ้งและคิดได้จริงๆในวินาทีสุดท้าย ซึ่งเขายังคงยืนยันทางเลือกเดิมของเขาและจะไม่เปลี่ยนใจอีกต่อไปแล้ว เมื่อเห็นเฉิงเหวินเช่นนี้เย่เชียนก็รู้สึกโล่งใจมากและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“แกมองเขาเป็นน้องชายแบบไหนกัน..แกไม่เห็นเหรอเขาส่งคนมาสืบค้นข้อมูลของพวกเราอย่างลับๆ..นี่มันเป็นพี่น้องแบบไหนกัน?” หม่าซานเหอพูด “ตอนนี้แกมีทางเลือกอยู่แค่สองทาง..หนึ่งคือแกต้องฆ่าเย่เชียนและพวกเราก็จะเป็นพี่น้องกันเหมือนที่เคยเป็น..ไม่เช่นนั้นแกจะต้องเป็นศัตรูของหม่าซานเหอคนนี้..อย่ามาโทษฉันที่โหดร้ายก็แล้วกัน”