ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 804 นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
ตอนที่ 804 นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
เป็นเวลานานแล้วที่เฉิงเหวินนั้นหมดความทะเยอทะยานไปและเขาก็ไม่ค่อยเข้ามามีส่วนร่วมเลย อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ฆ่าภรรยาและลูกของเขาแล้วเฉิงเหวินก็โกรธเกรี้ยวและสูญเสียเหตุผลไปโดยสิ้นเชิง มุมปากของเขากระตุกสองสามครั้งและเฉิงเหวินก็พูดอย่างดุเดือดว่า “หม่าซานเหอ..ฉันจะฆ่าแก”
ทันทีที่เสียงจบลงเฉิงเหวินก็รีบวิ่งไปที่หม่าซานเหออย่างดุเดือด ซึ่งเฉิงเหวินที่ไม่เคยต่อสู้มาก่อนและเขาไม่รู้เรื่องทักษะการต่อสู้เลยและการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขาก็เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ล้วนๆเพราะความโกรธมักจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้คนๆหนึ่งและสามารถเรียกศักยภาพของมนุษย์ได้อย่างไม่จำกัด ด้วยความโกรธแค้นเฉิงเหวินก็พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของหม่าซานเหอลงไปที่พื้นทันที
มือข้างหนึ่งของเฉิงเหวินคว้าผมของหม่าซานเหอเอาไว้และมืออีกข้างหนึ่งก็กำหมัดและต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของหม่าซานเหอ ในตอนนี้เฉิงเหวินนั้นลืมความเจ็บปวดไปแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เฉิงเหวินทุบตีร่างกายและใบหน้าของหม่าซานเหออย่างไม่หยุดยั้ง ฉากนี้เกินความคาดหมายของทุกคนไปโดยสิ้นเชิงและไม่มีใครคาดคิดว่าเฉิงเหวินซึ่งมีมารยาทและเรียบร้อยมีสัมมาคารวะมาโดยตลอดจะบ้าคลั่งได้ถึงเช่นนี้
หม่าซานเหอนั้นไม่สามารถรับมือกับคนบ้าได้ ถึงแม้ว่าหม่าซานเหอจะอยู่ในสนามรบมาเป็นเวลานานและเขาก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ได้เห็นโลกมามากมายแต่ท้ายที่สุดเขาก็แก่แล้วและความแข็งแกร่งของเขานั้นเทียบไม่ได้กับตอนที่เขายังหนุ่มยังแน่นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเฉิงเหวินกำลังโกรธมากและไม่มีเหตุผลเลยดังนั้นเฉิงเหวินจึงเพิกเฉยต่อการโจมตีของหม่าซานเหอไปโดยสิ้นเชิง หมัดของหม่าซานเหอที่ทุบตีร่างกายของเฉิงเหวินนั้นดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยจนเฉิงเหวินดูเหมือนหุ่นยนต์เครื่องจักรที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด การกระทำทั้งหมดนั้นมันออกมาจากจิตใต้สำนึกโดยสิ้นเชิง
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์..พวกแกจะยืนดูอีกนานมั้ย?..รีบมาดึงไอ้บ้านี่ออกไปเดี๋ยวนี้!” หม่าซานเหอพูดอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นเหล่าลูกน้องยืนอยู่เฉยๆ
เมื่อบอดี้การ์ดเหล่านั้นต้องการก้าวไปข้างหน้าหลัวจ้านก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า “อย่าขยับ!..ถ้าพวกนายไม่อยากตายก็อยู่นิ่งๆซะ..นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาเพราะฉะนั้นทุกคนควรอยู่เฉยๆอย่าขยับ”
เมื่อเห็นระเบิดที่ผูกติดอยู่กับเอวของหลัวจ้านแล้วบอดี้การ์ดเหล่านั้นก็รู้สึกอ่อนแรงและทุกคนต่างก็นั่งลงกับพื้น สถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนจะชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่ต้องการตายไปอย่างไร้เหตุผล
“หลัวจ้านรีบกดระเบิดซะสิ..ฉันไม่กลัวตาย..ฉันจะตายไปพร้อมมัน!” เฉิงเหวินตะโกนเสียงดังขณะปล่อยหมัดอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะอธิบายว่าเฉิงเหวินนั้นบ้าไปแล้วเรพาะดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับคนบ้าจริงๆ
ทั้งเย่เชียนและหลัวจ้านก็ไม่คิดที่จะเข้าไปแทรกแซงการกระทำของเฉิงเหวินแต่อย่างใดเพราะพวกเขารู้ดีว่าเฉิงเหวินนั้นต้องระงับความเจ็บปวดในใจเอาไว้มากใสบและนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ระบายออกมา ถ้าเขาไม่ได้ระบายออกไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะพังทลายและหมดอาลัยตายอยาก นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยชีวิตเฉิงเหวินได้ตราบใดที่ปล่อยให้เขาได้ระบายความเจ็บปวดในใจออกไปเขาก็จะโล่งใจและพบว่าตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าวหม่าซานเหอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโกรธโดยรู้ว่าตอนนี้ลูกน้องของเขาไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว หม่าซานเหอนั้นเคยต่อสู้มาหลายครั้งแต่เขาไม่เคยเสียเปรียบขนาดนี้มาก่อน โดยไม่รู้เลยว่าเลือดบนใบหน้าและลำคอของเขาออกมามายแค่ไหนแล้วและหม่าซานเหอก็ได้แต่ทนความเจ็บปวดอย่างไม่รู้จบ
แต่ท้ายที่สุดแล้วทักษะของหม่าซานเหอนั้นดีกว่าของเฉิงเหวินมาก ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเฉิงเหวินจะเพิ่มขึ้นอย่างมากภายใต้ความโกรธของเขาก็ตามแต่สำหรับคนที่ไม่เคยต่อสู้และใช้กำลังมาก่อนนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของหม่าซานเหอได้อย่างไร? ในที่สุดเฉิงเหวินก็ล้มลงกับพื้นโดยหม่าซานเหอ ซึ่งใบหน้าของหม่าซานเหอก็บวมเหมือนหัวหมูแต่เขายังคงคงสู้ต่ออย่างไม่ยอมแพ้
หม่าซานเหอก็เช็ดหน้าด้วยความโกรธและเมื่อเห็นเลือดที่มือเขาก็ตะโกนอย่างดุเดือดว่า “แกอยากตายนักใช่มั้ยได้สิวะ!..เดี๋ยวฉันจะส่งแกไปพบภรรยาและลูกๆของแกเอง” หลังจากพูดจบหม่าซานเหอก็หยิบมีดออกมาจากเสื้อของเขาแล้วแทงไปที่เฉิงเหวินทันที
เมื่อเห็นว่ามีดใกล้จะแทงเข้าไปที่เฉิงเหวินแล้วเย่เชียนก็ไม่สามารถนั่งดูอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าเฉิงเหวินจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้แต่เขาก็ไม่ได้มีความผิดถึงตาย ยิ่งไปกว่านั้นเฉิงเหวินก็มีเหตุผลที่จะเป็นเช่นนั้นเพราะคนที่มีความรักต่อครอบครัวและทำเพื่อครอบครัวมาโดยตลอดต้องมาเสียครอบครัวไปนั้นมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าเฉิงเหวินจะทำผิดพลาดแต่ก็ควรค่าแก่การให้อภัย
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พุ่งออกไปทันทีและร่างของหม่าซานเหอก็ถูกเตะจนกระเด็นออกไปหลังจากได้ยิน “ปัง” เท่านั้นหม่าซานเหอก็กระแทกกำแพงอย่างแรงและสำลักเลือดออกมาเต็มปาก การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นและจบภายในครั้งเดียวในทันที ซึ่งผู้คนที่มองอยู่ก็ถึงกับตกตะลึงเพราะหลายคนที่นี่ยังไม่เคยเห็นทักษะของเย่เชียนดังนั้นเมื่อเห็นความรวดเร็วของเย่เชียนพวกเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเตะของเย่เชียนเพียงครั้งเดียวนั้นทำให้หม่าซานเหอกระเด็นออกไปติดกำแพงอย่างรุนแรง นี่คือความแตกอย่างอย่างงั้นเหรอ? อธิบายได้ว่ามันมีช่องว่างที่ไม่สามารถวัดค่าได้ระหว่างตัวพวกเขากับเย่เชียนนั่นเอง
เย่เชียนก็เช็ดมือและก้มลงช่วยพยุงเฉิงเหวินขึ้นมาแต่เฉิงเหวินซึ่งมีตาบวมมากจนไม่สามารถมองเห็นได้และเขาก็ยังคงปล่อยหมัดและตะโกนอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ดังนั้นเย่เชียนจึงใช้สันมือตอกเข้าไปที่ท้ายทอยของเฉิงเหวินและในทันใดนั้นเฉิงเหวินก็สลบไป หลังจากช่วยพยุงเฉิงเหวินขึ้นมานั่งที่เก้าอี้แล้วเย่เชียนก็พูดว่า “พักผ่อนไปก่อนก็แล้วกัน”
การปรากฏตัวของเฉิงเหวินในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา ถึงแม้ว่ามันจะไม่อันตรายถึงชีวิตแต่เย่เชียนก็เชื่อว่าเมื่อเฉิงเหวินจะตื่นขึ้นมาเขาอาจจะป่วยหนักแต่ถ้าเขาสามารถแก้ไขความเครียดแค้นและสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจของเขาได้มันก็คุ้มค่า
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ฉันต้องตาย..เย่เชียน..แกเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ซะเถอะ!” หม่าซานเหอพูด “ถึงแม้ฉันจะตายฉันก็จะดึงแกลงหลุมไปด้วย!” ทันทีที่เสียงจบลงหม่าซานเหอก็วิ่งออกไปพร้อมกับมีด ซึ่งเป้าหมายนั้นไม่ใช่ปืนพกแต่เป็นระเบิดของหลัวจ้าน ซึ่งไม่สงสัยเลยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรและแน่นอนว่าระเบิดที่หลัวจ้านผูกเอาไว้กับเอวนั้นเป็นของจริง ถ้าหม่าซานเหอชนกับวัตถุระเบิดเหล่านั้นจะไม่มีใครในห้องประชุมนี้รอดชีวิตไปได้เลย
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เย่เชียนก็หันกลับมาและแสงสีแดงเลือดก็แวบผ่านสายตาของทุกคน “อ๊า…” ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของหม่าซานเหอในช่วงเวลาสั้นๆและพบว่ามีมีดสีแดงเลือดปักเข้าไปที่ข้อมือของหม่าซานเหอและน่าแปลกที่มันเป็นมีดคลื่นโลหิต เมื่อเย่หานหลินเห็นมีดเล่มนี้เขาก็ตกตะลึง หลังจากใช้เวลาอยู่ในบ้านตระกูลเย่มาเป็นเวลานานเขาก็เคยเห็นอาวุธที่เย่เจิ้งหรานใช้มาตั้งแต่ตอนที่ตนยังเป็นเด็ก อย่างไรก็ตามด้วยการตายของเย่เจิ้งหรานนั้นทุกคนก็รู้ดีว่าฉีจือเต๋าเล่มนี้ได้หายสาบสูญไป ท้ายที่สุดแล้วมันกลับมาปรากฏอยู่ในมือของเย่เชียนจนเย่หานหลินคิดว่าบางทีทั้งหมดนี้ถูกชะตาฟ้ากำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
มีดบินของเย่เชียนนั้นแม่นยำอย่างมากและถึงแม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับอู๋หวนเฟิงก็ตามแต่เขาก็ได้เรียนรู้มาจากอู๋หวนเฟิงมาเป็นเวลานาน ประกอบกับความแข็งแกร่งของศิลปะการต่อสู้ตำรับโบราณเป็นรากฐานจึงทำให้พลังก็เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยธรรมชาติ คลื่นโลหิตที่เจาะเข้าไปที่ข้อมือของหม่าซานเหอนั้นมันไม่ได้เพียงแต่เจาะเข้าผิวหนังของหม่าซานเหอเท่านั้นเพราะมันเจาะแม้กระทั่งผนังห้อง ดังนั้นข้อมือของหม่าซานเหอจึงถูกตอกเข้ากับผนังห้องอย่างสมบูรณ์และสร้างความเจ็บปวดอย่างมหาศาลทำให้หม่าซานเหอจนเขาสั่นไปทั่วทั้งตัวและมีเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากของเขาพร้อมกับเลือดที่หยดลงพื้นทีละหยด
อย่างไรก็ตามหม่าซานเหอก็ยังไม่ยอมแพ้ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจตายไปพร้อมเย่เชียน ถึงแม้ว่ามือขวาของเขาจะถูกตอกติดกับผนังก็ตามแต่หม่าซานเหอก็ยังคงใช้มือซ้ายยื่นออกไปหยิบปืนพกที่พื้น
เย่เชียนก็พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณไม่รู้จักยอมแพ้จริงๆทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว” ทันทีที่เสียงนั้นจบลงเย่เชียนก็หยิบปากกาลูกลื่นขึ้นมาแล้วหันกลับมาแล้วปามันออกไปอย่างรวดเร็วราวกับตะเกียบไม้ไผ่เพราะมันสามารถเจาะเข้าไปในร่างกายของศัตรูได้อย่างราบรื่นและปากกาลูกลื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ในเวลานี้หม่าชานเหอก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งเพราะปากกาลูกลื่นก็เจาะเข้าไปที่ข้อมือของเขาแต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนมีดคลื่นโลหิตและมันก็ไม่ได้เจาะเข้าไปในผนัง
อย่างไรก็ตามเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนตกใจเพราะนอกจากเย่หานหลินแล้วก็ไม่มีใครในที่นี้เคยเห็นใครที่สามารถใช้ปากกาลูกลื่นเป็นมีดขว้างเจาะเข้าไปข้างในร่างของมนุษย์ได้ บอดี้การ์ดเหล่านี้ก็ไม่เคยเห็นเย่เชียนมาก่อนเพราะงั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกกลัวเลยแต่ตอนนี้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าความคิดก่อนหน้านี้ของพวกเขาไร้เดียงสาเพียงใดและยังคิดที่จะกำจัดเย่เชียนอีก ซึ่งในตอนนี้พวกเขาคิดเพียงว่าพวกเขานั้นเดินมาหาความตายด้วยตัวเอง
จากนั้นเย่เชียนก็กลับมาที่ที่นั่งและนั่งลงแล้วหยิบบุหรี่มวนมาใส่ปากของเขาแล้วเหลือบมองไปที่ลูกน้องของหม่าซานเหอและพูดว่า “ตอนนี้พวกนายมีอยู่แค่สองทางเลือก..ทางเลือกแรกมันก็ขึ้นอยู่กับพวกนายว่าจะรักศักดิ์ศรีของตัวเองจนต้องยอมตายตามหม่าซานเหอมั้ย..ส่วนทางเลือกที่สองคือยอมรับในสิ่งที่ทำลงไปแล้วฉันจะคิดซะว่าเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นและเราจะเป็นพี่น้องกันในอนาคต..ฉันรู้ว่าพวกนายก็แค่ทำตามคำสั่งของหม่าซานเหอเพราะงั้นฉันจะไม่โทษพวกนาย..พวกนายควรรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปแต่พวกนายก็ยังไม่ได้สร้างปัญหาใดๆเพราะงั้นมันยังสามารถให้อภัยได้อยู่..พวกนายตัดสินใจกันเองก็แล้วกันว่าต้องการเลือกแบบไหน”
ลูกน้องของหม่าซานเหอก็มองหน้ากันจากนั้น “พรึบ” พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “พวกเรายินดีที่จะยอมรับการลงโทษครับ” ไม่จำเป็นต้องพูดเพราะคำตอบของพวกเขาก็เห็นได้จากการกระทำแล้ว
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเพราะอันที่จริงคนเหล่านี้ไม่ผิดเพราะพวกเขาแค่ทำตามคำสั่งมันก็เหมือนการต่อสู้ในสงคราม ที่ไม่ใช่ความผิดของทหารแต่เป็นความผิดของนักการเมืองนั่นเอง ทหารก็แค่ทำหน้าที่ของตนอย่างไรก็ตามเนื่องจากคุณได้ทำมันคุณต้องมีความกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำ ทหารในสนามรบต้องมีจิตสำนึกแห่งความตายและจิตสำนึกในการเสียสละทุกเมื่อ เช่นเดียวกับพวกเขาเนื่องจากพวกเขาได้ติดตามหม่าซานเหอเพื่อทำสิ่งนี้พวกเขาก็ควรจะมีความกล้าที่จะรับผลที่ตามมา
เมื่อมองไปที่เหล่าการ์ดของบริษัทแล้วเย่เชียนก็พูดอย่างช้าๆว่า “ฉันรู้ว่าพวกนายไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้และฉันก็รู้ว่าตอนนี้พวกนายกำลังคิดอะไรกันอยู่..อันที่จริงแล้วพวกนายก็ไม่อยากที่จะทำแบบนี้กันนักหรอกเพราะพวกนายไม่มีคุณสมบัติและความสามารถมากพอที่จะทำอะไรฉัน”
.