ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 810 เรื่องราวของหยานซื่อฉุย
ตอนที่ 810 เรื่องราวของหยานซื่อฉุย
ในฐานะที่เป็นศิษย์เองของตู้ฟู่เหว่ยผู้นำสำนักม่อจื๊อนั้นหยานซื่อฉุยได้สืบทอดพรสวรรค์ที่แท้จริงของตู้ฟู่เหว่ยมาทั้งหมดและมีทักษะการต่อสู้ที่ดีมาก ตามที่เย่เชียนพูดว่าจิตของหยานซื่อฉุยนั้นผิดปกติไปแต่ความผิดปกตินี้ทำให้เธอไม่มีความคิดที่รบกวนใจใดๆมากเกินไปเหมือนคนทั่วๆไป ดังนั้นเธอจึงสามารถมีสมาธิกับศิลปะการต่อสู้เพื่อบรรลุความสำเร็จดั่งเช่นวันนี้ได้
ในสำนักม่อจื๊อนั้นหยานซื่อฉุยถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุดของเหล่าลูกศิษย์ในสำนัก แต่เย่เชียนนั้นได้ฝึกฝนขัดเกล่าได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยานซื่อฉุยเลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงของพลังปราณที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาอย่างเต็มที่เลยสักครั้ง หากใช้มันได้อย่างสมบูรณ์แบบล่ะก็พลังทำลายล้างอันทรงพลังของปราณนี้จะน่ากลัวอย่างมาก เพราะแม้แต่เย่เจิ้งหรานปรมาจารย์อันดับหนึ่งของตระกูลเย่ที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์ทั่วทุกมุมโลกมานับไม่ถ้วนก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังปราณนี้ได้เลย ซึ่งนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกว่าพลังนี้แข็งแกร่งเพียงใด หากเย่เชียนสามารถใช้มันได้อย่างสมบูรณ์เมื่อไหร่ล่ะก็เย่เชียนจะกลายเป็นสุดยอดนักสู้ของโลกใบนี้
เมื่อเห็นว่าหยานซื่อฉุยตั้งใจที่จะฆ่าเย่เชียนจริงๆหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็เหลือบมองเย่เชียนจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ตรงหน้าของเย่เชียนแล้วมองไปที่หยานซื่อฉุยแล้วพูดว่า “เย่เชียนเป็นเพื่อนของฉันเพราะงั้นก็ช่วยไว้หน้าฉันหน่อย..เรื่องของวันนี้จงลืมมันไปซะ!”
เมื่อหยานซื่อฉุยเข้าร่วมสำนักม่อจื๊อในตอนนี้สาวกฝ่ายธรรมะและอธรรมต่างก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองกันแล้ว แต่หยานซื่อฉุยก็รู้จักหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเป็นอย่างดีว่าเขาเป็นใคร เมื่อได้ยินเช่นนั้นการแสดงออกของหยานซื่อฉุยก็เปลี่ยนไปและเธอก็พูดว่า “คุณคิดที่จะเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆงั้นเหรอ?”
“เขาเป็นเพื่อนของฉันเพราะงั้นฉันไม่สามารถปล่อยให้เขาเป็นอะไรต่อหน้าฉันได้..ฉันไม่สนใจความขัดแย้งระหว่างพวกเธอทั้งสองและวันนี้ฉันก็ไม่อนุญาตให้เกิดปัญหาอะไรใดๆทั้งนั้น..นี่อยู่ภายใต้การควบคุมของฉันเพราะงั้นฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“คุณต้องล้อเล่นอยู่แน่ๆ” หยานซื่อฉุยพูด “ผู้อาวุโสหวงฟู่คุณต้องคิดให้ดีก่อนนะว่าถ้าคุณปกป้องเขาคุณก็จะเป็นศัตรูของสำนักม่อจื๊อและสาวกแห่งความมืดทั้งหมด..ฉันไม่คิดว่าผู้อาวุโสหวงฟู่ต้องการกระตุ้นสงครามระหว่างสาวกแห่งแสงกับสาวกแห่งความมืดอีกครั้งใช่มั้ย?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยานซื่อฉุยแล้วม่อหลงก็ถึงกับตัวสั่นและลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าเพราะครั้งก่อนสาวกฝ่ายอธรรมได้ก่อกบฏซึ่งนำไปสู่สงครามภายในของสำนักม่อจื๊อเป็นสาเหตุให้ครอบครัวของม่อหลงทั้งหมดเสียชีวิตหลังจากสงครามการต่อสู้ครั้งนั้น ความเกลียดชังของม่อหลงที่มีต่อสาวกฝ่ายอธรรมนั้นรุนแรงมากแต่เป็นเพราะเย่เชียนกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นได้ระงับความโกรธของเขาและขอให้เขาอดทนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะรีบบุกไปที่ตั้งของสำนักม่อจื๊อเพื่อแก้แค้นแล้ว แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับสาวกฝ่ายอธรรมต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ม่อหลงก็ไม่สามารถปิดกั้นความเกลียดชังของเขาได้อีกต่อไปและระเบิดออกมาทันที
หยานซื่อฉุยก็รู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าที่พุ่งพล่านเข้ามาหาเธอได้อย่างชัดเจนและอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมอง ซึ่งหลังจากเห็นม่อหลงการแสดงออกของหยานซื่อฉุยก็เปลี่ยนไปเป็นตกตะลึง อย่างไรก็ตามเธอไม่มีความกลัวใดๆเลยแต่กลับมีเพียงรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้กลัวม่อหลงเลย
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าวหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะเพราะถ้าหยานซื่อฉุยรู้จักตัวตนของม่อหลงล่ะก็เธอจะต้องแจ้งเรื่องนี้กับตู้ฟู่เหว่ยอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นอันตรายมากหากเป็นกรณีนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะต้องฆ่าหยานซื่อฉุยทิ้งเท่านั้นแต่สิ่งนี้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆได้เลย ด้วยอำนาจและอิทธิพลของสาวกม่อจื๊อในปัจจุบันแล้วสำนักม่อจื๊อไม่มีทางไม่รู้เลยว่าหยานซื่อฉุยนั้นถูกเขาฆ่าตายมือของเขาเอง เมื่อนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็จะโกรธและสาวกฝ่ายอธรรมทั้งหมดก็จะตอบโต้และในขณะนั้นม่อหลงก็จะไม่สามารถต้านทานได้เลย
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รีบขยิบตาให้ม่อหลงและหลังจากนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็มองไปที่หยานซื่อฉุยแล้วพูดว่า “แม้ว่าสาวกแห่งแสงจะถอนตัวออกจากสำนักม่อจื๊อไปแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะกลัว..เรื่องในวันนี้อยู่ในการดูแลของฉันเพราะงั้นใครจะถูกหรือผิดฉันเชื่อว่าเธอน่าจะรู้ดีกว่าฉัน..กลับไปบอกอาจารย์ของเธอซะว่าพวกเราไม่ต้องการจุดชนวนสงครามระหว่างสาวกทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง..แต่ถ้าฝ่ายนั้นยังยืนกรานที่จะก่อสงครามพวกฉันก็ไม่กลัว”
ถึงหยานซื่อฉุยที่เพิ่งจะปะทะกับเย่เชียนไปเมื่อครู่นี้จะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่แขนของเธอก็รู้สึกชาเนื่องจากพลังปราณของเย่เชียนปะทะเข้ากับพลังปราณของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็มีหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอยู่ด้วยดังนั้นหยานซื่อฉุยจึงไม่กล้าทำอะไรมากเกินไปและไม่ว่าศิลปะการต่อสู้ของเธอจะสูงแค่ไหนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมากและที่สำคัญถ้าหากตู้ฟูเหว่ยรู้ว่าเธอกำลังยั่วยุการต่อสู้ระหว่างสาวกทั้งสองฝ่ายล่ะก็เขาจะตำหนิเธออย่างรุนแรง
ถึงแม้ว่าความขัดแย้งภายในของสำนักม่อจื๊อจะจบลงด้วยการที่สาวกอธรรมเป็นฝ่ายชนะแต่ตู้ฟู่เหว่ยเองก็ชัดเจนมากว่าสาวกของฝ่ายธรรมะนั้นไม่ได้พ่ายแพ้จริงๆแต่พวกเขาแค่ไม่ต้องการอยู่ในสงครามการต่อสู้ที่ยืดเยื้อแบบนี้อีกต่อไปและทำให้ทั้งคู่แพ้ ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง ดังนั้นหากสาวกทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอีกครั้งใครจะชนะและแพ้ก็คาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ นี่เป็นเหตุผลที่สาวกฝ่ายอธรรมรู้ถึงการมีอยู่ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแต่พวกเขาไม่ได้จัดการกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพราะพวกเขากลัวการจุดชนวนสงครามของทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง
“ได้!..ฉันจะนำประโยคนี้ไปบอกอาจารย์ของฉัน” หยานซื่อฉุยพูด จากนั้นเขาก็หันไปเหลือบมองเย่เชียนแล้วพูด “เย่เชียน!..จำเอาไว้นะว่ามันไม่มีใครอยู่เคียงข้างนายเพื่อปกป้องนายได้ทุกครั้งหรอก..แล้วเราจะได้พบกันใหม่!”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “เมื่อพวกเราพบกันคราวหน้าฉันจะเอาฝ่ามือนี้กลับคืนไปให้เธอ”
หยานซื่อฉุยก็ยิ้มเบาๆและไม่ได้พูดอะไรใดๆจากนั้นเธอก็หันหลังเดินออกจากโรงแรมไป
หลังจากมองหยานซื่อฉุยเดินออกไปหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็หันไปชำเลืองมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “ไอ้เด็กบ้านี่เอ็งรู้มั้ยว่าเอ็งเกือบทำให้เกิดปัญหาใหญ่แล้ว..ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เธอคงจะฆ่าเอ็งไปแล้ว..ฉันเกรงว่าเอ็งคงจะไม่มีชีวิตที่ดีในอนาคตอีกต่อไปแล้ว..ฉันคิดว่าแผนการของเราคงต้องเร่งดำเนินการได้แล้ว”
แผนการอะไร? แน่นอนว่ามันเป็นแผนการที่จะช่วยให้ม่อหลงฟื้นฟูสำนักม่อจื๊อขึ้นมาอีกครั้ง
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ผมจะไปรู้มั้ยว่าแผนการอะไร..ว่าแต่ปู่อยู่ที่สำนักม่อจื๊อมานานเพราะงั้นปู่ก็น่าจะรู้ว่าทำไมหยานซื่อฉุยถึงได้กลายเป็นแบบนี้ใช่มั้ย?..ทำไมเธอถึงเกลียดผู้ชายมากขนาดนี้”
“เรื่องนี้มันยาว..เอาเถอะรีบไปนั่งที่โต๊ะกันก่อนเดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังเอง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
เมื่อพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะกันแล้วม่อหลงก็ยังไม่สามารถคลายความโกรธแค้นได้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อเขาเห็นหยานซื่อฉุยในตอนนี้ความเกลียดชังของเขาก็ถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้งและเมื่อมองไปที่ม่อหลงแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าขนาดผมเองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย..ถ้าพี่ไปสู้กับเธอตอนนี้มันก็มีแต่ทางตันเท่านั้นแหละ..มองจากสถานการณ์โดยรวมพวกเราต้องอดทนเอาไว้ก่อนรู้มั้ย”
ม่อหลงนั้นเป็นคนที่มีความอดทนสูงแต่เขาไม่สามารถควบคุมความแค้นต่อศัตรูที่ฆ่าครอบครัวของเขาไปได้ แน่นอนว่าเขารู้ช่องว่างระหว่างตัวเองกับหยานซื่อฉุยดี ดังนั้นม่อหลงจึงพยักหน้าและสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์แล้วนั่งลง
จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองชายหนุ่มข้างๆม่อหลงพลางกลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ผมไม่นึกเลยว่าพี่จะสนิทกับตาเฒ่าคนนี้..ทำไมพี่ถึงได้มาที่ปักกิ่งล่ะ?..ว่าแต่มีข่าวเกี่ยวกับหลินฟานบ้างมั้ย?”
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นเพราะเขาเป็นผู้นำขององค์กรนักฆ่าอย่างเซเว่นคิลที่เป็นที่รู้จักในโลกแห่งนักฆ่าและเป็นที่รู้จักในนามเจ้าแห่งนักฆ่า เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “มีข่าวบางอย่างที่ปักกิ่งเพราะงั้นจึงต้องมาสืบด้วยตัวเองแต่มันกลับไม่มีเบาะแสใดๆเลยเพราะงั้นฉันจึงขอความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการหวงฟู่น่ะ”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะหลินเฟิงก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อนฉันขอถามอะไรหน่อย..เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครทักษะของเขาดีมาก..ขนาดนายเองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย”
“เด็กหนุ่ม?” เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “เธอเป็นผู้หญิงเธอไม่ใช่ผู้ชาย..นี่พี่หลินมีปัญหาในการมองเห็นหรือเปล่า”
หลินเฟิงกับม่อหลงก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปชั่วขณะหนึ่งและเห็นได้ชัดว่ารู้สึกประหลาดใจเพราะพวกเขานั้นไม่ได้คาดคิดเลยว่าหยานซื่อฉุยจะเป็นผู้หญิง อย่างไรก็ตามหากคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับรูปร่างและวาจาการพูดของหยานซื่อฉุยแล้วก็ดูมีเค้าโครงของผู้หญิงอยู่บ้างโดยเฉพาะสะโพก ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สะโพกของผู้ชาย
“เอาเถอะปู่เข้าเรื่องกันได้แล้ว..ทำไมหยานซื่อฉุยถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้” เย่เชียนถามหลังจากหันไปมองหวงฟู่ชิงเตี๋ยน
“ที่จริงแล้วเธอเป็นเด็กที่น่าสงสารมาก” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนที่เธอยังเล็กเธอมักจะเห็นพ่อของเธอทุบตีแม่ของเธอเป็นประจำรวมทั้งตัวเธอด้วยจากนั้นแม่ของเธอก็กอดเธอ..เธอคิดมาเสมอว่าพ่อของเธอไม่ใช่มนุษย์..วันแล้ววันเล่าพ่อของเธอก็ไม่เลิกนิสัยนั้นและทุบตีเธอและแม่ของเธอมาโดยตลอด..ในที่สุดวันหนึ่งแม่ของเธอก็ถูกพ่อของเธอทุบตีจนตายทั้งเป็นและในคืนนั้นเองขณะที่พ่อของเธอหลับอยู่เธอได้ใช้มีดทำครัวแทงพ่อจนตายและเธอยังตัดหัวพ่อของเธอออกอีกด้วย..ต่อมาเธอถูกตู้ฟู่เหว่ยรับเป็นศิษย์แต่หลังจากนั้นเธอก็เกลียดผู้ชายมากจนทำให้จิตบิดเบี้ยว..ซึ่งภายในใจของเธอมีเพียงตู้ฟู่เหว่ยผู้เป็นอาจารย์ของเธอเท่านั้นที่เธอมองว่าเป็นผู้ชายที่ดี..ดังนั้นเมื่อเจอเธอในอนาคตอย่าไปยั่วโมโหเธอแบบนั้นอีก..ถ้าเธอบ้าคลั่งขึ้นมาเมื่อไหร่มันจะไม่มีใครควบคุมเธอได้..เธอก็ตกเป็นเหยื่อของโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายสำหรับเด็กผู้หญิงจริงๆ!”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าหยานซื่อฉุยจะมีอดีตแบบนี้ อย่างไรก็ตามความสามารถในการฆ่าพ่อของตัวเองและตัดหัวออกมาแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้โหดร้ายเพียงใด หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ถามว่า “เธออายุเท่าไหร่ตอนที่เกิดเรื่องนั้น?”
“อายุแปดขวบ!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนตอบ
เย่เชียนก็ถึงกับจุกอยู่ในอกเพราะเด็กอายุแปดขวบสามารถฆ่าผู้ใหญ่ได้และคนนั้นยังเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดอีก นี่แสดงให้เห็นว่าหัวใจของผู้หญิงคนนี้เย็นชาจริงๆ อย่างไรก็ตามในอีกมุมมองหนึ่งเธอมีหัวใจของความเป็นมนุษย์เช่นกัน