ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 816 ไร้เหตุผล
ตอนที่ 816 ไร้เหตุผล
ทุกคนล้วนมีหลักการเป็นของตัวเองและถึงแม้ว่าในสายตาของผู้อื่นหลักการของเขาอาจดูไร้สาระและไร้เหตุผลไปหน่อยแต่สำหรับตัวเองแล้วนี่คือมาตรฐานในการใช้ชีวิตจริงๆ ซึ่งความขัดแย้งระหว่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและฮัวหยาซินนั้นคือความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ที่แตกต่างกันดังนั้นเป็นการดีกว่าที่จะบอกว่าหลักการและความคิดของพวกเขาแตกต่างโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามทุกคนย่อมมีวิถีทางเป็นของตัวเองดังนั้นหากยอมเห็นด้วยกับคนอื่นทั้งๆที่ไม่เต็มใจคนๆก็จะสูญเสียความเป็นตัวเองไปและสุดท้ายก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง อันที่จริงทั้งสองก็ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกันเลยถ้าหากพวกเขาอดทนและอดกลั้นต่อข้อบกพร่องของกันและกันและยอมกันบางเรื่อง แต่ทว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับฮัวหยาซินนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใครเพราะฉะนั้นถึงจะรักกันแต่พวกเขาก็ยังคงเกลียดกันมาเสมอ
เย่เชียนนั้นเป็นคนที่รู้จักกตัญญูและถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่เคยถามเย่เชียนหรืออะไรก็ตามแต่ในใจของเย่เชียนนั้นเขาชัดเจนว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมากและต้องตอบแทนความกตัญญูนี้ในสักวันหนึ่ง ซึ่งนี่คือหลักการแลกเปลี่ยนพื้นฐานที่สุดของการเป็นมนุษย์ ดังนั้นเย่เชียนก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อคืนบุญคุณนี้ให้กับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนด้วยการแก้ไขเรื่องระหว่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับฮัวหยาซิน แต่เย่เชียนก็ต้องจัดการอย่างระมัดระวังเพราะอันที่จริงมันพูดง่ายแต่จะทำนั้นยาก ยิ่งไปกว่านั้นมันก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาสองคนอีกด้วย
หลังจากนึกถึงผ้าเช็ดหน้าที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนมอบให้แล้วแล้วก็ดูเหมือนจะมีความคิดบางอย่างแต่เขาก็ยังต้องคิดให้รอบคอบพราะท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์ปัจจุบันของเขาก็อันตรายมากตามที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหูวเค่อบอกว่าฮัวหยาซินนั้นไม่ใช่คนง่ายๆและไม่ได้อารมณ์ดีหรือผ่อนคลายเหมือนคนอื่นนัก ดังนั้นหากครั้งนี้เย่เชียนไม่ได้จัดการอย่างรอบคอบแล้วตระกูลเย่ก็จะเสื่อมเสียเกียรติและจะไม่มีจุดยืนอีกต่อไปจากนั้นเย่เชียนก็จะรับมือได้อย่างยากลำบาก
อย่างไรก็ตามตามข้อมูลเกี่ยวกับบุคลิกของฮัวหยาซินนั้นก็มาจากคนอื่นและถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือไม่ก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็ต้องค้นหาและเผชิญหน้าด้วยตัวเองอยู่ดี
ขณะพูดคุยกันทั้งสองก็เดินมาถึงห้องโถงแล้วและนี่คือสถานที่การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตำราโบราณที่สืบทอดมานับพันปีและสถาปัตยกรรมแห่งนี้ก็ได้รับการตกแต่งแบบโบราณ ซึ่งที่บ้านของตระกูลเย่เองก็เป็นเช่นนี้เหมือนๆกับสำนักหยุนหยานเหมินโดยภายในห้องโถงก็ทำมาจากไม้ทั้งหมดและถึงแม้ว่าในหลายๆแห่งจะมีผุพังบ้างแต่ก็ยังแข็งแรงมากอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าห้องโถงได้รับการปรับปรุงและทาสีไม้ใหม่เพราะตอนนี้มีกลิ่นของสีอยู่บ้าง
ระหว่างทางเย่เชียนไม่เห็นเหล่าลูกศิษย์ของสำนักหยุนหยานเหมินเลยแต่เมื่อเขากำลังจะเข้าไปที่ห้องโถงเขาก็เขาได้ยินเสียงของเหล็กจากอาวุธกระทบกันและเสียงตะโกนของคนจำนวนมากและเย่เชียนก็คิดว่าเสียงเหล่านั้นน่าจะเป็นเหล่าลูกศิษย์ของสำนักหยุนหยานเหมินที่กำลังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อยู่
“นั่งรอก่อนเดี๋ยวฉันจะไปบอกอาจารย์ว่าคุณมาแล้ว” หูวเค่อหันไปเหลือบมองเย่เชียนแล้วพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆจากนั้นหูวเค่อก็เดินออกไปทางประตูด้านข้างทันทีและไม่นานเขาก็เห็นหูเค่อและหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามา ซึ่งเธอดูสง่างามราวกับหญิงสาวในวัยสามสิบต้นๆเท่านั้นแต่เนื่องจากเธอและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมีความสัมพันธ์กันดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าอายุจริงของเธอคงจะไม่ใช่เช่นนั้น
ใบหน้าของฮัวหยาซินนั้นปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกจนทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปใกล้เธอและท่าทางของเธอก็ดูเย็นชามากราวกับว่าถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินจนอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา จากนั้นเธอก็เดินไปที่ตรงกลางของห้องแล้วนั่งลงจากนั้นฮัวหยาซินก็เหลือบมองเย่เชียนอย่างแผ่วเบาจากนั้นหูวเค่อก็มองตามไปและเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เข้าใจและลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบแล้วทำความเคารพจากนั้นก็พูดว่า “ผมเย่เชียนมาตามคำสั่งของผู้อาวุโสของตระกูลเย่..ผมมาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมเจ้าสำนักแห่งสำนักหยุนหยานเหมิน..ส่วนนี่คือผู้ติดตามของผมเย่หานหลิน”
ฮัวหยาซินก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณคือเย่เชียน?”ไอรีนโนเวล
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับความหมายของการแสดงออกและคำพูดของฮัวหยาซิน แต่เขาก็ตอบอย่างสุภาพว่า “ใช่ครับ..ผมเป็นลูกของเย่เจิ้งหราน”
ฮัวหยาซินก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าตระกูลเย่จะไม่มีปรมาจารย์เลยตั้งแต่เย่เจิ้งหรานเสียไป..ส่วนรุ่นลูกรุ่นหลานก็ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์เลย..เมื่อสมัยที่พ่อของคุณอายุเท่าๆคุณเขาน่ะเขาคือนักสู้ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะฮัวหยาซินก็พูดต่อ “ครั้งล่าสุดที่ปู่ของคุณจัดงานฉลองวันเกิดของเขาฉันก็ไม่ได้ไปได้อวยพรด้วยตัวเอง..ไม่ทราบว่าปู่ของคุณไม่พอใจหรือเปล่า?”
เย่เชียนพูด “แค่อาจารย์ฮัวส่งลูกศิษย์ไปอวยพรท่านปู่แค่นั้นท่านก็ยินดีอย่างยิ่งแล้ว..ท่านปู่จึงให้ผมมาเยี่ยมเยียนท่านในครั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณอาจารย์ฮัว..แต่ว่าผมมีเรื่องที่จะแจ้งให้อาจารย์ฮัวทราบเรื่องที่ลูกศิษย์ของคุณไป”
“เกิดอะไรขึ้น?” ฮัวหยาซินถามทันที
“ระหว่างงานเลี้ยงฉลองวันเกิด…” ก่อนที่เย่เชียนจะพูดจบฮัวหยาซินก็ขัดจังหวะเขาโดยการพูดว่า “เดี๋ยวก่อน..สำนักหยุนหยานเหมินของเราชื่นชมศิลปะการต่อสู้ของตระกูลเย่มาเป็นเวลานานแล้ว..ย้อนกลับไปเมื่อสมัยก่อนพ่อของคุณเย่เจิ้งหรานผ่านการต่อสู้มามากมายแต่น่าเสียดายที่ฉันยังไม่เคยได้ประลองฝีมือกับเขาเลยสักครั้ง..ซึ่งนี่นับเป็นความเสียใจอย่างใหญ่หลวงในชีวิต แต่ตอนนี้ฉันได้พบผู้สืบทอดของเราแล้ว..เพราะฉะนั้นฉันในฐานะเจ้าสำนักหยุนหยานเหมินผู้นี้จึงต้องการเห็นฝีมือทายาทของเย่เจิ้งหรานผู้เป็นตำนาน..ไม่ทราบว่าคุณคิดยังไงบ้าง?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและเขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะฮัวหยาซินคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆและไม่เล่นตามไฟ่ในมือของเขาเลยและมันค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลเพราะเขานั้นเป็นแขกของเธอแต่เธอกลับต้องการที่จะท้าทายเช่นนี้ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ความจริงก็คือผมพลัดพรากจากตระกูลเย่ไปตั้งแต่วัยเด็กและอยู่ในสังคมโลกภายนอกมานานกว่ายี่สิบปีและเพิ่งจะไม่นานมานี้เองที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของพ่อ..เพราะงั้นผมจึงไม่ได้สืบทอดศิลปะการต่อสู้ของพ่อหรือแม้แต่ของตระกูลเย่เลยแม้แต่น้อย..แต่สำนักหยุนหยานเหมินเป็นที่เคารพนับถือของทุกๆคนเพราะงั้นลูกๆหลานๆอย่างผมจะกล้าท้าทายสำนักหยุนหยานเหมินได้อย่างไร”
แน่นอนว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นไม่ใช่การเยินยอแต่เป็นการทำให้ฮัวหยาซินภูมิใจในการวางตัวของเขาและนี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเย่เชียน ซึ่งหูวเค่อเองก็ตกตะลึงเช่นกันเพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมฮัวหยาซินถึงได้ท้าทายเย่เชียนโดยไร้เหตุผลเพราะแม้แต่เธอเองเย่เชียนก็ยังสู้เธอไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับฮัวหยาซินผู้นั้น?
“อย่างคำกล่าวที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเสมอ..คุณถ่อมตัวเกินไปหรือเปล่า?” ฮัวหยาซินพูด “แน่นอนว่าคุณสู้ฉันไม่ได้อยู่แล้ว..ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะไม่ว่าฉันรังแกคนที่อ่อนแอกว่าหรอกหรือ?” ใหญ่และที่สำคัญถ้าผู้เล่นหลักแพ้ เขาไม่เสียหน้าเหรอ?”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเข้าหากันและคิดเรื่องนี้อยู่ในใจเพราะไม่ว่าฮัวหยาซินจะไร้เหตุผลเพียงใดแต่เขาก็เป็นแขกรับเชิญ นอกจากนี้มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำให้สำนัdหยุนหยานเหมินต้องเสียหน้าหรอกใช่มั้ย? แน่นอนว่านี่ต้องมีคนที่ยุยงให้เกิดความเข้าใจผิดและนอกจากซงเจิ้งหยวนแล้วเย่เชียนก็ไม่สามารถนึกถึงใครได้อีก “คุณอย่ามาดูถูกสำนักหยุนหยานเหมินของเรานะ..แต่ก็นะเราเป็นแค่สำนักเล็กๆโรงเรียนเล็กๆและครอบครัวเล็กๆเท่านั้นเอง” ฮัวหยาซินพูด
หูวเค่อที่อยู่ข้างๆดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและเมื่อเธอต้องการจะพูดฮัวหยาซินก็หันศีรษะและจ้องมองไปที่เธอจนหูวเค่อต้องกลืนสิ่งที่เธอกำลังจะพูดลงไป ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนแล้วและต้องเป็นซงเจิ้งหยวนที่ยุยงให้เข้าใจผิดและใส่ร้ายป้ายสีเย่เชียน เมื่อคิดเช่นนั้นหูวเค่อก็แอบดุด่าสาปแช่งซงเจิ้งหยวนอย่างโกรธเคืองและรอที่จะเข้าไปให้บทเรียนเขาไม่ไหวแล้ว แต่เธอรู้ว่านิสัยและบุคลิกของอาจารย์ของเธอนั้นจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดถ้าเธอตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว แน่นอนว่าเหตุการณ์ได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้วและไม่ว่าเย่เชียนจะชนะหรือแพ้เขาก็ไร้ผู้สนับสนุนโดยสิ้นเชิง
“ผมเคยมาที่สำนักหยุนหยานเหมินมาก่อนและไม่เคยพบอาจารย์ฮัวเลยสักครั้ง..ผมไม่รู้จริงๆว่าผมไปอะไรทำให้คุณขุ่นเคืองใจ..ผมไม่เคยพูดคำที่ไม่สุภาพต่อสำนักหยุนหยานเหมินและเขาไม่รู้ว่ามีใครคนไหนพยายามใส่ร้ายป้ายสีหรือเปล่า..แต่คนเฒ่าคนแก่อย่างคุณกลับสับสนและเชื่อคำเหล่านั้นทั้งๆที่ไม่มีมูลความจริงมาก่อน..นี่คือวิธีที่สำนักหยุนหยานเหมินปฏิบัติต่อแขกอย่างงั้นเหรอ?” เย่เชียนสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ยังไงก็เถอะตามที่อาจารย์ฮัวพูด..ในเมื่อคุณต้องการแบบนั้นผมเองก็อยากที่จะรู้ว่าสำนักหยุนหยานเหมินนั้นจะเก่งแค่ไหนกันเชียว”
เย่เชียนไม่ใช่คนประเภทที่แสดงออกถึงความอ่อนแอและยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะเขาคือตัวแทนของตระกูลเย่ทั้งตระกูล ซึ่งถ้าหากเขาทำเขาก็จะสามารถหาข้อแก้ตัวทุกรูปแบบเพื่อหลบเลี่ยงและเขาก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบมาเสมอเพื่อเบี่ยงเบนสายตาของผู้อื่น แต่ตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของตระกูลเย่ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทนต่อการยั่วยุเช่นนี้ได้ นอกจากนี้ฮัวหยาซินก็ดูเหมือนจะกล่าวหากันเกินไปดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้ โดยไม่ต้องสงสัยเลยเพราะในตอนนี้เย่เชียนนั้นไม่คิดที่จะถอยหรือก้มหัวให้ใครอีกต่อไปแล้วเพราะนี่คือเย่เชียนผู้ที่จะแสดงจุดยืนของเขาให้ผู้อื่นเห็น
ใบหน้าของฮัวหยาซินก็เปลี่ยนไปและเธอก็ดูโกรธมาก ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินใครบางคนเรียกตัวเองว่า “คนเฒ่าคนแก่” จนเธอถึงกับตกตะลึง ซึ่งไม่ว่าผู้หญิงจะอายุเท่าไหร่ก็ตามแต่พวกเธอก็ยังอยากที่จะดูเยาว์วัยอยู่เสมอและหวังให้คนอื่นๆบอกว่าเธอยังเด็กและยังสวยอยู่ แน่นอนว่าฮัวหยาซินเองก็ไม่มีข้อยกเว้นและนอกจากนี้เธอเองก็ยังดูไม่แก่ถึงขนาดนั้น
หูวเค่อที่อยู่ข้างๆก็ถึงกับผงะเพราะเธอไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะพูดจาขวานผ่าซากออกมาเช่นนี้ เมื่อเห็นท่าทีของฮัวหยาซินแล้วก็เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแล้วหูวเค่อจะกล้าได้อย่างไร หูวเค่อจึงคุกเข่าลงอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ท่านอาจารย์คะ..ฉันขอโทษแทนเย่เชียนด้วย..ฉันหวังว่าอาจารย์จะปล่อยผ่านสักครั้งและยกโทษให้เขา”
“เค่อเอ๋อ..ฉันรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับเธอดี!” ฮัวหยาซิน “เค่อเอ๋อ..ฉันผิดหวังในตัวเธอมาก..ในฐานะอาจารย์แล้วฉันไม่เข้าใจว่าพ่อหนุ่มคนนี้มีดีอะไรทำไมเธอถึงได้หลงรักเขา?..ในสำนักหยุนหยานเหมินของเรามีผู้ชายที่ดีกว่าเขาตั้งเยอะตั้งแยะแล้วทำไมเธอถึงไม่เลือก?..ฉันภูมิใจในตัวเธอมาโดยตลอดฉันจึงฝึกฝนเธอจนเธอเป็นอยู่ทุกวันนี้..แต่ตอนนี้ฉันผิดหวังมากจริงๆ”