ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 818 เตือน
ตอนที่ 818 เตือน
แม้ว่าฮัวหยาซินจะไม่ฟังใครและอาจพูดได้ว่าเธอไร้เหตุผลอย่างมากแต่การกระทำของเย่เชียนทำให้เธอต้องประหลาดใจอย่างมาก ถึงแม้ว่าในสายตาของคนอื่นๆจะดูเหมือนว่าเธอชนะแต่เธอย่อมรู้ดีกว่าใครและนั่นถือว่าได้เป็นการเสมอกันต่อให้เย่เชียนจะได้รับบาดเจ็บก็เถอะ
การที่คนอายุเท่าเย่เชียนจะสามารถบรรลุความสำเร็จดังกล่าวได้นั้นฮัวหยาซินก็ต้องแปลกใจเพราะดูเหมือนว่าจะมีคนอื่นในตระกูลเย่ที่มีพรสวรรค์และยอดเยี่ยมกว่าเย่เจิ้งหรานเกิดขึ้นแล้ว ถึงฮัวหยาซินจะไม่ฟังใครและสายตาสั้นขนาดไหนก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้และไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าอะไรถูกหรือผิด ซึ่งเรื่องที่ซงเจิ้งหยวนทำสิ่งที่น่ารังเกียจโดยการไปที่บ้านของตระกูลเย่แล้วพยายามที่จะแย่งชิงฉีจือเต๋านั้นเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งมันเป็นแผนการของซงเจิ้งหยวนแต่เพียงผู้เดียวแต่ตระกูลเย่นั้นกลับไม่ได้คิดที่จะจับซงเจิ้งหยวนเอาไว้ในทันทีเพราะถ้าหากเป็นกรณีนั้นชื่อเสียงของสำนักหยุนหยานเหมินก็จะถูกทำลาย แต่ทว่าตระกูลเย่กลับเลือกที่จะส่งเย่เชียนมาเพื่อปรึกษาเรื่องนี้กับตัวเองก่อนเช่นนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีบางอย่างอยู่ในนั้นและเป็นการหวังดีต่อสำนักหยุนหยานเหมิน
ฮัวหยาซินนั้นไม่ได้โง่เพราะหลังจากเห็นการแสดงออกของซงเจิ้งหยวนแล้วเธอก็คิดอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจด้วยความโกรธและหันไปมองซงเจิ้งหยวนแล้วพูดว่า “อะไรนะ?..เอ็งจะไม่ฟังที่ฉันพูดแล้วเหรอ?..ฉันบอกให้ปล่อยพวกเขาไป”
ซงเจิ้งหยวนก็ตกตะลึงครู่หนึ่งและเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฮัวหยาซินถึงทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขาก็โบกมือเพื่อให้เหล่าลูกศิษย์ของสำนักหยุนหยานเหมินให้ทำตามคำสั่งของฮัวหยาซิน จากนั้นฮัวหยาซินก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “บอกฉันทีว่าเธอฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณตำราไหน?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งเพราะก่อนหน้านี้เย่หานหลินเป็นคนทำให้ฮัวหยาซินได้รับบาดเจ็บและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่เพราะเย่หานหลินเพราะขอบเขตศิลปะการต่อสู้ของเย่หานหลินก็อยู่แค่ระดับสองเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะฮัวหยาซินได้ “ผมเองก็ไม่รู้..แต่นี่เป็นวิธีการฝึกฝนที่พ่อของผมทิ้งเอาไว้ให้..ผมแค่ทำตามที่ตำราบันทึกเอาไว้..ผมเองก็ไม่รู้ว่าศิลปะการต่อสู้ตำราโบราณนั้นแท้ที่จริงมันคืออะไร” เย่เชียนพูด
ฮัวหยาซินก็ขมวดคิ้วและมองไปที่เย่เชียนและรู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหก หลังจากหยุดไปชั่วขณะฮัวหยาซินก็ถามว่า “เธอฝึกศิลปะการต่อสู้ตำราโบราณมานานแค่ไหนแล้ว?”
“ผมเริ่มฝึกเมื่อสองปีที่แล้ว” เย่เชียนตอบตามจริงโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อยและก็ไม่มีอะไรน่าปกปิด นอกจากนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่ตรงกันข้ามมันเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การโอ้อวดเพราะลองนึกภาพคนที่ฝึกฝนมาไม่ถึงสามปีจะสามารถบรรลุความสำเร็จแบบเดียวกับเย่เชียนได้สักกี่คน? เกรงว่าคงจะไม่มีอีกแล้วเพราะแม้แต่เย่เจิ้งหรานผู้มีพรสวรรค์ก็ไม่สามารถบรรลุผลดังกล่าวได้ ซึ่งความสำเร็จของเย่เชียนในวันนี้มาจากโอกาสและความทะเยอทะยานล้วนๆ แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะพลังอันชั่วร้ายที่เย่เจิ้งหรานกับพระนิรนามที่ผนึกพลังดังกล่าวเอาไว้ในร่างกายของเย่เชียนล่ะก็เขาคงจะไม่สามารถพัฒนาได้เร็วถึงขนาดนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮัวหยาซินก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งและหันไปเหลือบมองหูวเค่อ ซึ่งเมื่อเห็นว่าหูวเค่อพยักหน้าเธอก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะคนที่ฝึกฝนมาน้อยกว่าสามปีกลับสามารถเผชิญหน้ากับตัวเองได้? หากคนแบบนี้ยังคงพัฒนาและฝึกฝนไปอีกภายในสองปีข้างหน้าเกรงว่าเธอเองก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยก็เป็นได้
ฮัวหยาซินก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “จริงอยู่ที่ลูกไม้มักจะหล่นไม่ไกลต้นแต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย..ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้ภูมิใจในตัวเขานัก..ที่แท้เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าอยู่นี่เอง”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเคารพในคำพูดของคุณเสมอแต่ผมจะไม่กลัวการยั่วยุของใครๆ..ก่อนที่ผมจะมาที่สำนักหยุนหยานเหมินมีคนเตือนผมว่าคุณเป็นคนจริงจังและเคร่งเครียดกับคำพูดอยู่เสมอผมเลยต้องรับมืออย่างระมัดระวัง..ผมคิดเสมอว่า ตราบใดที่ผมยังปฏิบัติต่อคุณอย่างสุภาพผมก็เชื่อว่าอาจารย์ฮัวก็จะสุภาพกับผม..แต่คุณกลับไร้เหตุผลเกินไป..ตอนนี้ผมคิดว่าคุณก็น่าจะรู้แล้วนะว่าใครถูกใครผิดและจะให้ความยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันนี้..ผมจะรายงานตามความจริงให้ท่านปู่ทราบและความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเย่กับสำนักหยุนหยานเหมินในอนาคตจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม”
“กล้านักนะ..อาจารย์ของฉันอุตส่าปล่อยผ่านแต่แกยังกล้าปากดีอยู่อีก..แกมันก็ดีแต่ปาก!”ไอรีนโนเวล
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮัวหยาซินก็ขมวดคิ้วและเธอก็คิดว่าเย่เชียนนั้นไม่ธรรมดาเลยเพราะเมื่อเขาได้เปรียบเขาก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสที่ดีหลุดลอยไปอย่างแน่นอน
เย่เชียนก็หัวเราะอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “หึๆ..ซงเจิ้งหยวนอย่ามาตะโกนใส่ฉัน!..ถ้าฉันกลัวนายวันนี้ฉันก็คงจะไม่มาที่นี่หรอก..กลับกันนายเองที่ต้องเป็นฝ่ายกลัวฉัน!” ที่งานฉลองวันเกิดที่บ้านของตระกูลเย่น่ะถ้าแม่ของฉันไม่ห้ามฉันเอาล่ะก็ฉันคงฆ่านายไปนานแล้ว..นายคิดว่านายจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงตอนนี้งั้นเหรอ?..ยังไงซะในอนาคตนายก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดีล่ะ..ฉันหมดความอดทนกับคนอย่างนายแล้ว”
“แกข่มขู่ฉันงั้นเหรอ?” ท้ายที่สุดซงเจิ้งหยวนก็เหมือนยืนอยู่ที่สนามหลังบ้านของตัวเองดังนั้นเขาจึงปราศจากความกลัวแล้วพูดว่า “ชีวิตของแกอยู่ในกำมือของฉัน..เชื่อมั้ยว่าตราบใดที่ฉันออกคำสั่งแกก็จะกลายเป็นศพทันที?”
“ซงเจิ้งหยวนรู้มั้ยทำไมเค่อเอ๋อถึงไม่ชอบนาย..นั่นก็เพราะว่านายไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย..ถ้านายมีความสามารถจริงเราก็มาสู้กันตัวต่อตัวไปเลยสิ..นายกลัวฉันงั้นเหรอ?..อย่าปฏิเสธว่าแกไม่อยากสู้กับฉัน..ถ้าฉันเป็นนายฉันคงขายหน้าจนไม่กล้ามองหน้าใครในสำนักแล้ว” เย่เชียนพูด
เมื่อพูดถึงการทะเลาะวิวาทหรือจิตวิทยานั้นซงเจิ้งหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อย เย่เชียนนั้นอยู่ในโลกภายนอกมานานหลายปีและเขาก็ไม่เคยถือว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษเลย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนชั้นสูง แต่ซงเจิ้งหยวนนั้นแตกต่างออกไปเพราะเขาคิดว่าเขสได้รับการเลี้ยงดูเป็นพิเศษกว่าใครๆตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กและต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนต่อหน้าพี่น้องเหล่านี้และอาจารย์
ดวงตาของซงเจิ้งหยวนก็วาววับไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงและยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เย่เชียนเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับฮัวหยาซินดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะฆ่าเย่เชียนเพราะในอนาคตเย่เชียนจะกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับเขาอย่างนอน ถึงแม้ว่าซงเจิ้งหยวนจะฆ่าเย่เชียนที่นี่แต่เขาก็เชื่อว่าอาจารย์จะไม่โทษหรือตำหนิเขา
เมื่อซงเจิ้งหยวนกำลังจะทำอะไรบางอย่างหูวเค่อก็รีบพูดออกมาว่า “ศิษย์พี่ฉันขอเตือนให้คุณล้มเลิกความคิดนั้นของคุณ..ไม่งั้นก็อย่าโทษฉันที่ไม่สนใจความเป็นพี่น้องของเรา” เห็นได้ชัดว่าหูวเค่อรู้ถึงความคิดอันชั่วร้ายของซงเจิ้งหยวน แน่นอนว่าถ้าเป็นสถานการณ์ปกติหูวเค่อก็ไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซงแต่ทว่าตอนนี้เย่เชียนได้รับบาดเจ็บและเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซงเจิ้งหยวนในเวลานี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ฮัวหยาซินก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่เพราะอันที่จริงแล้วเธอก็หวังมาเสมอที่จะให้หูวเค่อกับซงเจิ้งหยวนใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในอนาคตเพราะหูวเค่อนั้นจะเป็นผู้สืบทอดของสำนักหยุนหยานเหมินทายาทส่วนซงเจิ้งหยวนก็เป็นศิษย์เอกของสำนัก ดังนั้นหากทั้งสองสามารถอยู่ร่วมกันได้พวกเขาก็จะสามารถร่วมมือกันในอนาคตเพื่อขับเคลื่อนสำนักหยุนหยานเหมินให้ไปสู่ความรุ่งโรจน์ อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วซงเจิ้งหยวนเหมือนจะไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว
“หยุดได้แล้ว!” ฮัวหยาซินพูด “เค่อเอ๋อส่งพวกเขาไปพักผ่อนกันก่อนแล้วเราจะคุยเรื่องนี้กันวันหลัง” จากนั้นเธอก็หันไปมองซงเจิ้งหยวนแล้วพูดว่า “เจิ้งหยวนมากับฉัน..ฉันมีอะไรที่อยากจะคุยกับเอ็ง” หลังจากพูดจบเธอก็ไม่สนใจเย่เชียนและเดินตรงไปที่สวนหลังศาลาทันที ส่วนซงเจิ้งหยวนก็เหลือบมองเย่เชียนอย่างโกรธเกรี้ยวและรีบตามไป
หูวเค่อก็เดินไปข้างๆเย่เชียนและมองดูเขาอย่างดุร้ายแล้วพูดว่า “คุณกำลังหาเรื่องตายอยู่งั้นหรอ?..ก่อนหน้านี้ฉันเตือนคุณอย่างชัดเจนแล้วว่าคุณจะต้องอดทนไม่ว่าจะเจออะไรก็ตามแต่คุณกลับทำแบบนี้?..รู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน..ถ้าอาจารย์ของฉันจะฆ่าคุณจริงๆเธอคงจะทำไปแล้ว” ดวงตาของหูวเค่อเต็มไปด้วยน้ำตาโดยไม่สมัครใจและเธอก็ดูหมดเรี่ยวแรงอย่างมาก
“คุณเองก็เห็นไม่ใช่หรอว่าอาจารย์ของคุณต้องการยั่วโมโหผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า..ถ้าผมยอมเกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูลเย่จะเป็นยังไงต่อไป?..นอกจากนี้คุณไม่เชื่อในตัวสามีของคุณได้ยังไง?” เย่เชียนพูด “ผม..อะ..อะ..อะ” เย่เชียนอดสำลักคำพูดไม่ได้
หูวเค่อรีบตบหลังของเขาและพูดว่า “อย่าเพิ่งฝืนเลยตอนนี้..ว่าแต่เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น..อาจารย์ของฉันเธอเป็นอะไรทำไมเธอถึงได้โดนโจมตีแบบนั้น” หูวเค่อเหลือบมองเย่หานหลินและถามด้วยความประหลาดใจ
เย่หานหลินเองก็สูญเสียเพราะเขาก็ยังคงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่และเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น แต่เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมจะไปรู้หรอ..ก็อาจารย์ของคุณทำร้ายผมเพราะงั้นหานหลินก็เลยปกป้องผมตามปกติน่ะ..ถ้าอยากรู้ทำไมไม่ลองไปถามอาจารย์ของคุณล่ะ..ผมคิดว่าเธอน่าจะรู้ดีที่สุด”
เมื่อเห็นการแสดงออกของเย่เชียนแล้วหูวเค่อก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นไม่รู้จริงๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ถามเพิ่มเติมและพูดว่า “ฉันจะพาคุณไปที่ห้องรับแขกเพื่อพักผ่อนก่อนแล้วฉันจะหาแพทย์มาตรวจดูอาการของคุณ..ไม่ว่าอาการบาดเจ็บจะร้ายแรงหรือไม่ก็ตามแต่ฝ่ามือของอาจารย์ก็ไม่ใช่ธรรมดาๆอย่างแน่นอนอย่าประมาทเด็ดขาด..คอยสังเกตอาการของตัวเองให้ดี”
“คุณจะไปกับผมหรือเปล่า” เย่เชียนเขย่าแขนของหูวเค่อด้วยท่าทางที่อ้อนวอนแล้วพูดว่า “ถ้าคุณไม่มากับผมแล้วผมจะรู้สึกโล่งใจได้ยังไง”
หูวเค่อก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ลุงของฉันเขาเป็นแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียง..ไปให้เขาดูเถอะเพราะมันดีสำหรับคุณเอง..ฉันจะต้องรีบไปหาอาจารย์เพื่อคุยกันเรื่องเมื่อครู่นี้”