ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 820 คนซื่อ
ตอนที่ 820 คนซื่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของเหมิงฉีแล้วเย่เชียนก็พึงพอใจมากเพราะดูเหมือนว่าถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเอาชนะปรมาจารย์มานับไม่ถ้วนในโลกใบนี้แต่เขาก็ยังคงรักษาคุณธรรมอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นผู้คนจำนวนมากจึงยังจดจำเขาได้หลังจากที่เขาตายไปแล้ว ซึ่งคนส่วนมากกล้าที่จะยอมรับว่าพวกเขาพ่ายแพ้ให้แก่เย่เจิ้งหรานและยินดีอย่างยิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยได้ต่อสู้กับเขา
เหมิงฉีก็ค่อยๆปล่อยมือของเขาและพูดว่า “อาการบาดเจ็บของเอ็งไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเดี๋ยวฉันจะเตรียมยาเอาไว้ให้เอ็ง..จากนั้นเอ็งก็คอยบอกให้เค่อเอ๋อต้มยาให้กินและพักผ่อนสักสองสามวันก็หายแล้ว..เออใช่..เอ็งสามารถต้านทานการโจมของพี่สาวฉันได้จนเธอได้รับบาดเจ็บซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่ใครจะทำแบบนั้นได้..นี่สินะสายเลือดนักสู้ที่แท้จริง..ในอนาคตความสำเร็จของเอ็งอาจจะมากกว่าที่พ่อของเอ็งเคยทำเอาไว้ก็เป็นได้”
“ขอบคุณครับ” เย่เชียนพูดด้วยความจริงใจ ใครที่ให้เกียรติเรานั่นก็คือคนที่เราควรเคารพนี่คือหลักการพื้นฐานของการดำเนินชีวิตของเย่เชียน เหมิงฉีนั้นเป็นคนตรงไปตรงมามากและมันไม่ง่ายเลยที่จะเผชิญกับความล้มเหลวของเขาอย่างใจเย็นและยอมรับมันด้วยความยินดี
“เอ็งไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน..ฉันมาที่นี่เพราะเค่อเอ๋อน่ะฮ่าๆ” เหมิงฉีหัวเราะและพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวของฉันถึงได้โจมตีเอ็งแต่ก็นะเธอเป็นคนอารมณ์ร้อนอย่าแปลกใจไปเลย..จริงๆแล้วเธอไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น..เอาเถอะถ้าเอ็งมีอะไรอยากให้ฉันช่วยก็พูดกับฉันตรงๆได้เลย..ฉันยินดีช่วยเพราะเห็นแก่พ่อของเอ็ง”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเหมืองฉีก็พูดต่อ “หลังจากการต่อสู้กับพ่อของเอ็งครั้งนั้นถึงแม้ว่าฉันจะแพ้แต่ฉันก็รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของเย่เจิ้งหรานพ่อของเอ็งล่ะก็ฉันคงไม่สามารถต้านทานได้ถึงนานขนาดนั้นเพราะถ้าเขาเอาจริงฉันคงจะตายไปแล้ว..นั่นถือได้ว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจและน้ำใจของนักสู้ตัวจริง..หลังจากนั้นพ่อของเอ็งก็ได้ให้คำแนะนำมากมายแก่ฉันซึ่งมันเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของฉันตั้งแต่นั้นมา”
“ได้เลยครับ..ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ยินดีที่จะช่วยเด็กๆอย่างผมก็จะบอกอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลา..แต่ผมเป็นคนหยาบๆบางทีผมอาจจะไม่เกรงใจนะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เหมิงฉีเองก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอ็งเป็นชายหนุ่มที่มีชีวิตชีวามาก..เอ็งดีกว่าคนเหล่านั้นที่เสแสร้งแกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อมและทำสิ่งที่สกปรกลับหลังมาก” จากนั้นเหมิงฉีก็หันไปเหลือบมองที่หูวเค่อแล้วพูดว่า “เค่อเอ๋อหนูเลือกแฟนได้ดีมาก..ลุงชอบเขาจริงๆ..ถ้าหนูมีอุปสรรคอะไรระหว่างอาจารย์ในอนาคตก็มาบอกลุงได้ลุงจะช่วยไปคุยให้..รู้มั้ยว่าพ่อหนุ่มคนนี่น่ะหาไม่ได้ง่ายๆนะ..รักษาเขาเอาไว้ดีๆล่ะ”
“ลุงคะอย่าไปมองภายนอกของเขาสิ..อันที่จริงเขาเป็นคนงี่เง่ามาก” เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หูวเค่อก็โกรธและตบหน้าเย่เชียนทันที
เหมิงฉีก็ถึงกับผงะแล้วเขาก็หัวเราะและพูดว่า “นี่เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาวฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก..เอาล่ะฉันขอไปเตรียมใบสั่งยาก่อน..พวกเอ็งสองคนสามารถเอาใบสั่งยาของฉันเพื่อไปหาซื้อยาได้..จากนั้นก็พักสักสองสามวันเดี๋ยวก็หาย” จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนมองเย่เชียนและพูดอีกครั้งว่า “หมั่นฝึกฝนต่อไป..ฉันหวังว่าเอ็งจะกลายเป็นดาวดวงใหม่แห่งโลกศิลปะการต่อสู้”
หลังจากพูดจบเหมิงฉีก็เดินออกไปส่วนหูวเค่อก็รีบตามและส่งเหมิงฉีกลับ ไม่นานหลังจากนั้นหูวเค่อก็หันหลังกลับนั่งลงข้างเย่เชียนและมองเขาอย่างดุเดือดแล้วพูดว่า “ดูสิคุณเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระอยู่ได้..โชคดีที่อาการบาดเจ็บของคุณไม่ร้ายแรงมาก..ถ้าคุณเป็นอะไรไปฉันจะอธิบายให้พี่สาวหยูและคนอื่นๆฟังได้ยังไง”
“ผมคือเย่เชียนผู้อมตะ..ผมรอดจากฝนกระสุนและพายุมีดดาบได้เสมอ..ผมจะไม่ตายง่ายๆอย่างนี้..มีคำกล่าวที่ว่าหายนะยังคงอยู่หลายพันปีเพื่อทำให้โลกสมดุล..ความหายนะของผมมันไม่ได้สูญสิ้นง่ายดายขนาดนั้นหรอก” เย่เชียนยิ้มและพูดต่อ “ยังไงก็ตามลุงของคุณแตกต่างจากอาจารย์ของคุณมาก..นี่มันเป็นอาการของวัยหมดประจำเดือนหรือไง..คุณอย่าเป็นแบบนี้นะเพราะถ้าคุณไม่ได้รับการรักษาที่ดีผมคงจะทุกข์ทรมานมากในอนาคต”
“ยังพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีก” หูวเค่อพูดพร้อมกับชำเลืองมองเย่เชียน “คุณช่วยพูดดีๆหน่อยจะได้ไหม..ก่อนมาที่นี่ฉันก็บอกคุณไปแล้วว่าอย่าพูดถึงผู้อำนวยการหวงฟู่แต่คุณก็ไม่ฟัง..โดนแบบนี้สมควรแล้วแหละ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะหูวเค่อก็พูดต่อ “ยังไงก็เถอะลุงเหมิงเป็นคนที่ใจดีที่สุดในสำนักหยุนหยานเหมินและเขาก็ไม่เคยคิดที่จะต่อสู้กับคนอื่นและมุ่งความสนใจไปที่ทักษะทางการแพทย์ของเขามาโดยตลอด..ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเขาก็คงจะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปแต่เป็นเพราะกฎของสำนักหยุนหยานเหมินนั้นผู้ที่จะเป็นเจ้าสำนักได้จะต้องเป็นสตรีเท่านั้น ปรมาจารย์ของนิกายตกทอดไปยังสตรีแต่ไม่ใช่สำหรับผู้ชาย ปรมาจารย์ต้องเป็นปรมาจารย์ของนิกายตามกังฟูของปรมาจารย์..แน่นอนว่าลุงเหมิงเองก็ให้คำแนะนำฉันมากมายเกี่ยวกับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้”
“ทำไมมันถึงผิดกฎ?..ทำไมผู้สืบทอดถึงเป็นผู้ชายไม่ได้?” เย่เชียนพูดและขดริมฝีปากของเขาเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ผมคิดว่าถ้าสำนักหยุนหยานอยู่ในมือของลุงเหมิงของคุณล่ะก็มันจะยอดเยี่ยมกว่านี้อย่างแน่นอน”
“ไม่หรอกเพราะลุงเหมิงไม่ได้สนใจในชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์..เขาไม่เคยมีเป้าหมายและความทะเยอทะยานที่จะต่อสู้เพราะงั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องดีถ้าสำนักหยุนหยานเหมินถูกมอบให้เขา” หูวเค่อพูด “มันก็ช่วยไม่ได้เพราะโลกแห่งศิลปะการต่อสู้มันถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนั้นเสมอ”
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก อันที่จริงเขาแค่พูดเพราะถึงแม้ว่าฮัวหยาซินจะไม่ฟังใครแต่บุคลิกของเหมิงฉีนั้นก็ไม่สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำได้ เนื่องจากผู้นำทุกคนจะต้องมีความทะเยอทะยานอย่างเด็ดขาดหรืออย่างน้อยก็ควรจะเด็ดขาดแน่วแน่ อย่างไรก็ตามเหมิงฉีกลับไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์และเขาก็หมกมุ่นอยู่กับทักษะทางการแพทย์ ดังนั้นการปล่อยให้เขาเป็นผู้นำหรือเจ้าสำนักหยุนหยานเหมินในอนาคตล่ะก็สำนักหยุนหยานเหมินอาจจะเปลี่ยนกลายเป็นสำนักแพทย์หรือศูนย์ทางการแพทย์ก็เป็นได้
“เอาเถอะ..คุณพักผ่อนให้เพียงพอและอย่าเดินไปไหนมาไหนล่ะ” หูวเค่อพูด “ฉันจะไปหาลุงเพื่อรับใบสั่งยา..จากนั้นฉันก็จะไปหาซื่อยาและแวะไปหาอาจารย์สักหน่อย..ฉันไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของอาจารย์เป็นยังไงบ้าง..ฉันไม่ค่อยสบายใจ”
“ไปเถอะ..ผมไม่ไปไหนหรอก..นอกจากนี้ผมเองก็เบื่อแล้วว่าจะมีใครมารบกวนผม..ผมขี้เกียจวุ่นวาย” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
หูวเค่อก็หันไปเหลือบมองเย่หานหลินแล้วเดินออกไป ดวงตาของเย่หานหลินนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเย่หานหลินเป็นคนทำให้ฮัวหยาซินได้รับบาดเจ็บดังนั้นหูวเค่อจึงรู้สึกประหลาดใจและอดสงสัยไม่ได้ก็เลยให้ความสนใจกับเขามากขึ้น
เมื่อมองดูหูวเค่อจากไปเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่เย่หานหลินแล้วพูดว่า “หานหลินนายไปพักผ่อนก่อนเถอะ..ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“โถ่บอสฉันสบายดี..ฉันไม่จำเป็นต้องพักผ่อน” เย่หานหลินพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “โถ่พวก..ฉันต้องพักผ่อนเพราะงั้นถ้านายยังมองมาที่ฉันแบบนี้ฉันจะพักผ่อนได้ยังไง”
“ไม่เป็นไรบอสไม่ต้องกังวลไป..บอสนอนไปเถอะฉันจะไม่รบกวน” เย่หานหลินพูดอย่างไม่ยอมลดละ
เย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นก็พูดว่า “แบบนั้นถ้าฉันนอนแก้ผ้าอยู่นายจะยังเต็มใจอยู่มั้ย?..ไปเถอะไปพักผ่อนซะ..ฉันต้องการทำสมาธิและต้องตรวจอาการบาดเจ็บของฉัน”
เย่หานหลินก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “ถ้างั้นบอสก็พักผ่อนให้เต็มที่แล้วถ้ามีอะไรก็โทรมาหาฉันได้ทันที” เย่หานหลินพูดและหลังจากที่เย่เชียนพยักหน้าแล้วเขาก็เดินออกไป
เมื่อเห็นเย่หานหลินเดินออกไปแล้วเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อนคนนี้เป็นไม่รู้กาลเทศะจริงๆและไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ ตอนนี้เย่เชียนแค่อยากจะอยู่กับหูวเค่อแต่เย่หานหลินกลับนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่พูดไม่จาจนเย่เชียนไม่รู้จะพูดยังไงกับเขาดีและไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆเพราะเย่เชียนไม่ได้มองว่าเย่หานหลินนั้นเลวร้ายแต่อย่างใดเลยเพราะเย่หานหลินยังมีประโยชน์อีกมากมายและอย่างน้อยๆเขาก็จริงใจอย่างมาก ขนาดภายใต้สถานการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เขากลับกล้าที่จะโจมตีฮัวหยาซินโดยไม่ลังเลซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์ความภักดีของเขา
เย่เชียนยังคงจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดีเพราะเมื่อฮัวหยาซินโจมตีเขาสิ่งที่เหมือนถั่วในบริเวณตันเถียนก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในอันตรายและมันก็ไม่เชื่อฟังเย่เชียนเลยเพราะมันเริ่มหมุนอย่างบ้าคลั่งจนพลังปราณท่วมท้นร่างกายของเย่เชียน ซึ่งถึงแม้ว่าปริมาณจะไม่มากนักแต่เย่เชียนก็สามารถรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังนั้นยิ่งใหญ่กว่าเมื่อก่อนมากและนอกจากนี้มันยังเป็นพลังที่บริสุทธิ์อีกด้วย
เย่เชียนรู้สึกว่าเขาต้องถามหูวเค่อว่าเธอเคยมีปรากฏการณ์เดียวกับเขาหรือไม่และถ้าเธอเคยเผชิญมีสิ่งนี้ในร่างกายของเธอนั้นเธอควบคุมมันได้อย่างไร
จากนั้นเย่เชียนก็นั่งลงบนเตียงและหลับตาและปรับลมหายใจและรู้สึกถึงการเต้นของถั่วเหลืองในตันเถียนเล็กน้อย จากนั้นก็พยายามดึงมันเพื่อปล่อยพลังปราณแต่หลังจากพยายามเป็นเวลานานดูเหมือนจะไม่มีการตอบสนองใดๆเลย เย่เชียนรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากเพราะดูเหมือนว่าถั่วเหลืองจะมีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง ดังนั้นมันจึงเพิกเฉยต่อการควบคุมของเย่เชียนและมันก็แกว่งไปมาไม่สนใจเย่เชียนเลย
“ไอ้บ้าเอ๊ยแกช่างร้ายกาจนักขนาดอยู่ในตัวของฉันแท้ๆ” เย่เชียนดุด่าอย่างโกรธเกรี้ยวและทำสมาธิมองเข้าไปข้างในทีละน้อยและพยายามทำให้มันหมุนเพราะเย่เชียนคิดว่าเมื่อสิ่งนี้ถูกหมุนมันน่าจะสามารถปลดปล่อยพลังปราณที่อยู่ภายในออกมาได้
เย่เชียนนั้นเป็นคนหัวแข็งและคล้ายกับเย่เจิ้งหรานจริงๆเพราะต่อให้สิ่งนั้นจะเป็นไปไม่ได้แต่เขาก็ยังต้องค้นหามันให้เจอ หลังจากลองผิดลองถูกในที่สุด “เมล็ดถั่วเหลืองนั้น” ดูเหมือนจะสัมผัสได้ดังนั้นเย่เชียนจึงเริ่มหมุนมันอย่างช้าๆและร่องรอยของพลังปราณก็ค่อยๆเอ่อล้นออกมาจากร่างกาย เช่นเดียวกับที่ฮัวหยาซินก่อนหน้านี้ซึ่งมันยังคงหมุนเป็นเกลียวและถึงแม้ว่าความเร็วจะไม่เร็วมากแต่ดูเหมือนว่าจะมีพลังอันมหาศาลอยู่ในนั้น
พลังปราณทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ในตันเถียนซึ่งสามารถพูดได้ว่าเป็นปริมาณมหาศาลแต่ตอนนี้สามารถมีได้เฉพาะในสิ่งที่มีขนาดเท่าถั่วเหลืองซึ่งเห็นได้ชัดว่าน้อยกว่ามากแต่เย่เชียนก็รู้สึกได้ชัดเจนว่ามันดีกว่าครั้งก่อนๆเพราะตอนนี้มันดูบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น และมีพลังมากขึ้นอีกมากซึ่งทำให้เย่เชียนมีความสุขมาก