ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 825 หมากล้อม
ตอนที่ 825 หมากล้อม
น่าอับอายและเป็นความอัปยศอย่างมาก เย่เชียนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าภูมิต้านทานเกี่ยวกับผู้หญิงของเขาจะอ่อนแอถึงขนาดนี้ ภายใต้การยั่วยวนอย่างสุดขีดของซ่งหลันเขายังสามารถนั่งลงและผ่อนคลายได้แต่ตอนนี้เขาเพียงแค่เหลือบมองที่เหยาซื่อฉีเพียงแค่เล็กน้อยแต่เลือดกำเดาของเขากลับไหลออกมาซึ่งน่าอายจริงๆ
“หืม..ทำไมช่วงนี้อากาศถึงร้อนจัง..มันร้อนมากจนเลือดกำเดาฉันไหลเลย” เย่เชียนนรีบเช็ดเลือดออกและมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็วและไม่กล้ามองอีกต่อไป
หูวเค่อนั้นมองเห็นทุกอย่างในสายตาของเธอโดยธรรมชาติและเธอก็ไม่เชื่อว่าเย่เชียนจะเลือดกำเดาไหลเพราะอากาศร้อนเพราะเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นมีความคิดที่ไม่ประสงค์ดี เมื่อเห็นเช่นนั้นเธอก็มองไปที่เย่เชียนอย่างดุร้ายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนเหยาซื่อฉีนั้นก็งุนงงโดยไม่รู้ว่าเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้และเธอก็ยังเอนตัวของเธอเข้าไปใกล้ๆเย่เชียนและเอื้อมมือไปเช็ดเลือดกำเดาของเขา
เย่เชียนนั้นไม่อยากเสียเลือดมากไปกว่านี้เขาจึงรีบถอยออกมาแล้วพูดว่า “นี่เธอจงใจยั่วยวนพี่เขยงั้นเหรอ..ฉันขอเตือนเอาไว้นะว่ายุคนี้กฎหมายมันร้ายแรงมาก..อยู่ให้ห่างจากฉันเดี๋ยวฉันเลือดกำเดามันจะไหลไม่หยุด!”
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะบอกตัวเองอย่างชัดเจนว่าจะไม่มองอีกต่อไปแต่เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมากกว่าเดิมและสถานการณ์ยิ่งแย่ลงจนเลือดกำเดาของเย่เชียนไม่มีทาทีที่จะหยุดไหลเลย
“เอาล่ะซื่อฉีเธอรีบเอาอาหารไปให้หานหลินซะเดี๋ยวเย่เชียนกับฉันจะไปหาอาจารย์” หูวเค่อพูด
“ก็ได้!” เหยาซื่อฉีตอบอย่างเฉยเมยแต่เธอก็ยังคงมองเย่เชียนอย่างไม่ลดละและหยิบอาหารทะเลสองจานแล้วเดินออกจากห้องครัวไป หลังจากออกไปข้างนอกเหยาซื่อฉีก็ฉีกยิ้มอย่างมีความสุขและมองลงไปที่หน้าอกของเธอราวกับว่าเธอกำลังอิ่มอกอิ่มใจและภูมิใจกับหน้าอกของเธอ
หลังจากที่เห็นเหยาซื่อฉีเดินออกไปหูวเค่อก็จ้องมองเย่เชียนอย่างดุเดือดและพูดว่า “คุณคิดบ้าอะไรของคุณอยู่กัน?..อย่าบอกนะว่าคุณกำลังคิดเรื่องแบบนั้นอยู่?..อย่าคิดแบบนั้นเด็ดขาดเพราะซื่อฉีเธอยังเด็กอยู่”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หืม..คุณหรือเปล่าที่เป็นเด็ก..ดูเธอสิเธอใหญ่กว่าคุณมากจนฉันเวียนหัวและเกือบจะเป็นลมเมื่อเห็นเธอ..ไม่เห็นหรอเลือดกำเดาผมไหลออกมาไม่หยุดเลย”
หูวเค่อก็มองเย่เชียนอย่างดุร้ายแล้วพูดว่า “คุณมันไร้ยางอาย..คุณเป็นถ้ำมองงั้นเหรอ..ยังไงก็เถอะคุณห้ามคิดไม่ดีไม่ร้ายกับซื่อฉีนะรู้มั้ย”
เย่เชียนก็พูดพลางสบถเล็กน้อยว่า “โถ่เอ้ยผมอดกลั้นไว้มานานเกินไปแล้วรู้มั้ย…ผู้ชายที่เก็บอาการเอาไว้มันจะไม่ดีต่อสุขภาพนะ..หรือคืนนี้คุณจะมาสนองความต้องการให้ผมดีล่ะ..ผมรอมานานมากแล้วนะ”
“ก็ดีเหมือนกันนะแต่ไม่ใช่คืนนี้” หูวเค่อพูดอย่างเขินอาย
“ทำไม..ประจำเดือนไม่มางั้นหรอ” เย่เชียนพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่นและเมื่อเห็นหูวเค่อพยักหน้าเย่เชียนก็แทบรอไม่ไหวที่จะตีเธอให้ตาย เพราะครั้งล่าสุดที่ประเทศญี่ปุ่นก็เช่นกันที่เขาไปหาซ่งหลันแต่เธอกลับปฏิเสธและตอนนี้หูวเค่อก็เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เย่เชียนรู้สึกเหมือนเขากำลังจะพังทลายลง
เมื่อเห็นท่าทางที่หงุดหงิดของเย่เชียนแล้วหูวเค่อก็ก้าวไปข้างหน้าและลูบแก้มของเขาแล้วพูดเบาๆว่า “คุณอดทนไปก่อนอีกสองวันนะ..หลังจากนั้นคุณจะทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ”
“คุณพูดแล้วนะ” เย่เชียนอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “ไปกันเถอะ..ไปหาอาจารย์ฮัวกัน..ผมมีเรื่องบางอย่างที่จะบอกเธอ”
“มีอะไรหรอ?” หูวเค่อถามด้วยความประหลาดใจ
“เดี๋ยวก็รู้..ไปกันเถอะ” เย่เชียนพูด
หูวเค่อเหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “อย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระล่ะ..ตอนนี้อาจารย์ของฉันดูจะประทับใจคุณแล้วเพราะงั้นอย่ายั่วโมโหท่านอีก”
“เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องได้รับการแก้ไข..นอกจากนี้ถ้าคุณไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นก็ควรจะตอบแทนเขาสิ..ผมจะทำให้ดีที่สุดและไม่ว่าจะทำได้หรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตของพวกเขาแล้ว” เย่เชียนพูด
หูวเค่อก็เหลือบมองเย่เชียนอย่างว่างเปล่า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าเขาต้องการทำอะไรแต่เธอก็ไม่ได้ถามต่อเพราะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เย่เชียนตัดสินใจได้ ซึ่งสิ่งเดียวที่เธอทำได้คือหวังว่าเย่เชียนจะทำได้ดีและเธอต้องไม่ปล่อยให้เย่เชียนขัดแย้งกับอาจารย์ของเธออีก
ทั้งสองนำอาหารทะเลที่เตรียมไว้แล้วเดินไปที่สวนหลังบ้าน จากระยะไกลพวกเขาเห็นฮัวหยาซินนั่งอยู่ในศาลาและมีกระดานหมากล้อมอยู่บนโต๊ะหิน เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีเกมระหว่างพวกเขา ซึ่งฮัวหยาซินนั้นก็ไม่ได้เล่นหมากล้อมมานาน
เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารฮัวหยาซินก็ตกตะลึงและเธอก็เงยหน้าขึ้นเห็นเย่เชียนกับหูวเค่อเดินมาพร้อมกับอาหารทะเลสองสามจานและใบหน้าของเธอดูประหลาดใจมากเพราะฮัวหยาซินเองก็ชอบอาหารทะเลมาตั้งแต่ยังเด็กเพราะพื้นเพถิ่นกำเนิดของเธอมาจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลของมณฑลเจ้อเจียง หลังจากเข้าร่วมกับสำนักหยุนหยานเหมินแล้วเธอก็ไม่ค่อยได้กลับไปยังบ้านเกิดนัก ดังนั้นเธอจึงชอบอาหารทะเลมาโดยตลอดแต่ทว่าพ่อครัวประจำสำนักหยุนหยานเหมินนั้นไม่สามารถเข้าถึงรสชาติที่แท้จริงได้
“ท่านอาจารย์” “อาจารย์ฮัว” หูวเค่อและเย่เชียนทำความเคารพพร้อมกัน
ฮัวหยาซินก็พยักหน้าเล็กน้อยและถามด้วยความประหลาดใจว่า “พวกเธอ…”
“ท่านอาจารย์อาหารเหล่านี้ล้วนถูกปรุงโดยเย่เชียน..เมื่อเขารู้ว่าอาจารย์ชอบอาหารทะเลเขาจึงปรุงมันมาเป็นพิเศษและขอให้อาจารย์ลองชิมมัน” หูวเค่อพูด
“เขาทำมันเองทั้งหมเลยเหรอ?” ฮัวหยาซินเหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดและดูไม่มั่นใจ
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อตอนที่ผมยังเด็กผมอดอยากและจนมากผมก็เลยชอบทำอาหารกินเองเป็นพิเศษ..ตอนที่ผมอยู่ในแถบทะเลแคริบเบียนผมก็ได้เรียนรู้จากภูมิปัญญาคนในท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงหลายคนเป็นพิเศษ..จากนั้นพ่อครัวแม่ครัวก็คิดค้นสูตรลับและพัฒนาสูตรเอง..ผมไม่รู้ว่ารสชาติของมันจะถูกปากอาจารย์ฮัวหรือเปล่า..ผมได้ยินมาว่าอาจารย์ฮัวมาจากชายฝั่งเจ้อเจียงและมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับอาหารทะเลเป็นพิเศษเพราะงั้นผมก็หวังว่าอาจารย์ฮัวจะให้คำแนะนำกับผมด้วย”
ฮัวหยาซินพยักหน้าเล็กน้อยและดวงตาของเธอก็หันไปที่กระดานหมากล้อมอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเธอลังเลซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็วางจานบนโต๊ะหินและเขาก็พาหูวเค่อไปนั่ง หูวเค่อนั้นรู้ว่าฮัวหยาซินชื่อชอบเกมกระดานหมากล้อมเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าหากเธอมีส่วนร่วมในการแข่งขันล่ะก็เธอคงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศอย่างแน่นอน นี่เป็นเพราะคนอย่างฮัวหยาซินมีเพียงความชอบแค่นั้นแต่เธอไม่ได้อยากที่จะแข่งขันใดๆ ซึ่งหูวเค่อนั้นก็ไม่กล้าที่จะรบกวนเธอดังนั้นเธอจึงนั่งอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เย่เชียนก็หน้าลงไปเหลือบมองที่กระดานหมากล้อมจากนั้นยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า “คุณจะไปสี่หรือสาม”
ฮัวหยาซินก็ตกตะลึงครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็มองลงไปที่กระดานหมากล้อมแล้วค่อยๆวางตัวหมากของเธอและในทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าดวงตาของเธอสว่างขึ้นเพราะสถานการณ์ทั้งหมดผลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือและเธอก็ตกใจจากนั้นเธอจึงหันไปมองที่เย่เชียนอีกครั้งแล้วพูดว่า “เธอเล่นหมากล้อมด้วยเหรอ?..ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าคนหนุ่มสาวอย่างเธอจะยังมีคนที่เล่นหมากล้อมอยู่”
“ผมได้เรียนรู้มาจากอาจารย์ของผมเล็กๆน้อยๆน่ะเพราะงั้นผมจึงสามารถเห็นวิธีการแก้เกมได้อย่างรวดเร็ว..การสิ้นสุดของเกมรอบนี้เรียกว่าทฤษฎี..’ โจ่วเทียนชิงโต่ว’ ..ที่จริงแล้วมันเหมือนกับการรุกแต่ผู้เล่นมักจะหลงกลได้ง่ายๆและบางคนก็ถึงกับต้องลังเลเมื่อเจอทฤษฎีนี้..ผมเชื่อว่าตราบใดที่อาจารย์ฮัวสามารถทำสมาธิได้คุณจะสามารถชนะได้อย่างแน่นอน” เย่เชียนพูด
“โจ่วเทียนชิงโต่ว..เป็นทฤษฎีและแผนการเล่นที่ยอดเยี่ยมมาก” ฮัวหยาซินพูด “เธอสนใจที่จะเล่นกับฉันในเกมต่อไปหรือเปล่า?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่ออาจารย์ฮัวชวนผมจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง..แต่ผมมีเงื่อนไขอยู่สองอย่างและผมก็หวังว่าอาจารย์ฮัวจะเห็นด้วย”
“พูดมาสิ” ฮัวหยาซินพูด
“ผมกับเค่อเอ๋อยังไม่ได้กินข้าวเลยและเราก็หิวกันแล้ว..เพราะงั้นพวกเรามากินข้าวกันด้วยมั้ย?” เย่เชียนพูด
“ไม่มีปัญหา” ฮัวหยาซินพูดก็ผงะเล็กน้อยและพูดว่า “แล้วมีอะไรอีก?”
“ผมอยากเล่นหมากล้อมตาบอดกับอาจารย์ฮัว..ผมไม่รู้ว่าอาจารย์ฮัวจะสะดวกมั้ย” เย่เชียนพูด
“หมากล้อมตาบอด?” ฮัวหยาซินพูดผงะเล็กน้อยและพูดด้วยความประหลาดใจ
“หมากล้อมตาบอดคืออะไร” หูวเค่อถามด้วยความประหลาดใจ
“ในกระดานมีหมากอยู่สามร้อยหกสิบเอ็ดชิ้น.แบ่งออกเป็นสีดำหนึ่งร้อยแปดสิบชิ้นและสีขาวอีกหนึ่งร้อยแปดสิบชิ้นเพราะงั้นแต่ละคนต้องจดจำรูปแบบการวางของตัวเองให้ครบถ้วน” ฮัวหยาซินพูด
หูวเค่อก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความตกตะลึงและเธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลย เธอไม่เคยรู้เลยว่าเย่เชียนนั้นเล่นหมากล้อมเป็นซึ่งอันที่จริงแล้วเย่เชียนนั้นรู้ดีเกี่ยวกับความสามารถและทักษะหมากล้อมของเขาดีเพราะหลังจากเล่นกับหลินจินไท่มาหลายครั้งเย่เชียนก็เผชิญกับรูปแบบการเล่นมาหลายแบบ..แน่นอนว่าถ้าหากแข่งกันตรงๆทักษะของเย่เชียนอาจจะสู้ฮัวหยาซินพูดไม่ได้แต่ถ้าเขาเล่นหมากรุกด้วยความทรงจำของเขาเองในกรณีพิเศษแล้วเย่เชียนก็จะสามารถใช้ความคิดและความจำได้อย่างราบรื่นและปล่อยให้ฮัวหยาซินพูดตกลงเข้าไปในกับดักนี้ ไม่เล่นนั้นเย่เชียนจะต้องแพ้ให้กับฮัวหยาซินพูดอย่างแน่นอน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฮัวหยาซินพูดก็พูดว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยเล่นหมากล้อมตาบอดมาก่อนแต่มันก็ค่อนข้างแปลกใหม่..เอาสิแต่เค่อเอ๋อต้องเล่นด้วยนะ”
หูวเค่อก็ตอบตกลง จากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากเสื้อเพื่อปิดตา ในขณะนี้ฮัวหยาซินพูดก็ถึงกับตกตะลึงและเธอก็จ้องมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าอย่างใกล้ชิดและแอบคิดในใจ “ทำไมมันถึงเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ล่ะ?” อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหมากล้อมคือการทำสมาธิ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอก็เหมือนคนตาบอดถ้าเธอไม่ระวังเธอจะจำการเคลื่อนไหวของตัวเองและการเคลื่อนไหวของคนอื่นไม่ได้และเธอคงจะต้องพ่ายแพ้
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆฮัวหยาซินพูดก็พยายามรักษาอารมณ์และสมาธิของเธอและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่คิดถึงมันจากนั้นเธอก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากเสื้อและปิดตาของเธอแล้วพูดว่า “ใครจะเริ่มก่อน”
“ผมเป็นแขกที่มาเยือนแดังนั้นผมควรเป็นคนแรกที่เริ่มเกมก่อน..คุณคิดว่าไง?” เย่เชียนยิ้มจางๆแล้วพูด การเล่นหมากล้อมนั้นไม่สำคัญว่าคนที่เริ่มก่อนจะเป็นฝ่ายชนะหรือได้เปรียบเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องสัมผัสการเคลื่อนไหวของหมากรุกจากทั้งทุกฝ่าย