ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 827 ทำเท่าที่ทำได้
ตอนที่ 827 ทำเท่าที่ทำได้
เย่เชียนนั้นเป็นคนที่รู้จักหวงฟู่ชิงเตี๋ยนดีที่สุดเพราะเขารู้มาเสมอว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนห่วงใยเขาและถึงแม้ว่าเขาจะทำตัวไม่ค่อยดีในทุกๆครั้งที่พบหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแต่เขาก็รู้ดีว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นหวังดีกับเขาเสมอ ต่อให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะมีความคิดแบบไหนก็ตามแต่ความจริงก็คือหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นคอยช่วยเหลือเขาทุกครั้งและไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
นานแล้วที่เย่เชียนไม่รู้ว่าจะตอบแทนหงฟู่ชิงเตี๋ยนด้วยวิธีใดเพราะเย่เชียนไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเช่นนี้ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งหากเกิดปัญหาอะไรเขาจะรู้สึกอึดอัดใจและรู้สึกว่าฉันเป็นหนี้บุญคุณหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไปตลอด
ตั้งแต่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและฮัวหยาซินแล้วเย่เชียนก็ต้องการที่จะแก้ปมในใจของพวกเขาทั้งสองและสามารถแก้ไขความขัดแย้งความไม่เข้าใจระหว่างพวกเขาได้ ด้วยวิธีนี้จะถือได้ว่าเป็นการตอบแทนหวงฟู่ชิงเตี๋ยนสำหรับการช่วยเหลือหลายปีมานี้ แต่เย่เชียนก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำสำเร็จได้หรือไม่
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็มองไปที่ฮัวหยาซินและพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมีปัญหาอะไรกันแต่ผมเชื่อว่าพวกคุณน่ะรักกันมาก..เคยมีพี่ชายของผมคนหนึ่งเคยพูดกับผมว่าตราบเท่าที่ยังมีความรักอยู่มันก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกใบนี้..ความรักคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด..ผมรู้จักหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาเกือบสิบปีแล้วและเมื่อวันเวลาผ่านไปผมก็มักจะสงสัยอยู่บ่อยๆว่าทำไมเขาถึงยังไม่แต่งงานสักทีแต่ผมก็คิดว่าเป็นเพราะงานของเขาเพราะอาชีพของเขาจะต้องถูกเก็บเป็นความลับ..แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่และสาเหตุที่เขาไม่ยอมแต่งงานนั่นก็เพราะว่าเขาปล่อยความรู้สึกระหว่างคุณกับเขาไปไม่ได้”
อันที่จริงแล้วความคิดของทุกคนล้วนซับซ้อนและเต็มไปด้วยความขัดแย้งต่างๆและหลากหลายอารมณ์ต พี่ชายคนนั้นที่พูดกับเย่เชียนไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหมาป่าผีไป๋ฮวย ซึ่งเขาได้พูดกับเย่เชียนก่อนที่เขาจะทรยศต่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ดูเหมือนจะขัดกับสิ่งที่เขาพูดไปบ้างแต่อันที่จริงความขัดแย้งในใจของเขาถูกกระตุ้นให้เขาทำอะไรหลายอย่างที่ไม่สอดคล้องกันเหมือนที่ผ่านมา เช่นเหตุการณ์ในเกาะประเทศญี่ปุ่นเพราะในใจของไป๋ฮวยเขาเกลียดองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามาเสมอเพราะมันเป็นสถานที่ที่ทำให้พี่น้องต้องจากกัน ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอยู่เสมอว่าต้องการโค่นล้มและทำลายเขี้ยวหมาป่าแต่สิ่งที่เขาทำหลายๆอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นแต่เป็นการช่วยเหลือแทนซึ่งมันขัดกับสิ่งที่เขาพูดอย่างมาก
การแสดงออกของฮัวหยาซินก็กลายเป็นจริงจังและไม่แยแสแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “นี่คือสิ่งที่เธอคิดเอาเองหรือเขาเป็นคนพูด?”
“ผมคิดเอาเองแต่ผมรู้ว่านี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน” เย่เชียนพูด “ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้รู้จักกับอาจารย์ฮัวมาเป็นเวลานานแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าอาจารย์ฮัวเองก็ยังคงคิดแบบนั้นกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอยู่ใช่มั้ย?”
“รักเขาเหรอ..หึ..ความเกลียดชังของฉันที่มีต่อเขาไม่เคยลดลงไปเลยสักนิดและมันยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อวันเวลาผ่านไปด้วยซ้ำ” ฮัวหยาซินพูดอย่างหนักแน่น
“มีรักก็ต้องมีเกลียดเป็นธรรมดา..อันที่จริงสิ่งที่อาจารย์ฮัวเกลียดน่ะคือการที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนไม่ได้ยอมรับความผิดพลาดของเขาแต่ไม่ใช่เกลียดและไม่ได้รักเขาแบบนั้น” เย่เชียนพูด “อันที่จริงเมื่อคนสองคนอยู่ด้วยกันแล้วมันก็เป็นเรื่องของกันและกันแล้วต้องอดทนและเห็นอกเห็นใจกันทั้งสองฝ่าย..ยอมรับข้อบกพร่องและเข้าใจในมุมมองของกันและกัน..ซึ่งหลายๆอย่างถ้าได้คุยกันตรงๆมันก็ไม่ใช่ปัญหาเลย..แต่ถ้าทั้งสองมีแต่ความกดดันในใจมันก็จะทำให้ขัดแย้งกันเรื่อยๆจนนำไปสู่การแยกทางกัน..แต่ผมมันก็แค่คนนอกและไม่รู้ว่าใครถูกใครผิดแต่มันจะสำคัญจริงๆเหรอว่าใครถูกและใครผิดเพราะถึงแม้ว่าคุณจะชนะแต่ในที่สุดคุณก็เสียหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไป..แบบนั้นทำไมทั้งสองถึงไม่ยอมถอยออกมาคนละก้าวล่ะ?..ทุกคนมีหลักการชีวิตเป็นของตัวเองเพราะงั้นจะไปยัดเยียดความคิดเห็นของตัวเองให้คนอื่นทำไมกัน”
“เธอกำลังสอนฉันอยู่หรือเปล่า” ฮัวหยาซินพูด
“ไม่ใช่แน่นอนครับผมแค่กำลังแสดงความคิดเห็นเฉยๆ..ผมไม่ดีรู้ดีหรือเก่งไปกว่าอาจารย์ฮัวเลยแต่ในแง่ของความสัมพันธ์ผมก็คิดว่าฉันประสบความสำเร็จมากกว่าอาจารย์ฮัวจริงๆ..ถ้าจะพูดตรงๆมันก็แค่ประโยคง่ายๆแค่นั้นว่าอย่าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่นถ้าเขาไม่ได้ต้องการ” เย่เชียนพูด “ในเมื่อคุณไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อผู้อื่นแล้วเหตุใดผู้อื่นจึงควรเปลี่ยนตัวเองเพื่อคุณกัน”
“ฉันเหนื่อยแล้ว..กลับกันไปเถอะ” ฮัวหยาซินโบกมือและพูดอย่างหมดความอดทน
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆเพราะฮัวหยาซินกำลังขับไล่แขกเพราะเบื่อหน่ายกับการพูดถึงหวงฟู่ชิงเตี๋ยนซ้ำๆของเย่เชียน ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าเธอฟังคำพูดของเย่เชียนแต่เธอเป็นคนที่หัวแข็งไม่ฟังใครและไม่อยากยอมรับ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ถ้างั้นผมไม่รบกวนอาจารย์ฮัวแล้ว..ส่วนผ้าเช็ดหน้าผืนนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนฝากผมมามอบให้อาจารย์ฮัวแต่ผมไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร..เพราะงั้นผมจะมอบให้คุณตามคำขอของเขา”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็เหลือบมองหูวเค่อและบอกเป็นนัยว่าเขากำลังจะออกไป จากนั้นหูวเค่อก็รีบลุกขึ้นกล่าวคำอำลาฮัวหยาซินแล้วหยิบจานบนโต๊ะและเดินตามเย่เชียนออกจากศาลาไป
เมื่อเห็นทั้งสองคนจากไปฮัวหยาซินก็จ้องมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าบนโต๊ะอย่างใกล้ชิดและความทรงจำมากมายที่จางหายไปในใจของเธอก็ค่อยๆปรากฏขึ้นและฉากต่อฉากก็แวบเข้ามาในจิตใจของเธอราวกับหนังที่ฉายในโรงหนัง ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยเพราะสิ่งที่เย่เชียนพูดในตอนนี้เหมือนค้อนหนักกระแทกหัวใจของเธออย่างแรงจนฮัวหยาซินค่อยๆยื่นมือออกไปหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้ว มองดูอย่างใจจดใจจ่อแล้วพึมพำว่า “ทำไมคุณถึงไม่ยอมฉันบ้างล่ะ..คุณเอาแต่พูดว่าคุณรักฉันมากแต่ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจฉันบ้างเลย”
เพียงครู่หนึ่งดวงตาของฮัวหยาซินก็เหม่อลอยออกไปแล้วเธอก็บีบผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ในมืออย่างแน่นและวางไว้บนหน้าอกของเธอและพึมพำต่อ “ฉันผิดจริงๆเหรอ..ฉันเป็นคนผิดจริงๆงั้นเหรอ?” แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบเธอได้เพราะคำถามนี้ต้องแก้ปริศนาโดยตัวเธอเอง
เมื่อเดินจนสุดทางไปที่ห้องครัวหูวเค่อก็พูดขึ้นมาว่า “รู้มั้ยว่าเมื่อกี้นี้คุณทำให้ฉันกลัวมากแค่ไหน..ฉันบอกคุณไปแล้วไงว่าห้ามพูดถึงผู้อำนวยการหวงฟู่ต่อหน้าอาจารย์ของฉันแต่คุณก็ยังพูด!”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ผมพูดมันถูกต้องมาก..มันเป็นเรื่องของหัวใจและความรู้สึกของอาจารย์ของคุณ..ถ้าคุณไม่รู้จักอาจารย์ของคุณในมุมมองนั้นก็อย่าคิดว่าเธอจะไม่แยแสเรื่องพวกนี้เพราะแท้ที่จริงแล้วเธอรอคอยหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาโดยตลอดและเธอก็รออย่างดื้อรั้นจนเธอไม่สามารถแก้ปมหัวใจของเธอได้..ในเกมหมากล้อมก่อนหน้านี้ ที่อาจารย์ของคุณแพ้เธอยังสามารถระงับอารมณ์ของเธอเอาไว้ได้แต่เธอไม่มีความอดทนที่จะฟังผมเลย..แบบนี้คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกศิษย์ของเธอเลยเพราะในเมื่อคุณรู้เรื่องของอาจารย์ฮัวแล้วทำไมไม่ช่วยแก้ไขปมในใจของเธอบ้างล่ะ?”
“ทำไมคุณถึงอยากทำแบบนั้น?” หูวเค่อถาม
“ผมบอกไปแล้วไงว่าผมจะตอบแทนบุญคุณของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน” เย่เชียนตอบ
“ถ้าอย่างนั้นตามความเห็นของคุณมันจะเกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของฉันในตอนนี้..หัวใจของเธอจะไม่แตกสลายไปแล้วเหรอ” หูวเค่อถามด้วยความเป็นห่วง
“ใช่แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะปมนี้อยู่ในใจของเธอมานานหลายปีและมันจะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูดของผมเพียงไม่กี่คำเพราะต้องแก้ปมนั้นไปทีละขั้นตอนทีละเรื่องราว” เย่เชียนพูด “ผมได้ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้วและสำหรับผลลัพธ์มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเท่านั้น”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็หันไปเหลือบมองหูวเค่อแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งพูดถึงคนอื่นกันเลย..มาพูดถึงเรากันเถอะ”
“เรา..เราทำไม?” หูวเค่อถามด้วยความประหลาดใจ
“เราแยกจากกันมานานและในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วเพราะงั้นคืนนี้คุณต้องไปกับผม” เย่เชียนพูด
หูวเค่อก็รู้สึกเขินอายและพูดว่า “ฉันบอกคุณแล้ว..ฉัน…”
“บ้าหน่าคุณคิดเรื่องร้ายๆอะไรอยู่..ผมแค่อยากให้คุณไปกับผมในคืนนี้ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ฉันเกลียดคุณ” หูวเค่อทุบเย่เชียนด้วยมือของเธอและใบหน้าของเธอก็เขินอายมากขึ้น หลังจากหยุดไปชั่วขณะหูวเค่อก็พูดว่า “นี่คือสำนักหยุนหยานเหมินและถ้าสิ่งต่างๆมันแพร่กระจายออกไปก็คงไม่ดี..คืนนี้คุณนอนคนเดียวไม่ได้หรอ”
“คุณเป็นภรรยาของผมเพราะงั้นใครจะกล้าพูดอะไรที่มันไร้สาระกัน” เย่เชียนพูด
“ก็ได้แต่คุณรออีกวันไม่ได้หรอ” หูวเค่อพูด “นอกจากนี้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ต้องการทำในคืนนี้ก็ตาม..แต่ถ้าคุณทนไม่ไหวล่ะ?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะแล้วเขาก็หัวเราะและพูดว่า “คุณนี่ร้ายจริงๆแต่ผมชอบนะ..คุณรู้มั้ยว่าพวกผู้ชายอย่างเราชอบภรรยาแบบนี้ที่สุด”
“ทำไมหรอ” หูวเค่อถามด้วยความประหลาดใจ
“คุณดูสงบเสงี่ยมต่อหน้าคนนอก..แต่เมื่ออยู่บนเตียงคุณกลับเร่าร้อนมาก” เย่เชียนพูด
“คุณมันไร้ยางอาย” หูวเค่อมองเย่เชียนอย่างดุเดือดและพูด
ขณะพูดทั้งสองคนก็มาถึงครัวแล้วและหลังจากที่หูวเค่อวางจานลงเธอก็พูดว่า “ไว้เจอกันนะ..คืนนี้คุณนอนคนเดียวไปก่อน”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “มีภรรยาแท้ๆแต่กลับต้องอยู่คนเดียว..มันน่าเศร้าจริงๆ” หูวเค่อยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเย่เชียนก็จะพูดบางอย่างออกมาและเธอจะลำบากใจ จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันไป
ท้ายที่สุดที่นี่คือสำนักหยุนหยานเหมินและนิสัยของหูวเค่อก็ไม่เหมือนจ้าวหยาไม่เช่นนั้นเย่เชียนคงจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน เย่เชียนก็ทำได้เพียงมองร่างของหูวเค่อจนหายไปในความมืดจากนั้นเย่เชียนก็เดินไปที่ห้องของเขา