ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 828 กำหนดการ
ตอนที่ 828 กำหนดการ
ห้องของเย่หานหลินนั้นอยู่ติดกับเย่เชียนและเมื่อเย่เชียนเดินไปที่ประตูห้องของเขาจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยมาจากห้องของเย่หานหลินอย่างชัดเจนและมันเป็นเสียงของเหยาซื่อฉี ซึ่งเมื่อฟังน้ำเสียงนี้ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังคุยกันอยู่และดูสนิทสนมกันมากแต่ส่วนใหญ่คนที่พูดจะเป็นเหยาซื่อฉีส่วนเย่หานหลินก็แค่แทรกบางประโยคเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เหยาซื่อฉีเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาเหมือนเพิ่งจะลืมตาดูโลกเพราะเธอไม่รู้เรื่องโลกภายนอกและไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆแต่เธอมีรูปร่างที่ดีและเป็นที่ดึงดูดใจของเหล่าผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย ขนาดเย่เชียนยังไม่สามารถต้านทานการยั่วยวนของสาวน้อยคนนี้ได้เลยจนเลือดกำเดาพุ่งออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าเธอดึงดูดใจผู้ชายมากเพียงใด
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเย่เชียนก็เป็นเพียงสัญชาตญาณของเพศชายและมันก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อเย่เชียนได้ยินบทสนทนาที่มาจากข้างในเย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วผลักประตูห้องของเขาและเดินเข้าไป
หลังจากพักสักครู่เย่เชียนก็นั่งสมาธิและปราณในร่างกายของเขาก็หมุนเวียนและเขาก็รู้สึกสบายๆและโล่งใจอย่างอธิบายไม่ได้ จากนั้นเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออก หลังจากอีกฝ่ายรับสายเย่เชียนก็บอกเย่เจียอู๋เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ และเป็นความจริงครึ่งความเท็จครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่ฮัวหยาซินทำร้ายเขาและเรื่องของอาการบาดเจ็บของฮัวหยาซิน แต่เย่เชียนนั้นเพียงแค่บอกว่าฮัวหยาซินได้ลงโทษซงเจิ้งหยวนโดยการคุมขังเป็นเวลาหนึ่งเดือน
แน่นอนว่าทางเย่เจียอู๋เองก็ไม่ได้คิดที่จะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เช่นนั้นเย่เจียอู๋คงจะไม่ปล่อยให้ซงเจิ้งหยวนรอดกลับไปเป็นแน่ ซึ่งเหตุผลหลักที่เขาขอให้เย่เชียนส่งจดหมายดังกล่าวก็เพื่อให้เกียรติสำนักหยุนหยานเหมินและอยากให้เย่เชียนได้ติดต่อกับผู้คนในโลกแห่งการต่อสู้โบราณบ้าง แน่นอนว่าถ้าซงเจิ้งหยวนทำอะไรแบบนั้นทางตระกูลเย่ก็ต้องให้สำนักหยุนหยานเหมินอธิบายสิ่งต่างๆและขอความยุติธรรมไม่เช่นนั้นจุดยืนของตระกูลเย่จะเป็นเช่นไร?
เย่เจียอู๋ก็รู้ดีว่าตัวตนของฮัวหยาซินนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งเธอเป็นคนที่คอยปกป้องศักดิ์ศรีและหน้าตาในสังคม ดังนั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดเธอก็อดไม่ได้ที่จะผงะและไม่อยากจะเชื่อเลย ยิ่งไปกว่านั้นซงเจิ้งหยวนยังขัดแย้งกับเย่เชียนเป็นการส่วนตัวอีก
อย่างไรก็ตามเย่เจียอู๋ก็ไม่ได้ถามอะไรมากเพราะตราบใดที่บรรลุเป้าหมายแล้วทำไมถึงต้องสนใจวิธีการของเย่เชียนด้วย? ยิ่งไปกว่านั้นผลลัพธ์นี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของเย่เชียนและเย่เชียนก็เป็นคนที่คู่ควรกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นหากตระกูลเย่ถูกส่งต่อให้เย่เชียนในอนาคตเขาก็เชื่อว่ามันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หลังจากวางสายแล้วเย่เชียนก็นอนลงบนเตียงถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้โบราณแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในโลกนั้นโดยไม่สมัครใจแล้ว เมื่อเขาอยู่ในห้องกับหูวเค่อก่อนหน้านี้เย่เชียนก็สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของคนที่อยู่นอกประตูได้อย่างชัดเจนและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครแต่ถ้าเป็นคนของสำนักหยุนหยานเหมินล่ะก็คนๆนั้นก็คงจะไม่ธรรมดาและมีสิทธิ์ทุกประการในสำนักอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามสำนักหยุนหยานเหมินก็ยังคงไม่ใช่ที่ของเขาและเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ซึ่งสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์และนอกจากนี้ด้วยทัศนคิที่ไม่ฟังใครของฮัวหยาซินนั้นถึงแม้ว่าเย่เชียนจะขอให้เธอช่วยหรือถามเธอก็เกรงว่าเธอคงจะไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน แต่หูวเค่อเองก็เป็นคนของสำนักหยุนหยานเหมินดังนั้นต่อให้เย่เชียนคิดมากไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรในตอนนี้อยู่ดี เขาไม่ได้อยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและนอกจากนี้เกรงว่าถึงรู้ไปก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะความสามรถในปัจจุบันของเย่เชียนนั้นยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น
เย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยและขจัดอารมณ์ที่หงุดหงิดทั้งหมดออกจากใจของเขาไปและเมื่อเขากำลังจะเข้านอนจู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที จากนั้นเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพบว่าเป็นสายจากซ่งหลันและเย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วกดปุ่มรับสาย “พี่หลันทำไมถึงโทรมาหาผมล่ะ..พี่คิดถึงผมเป็นพิเศษหรือเปล่า” เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและพูด
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?..เมื่อไหร่จะกลับมาที่โตเกียว..ฉันมีเรื่องบางอย่างที่ต้องให้นายจัดการฉันไม่อยากอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกแล้ว” ซ่งหลันไม่คุยเรื่องนั้นกับเย่เชียนแต่เลือกที่จะพูดถึงหัวข้อหลัก
เย่เชียนก็ตกตะลึงและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “อะไรจะเร่งด่วนขนาดนั้น?”
“เครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาโตเกียวมีปัญหาบางอย่างและผู้จัดการประจำสาขาก็ประสบอุบัติเหตุเมื่อวานนี้เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์และเสียชีวิตในทันที..จากนั้นสื่อและสำนักพิมพ์ก็รายงานเกินจริงว่าราคาหุ้นบริษัทของเรากำลังลดลงอย่างต่อเนื่องและมันก็ไม่สามารถกลับสู่สถานการณ์ปกติได้..ฉันอยากให้นายมาช่วยฉันที่นี่” น้ำเสียงของซ่งหลันค่อนข้างจริงจังและเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “พี่หลัน..พี่หมายถึงมันมีใครบางคนกำลังจงใจมุ่งเป้าโจมตีเครือน่านฟ้ากรุ๊ปอย่างงั้นเหรอ?”
“ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้น..ฉันมัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องนี้จนไม่มีเวลาสืบหาข้อมูลเลย..เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เห็นเพราะมันต้องมีคนจงใจโจมตีบริษัทของเราและทำให้หุ้นตกอย่างต่อเนื่อง..ฉันเชื่อว่ามันต้องมีองค์กรบางอย่างอยู่เบื้องหลังเพราะงั้นฉันหวังว่านายจะสามารถกลับมาช่วยจัดการกับมัน” ซ่งหลันพูดและเมื่อพูดถึงตลาดหุ้นแล้วซ่งหลันนั้นถือได้ว่าเป็นสุดยอดนักบริหารหุ้นและเป็นบุคคลที่สามารถพึ่งพาพลังของบริษัทได้อย่างเต็มที่เท่าที่จะมีได้ ขนาดปัญหาหุ้นทางการเงินในทวีปอเมริกาใต้เธอยังสามารถเผชิญหน้ากับมันได้แล้วเธอจะกลัวความท้าทายของคนบางคนในตลาดหุ้นเล็กๆเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เดี๋ยวผมจัดการให้..แต่ผมอยากจะถามว่าธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราได้ขยายไปยังสาขาปักกิ่งที่ประเทศจีนหรือยัง?..ทำไมผมไม่รู้ความคืบหน้าอะไรเลย?” เย่เชียนพูด
“นายกำลังโทษว่าฉันไม่รายงานงั้นเหรอ..เราตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่านายจะรับผิดชอบเรื่องกองทัพส่วนฉันจะรับผิดชอบเรื่องธุรกิจและเศรษฐกิจ..ฉันมีแผนของตัวเองสำหรับการพัฒนาบริษัทตั้งมากมายฉันรายงานนายทั้งหมดไม่ได้หรอก..เราจำเป็นต้องทำงานไปทีละขั้นและไม่สามารถเร่งรีบได้..แต่เมื่อไหร่ที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปวางรากฐานที่แข็งแกร่งในประเทศจีนแล้วเราจะกลายเป็นองค์กรที่สามารถควบคุมเส้นชีวิตของเศรษฐกิจประเทศได้” ซ่งหลันพูด “เรื่องธุรกิจของเมืองปักกิ่งน่ะฉันได้ขยายมันออกไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วและถึงแม้ว่าขนาดธุรกิจจะไม่ใหญ่มากแต่มันก็พัฒนาไปเร็วมากเช่นกัน..เราจะรู้ถึงวิกฤตก็ต่อเมื่อมีอันตรายก่อนเท่านั้นเพราะงั้นถึงแม้ว่าปักกิ่งจะอยู่ที่เท้าของจักรพรรดิหรือเบื้องบนก็ตามแต่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราเป็นองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะงั้นถ้าเราไม่ล้ำเส้นกฎหมายฉันก็เชื่อว่าจะไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้..นอกจากนี้ ปักกิ่งยังเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมของจีนด้วย..ด้วยเหตุนี้ถ้าเราสามารถพัฒนาที่นี่ได้มันจะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งต่างๆในอนาคตอย่างมาก”
เธอเป็นหญิงแกร่งจริงๆจนเย่เชียนต้องส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนแรกสาเหตุที่เขาไม่ยอมรับความรู้สึกของซ่งหลันที่มีต่อเขา เพราะเขารู้ว่าซ่งหลันนั้นเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากโดยเฉพาะในแง่มุมของธุรกิจ ดังนั้นผู้หญิงที่แข็งแกร่งเช่นนี้สามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้มากมายก็มักจะทำให้เย่เชียนรู้สึกด้อยกว่าเธอเมื่อเผชิญกับสิ่งเหล่านี้
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มอย่างหมดหนทาง “พี่หลันรู้มั้ยว่าผมหมายถึงอะไร..ผมไปว่าพี่ตอนไหนผมแค่กังวลเพราะปังกิ่งเป็นสถานที่ที่มีมังกรเขี้ยวและเสือซ่อนเล็บอยู่เพราะงั้นถ้าเราไม่ระวังมันอาจทำให้เป็นปัญหาลูกโซ่ได้..ปฏิกิริยานั้นจะทำให้แผนของเราพังทั้งหมดและมันจะไม่สามารถแก้ไขได้เลย”
“ใช่แล้ว..แต่ถ้าเราไม่เผชิญหน้าด้วยตัวเองแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำมันลึกแค่ไหน?..แต่ให้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะเคยเผชิญกับความเสี่ยงนับไม่ถ้วนนับตั้งแต่ก่อตั้งมาก็ตามแต่แวดวงธุรกิจมันก็เหมือนสนามรบ..โอกาสคือสิ่งที่ดีที่สุดแต่ถ้าหากเราไม่ฉวยโอกาสก้าวหน้ามันก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อการพัฒนาของเรามากขึ้นเท่านั้น” ซ่งหลันพูด “เย่เชียนนายเปลี่ยนไปแล้วนายไม่เหมือนเย่เชียนคนเก่าที่ฉันรู้จัก..เพราะเย่เชียนที่ฉันรู้จักคือคนที่ไม่เคยกลัวใครหรืออะไรทั้งนั้นและตราบใดที่เขาต้องการจะทำอะไรเขาก็จะทำมันโดยไม่ลังเล..แต่ตอนนี้ทำไมนายถึงได้ดูกลัวสิ่งๆขนาดนี้?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและแอบคิดว่า ‘นี่ฉันเปลี่ยนไปจริงๆงั้นเหรอ?” บางทีภาระที่เขาต้องแบกรับอาจหนักขึ้นจนทำให้เขาไม่สามารถปล่อยวางได้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆหลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆเย่เชียนก็พูดว่า “เอาล่ะ..ทำไมพี่ถึงได้พูดเรื่องอื่นไปเรื่อย..ถ้าพี่ขยายธุรกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปไปยังปักกิ่งแล้วมันก็ดีผมไมได้จะตำหนิอะไรเลย..ผมแค่คิดว่าทำไมผมถึงไม่ได้รู้ในข้อมูลส่วนนั้น..พี่ก็น่าจะรู้ดีว่าผมนั้นไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจเลยให้ตายเถอะ”
“ที่จริงแล้วนายมีพรสวรรค์ทางธุรกิจแต่นายไม่ได้ต้องการดูแลสิ่งเหล่านี้และนอกจากนี้นายก็ไม่ต้องการหยุดอยู่ที่ใดไปตลอดชีวิตเพื่อจัดการธุรกิจของบริษัท..แต่ก็นะฉันเองก็เหมือนกันถ้าฉันเจอผู้ช่วยที่เหมาะสมเมื่อไหร่ฉันก็จะอยากจะพักเหมือนกัน..แต่ตอนนี้มันมีแต่คนไม่เอาไหนเพราะงั้นถ้าบริษัทตกอยู่ในกำมือของคนแบบนั้นมันจะเจอแต่ปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ซ่งหลันพูด
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน..ผมล่พหงุดหงิดทุกทีเมื่อนึกถึงตัวเลขเหล่านั้น” เย่เชียนพูดแล้วส่ายอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงเหล่าผู้บริหารที่อยู่ในเครือน่านฟ้ากรุ๊ป เย่เชียนรู้สึกว่าเขากำลังจะพังทลายเพราะตัวเลขที่หนาแน่นและรายงานต่างๆเหล่านั้นที่เป็นเหมือนคำสาปสำหรับเขาจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด
“เอาเถอะฉันเชื่อว่านายทำได้ทุกอย่าง” ซ่งหลันพูด “ฉันจะส่งรายงานและตารางกำหนดการต่างๆไปที่สำนักงานสาขาย่อยในเช้าวันพรุ่งนี้..สิ่งที่นายต้องทำนั้นง่ายมากเพราะนายแค่ต้องทำให้ทุกอย่างมั่นคง..อีกไม่นานฉันน่าจะรู้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเพราะงั้นให้ฉันดูแลส่วนที่เหลือเอง..ฉันไม่ได้ต่อสู้ในตลาดหุ้นมานานแล้ว!”