ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 831 เสแสร้งพูด
ตอนที่ 831 เสแสร้งพูด
เมื่อพูดถึงการจัดการบริษัทเย่เชียนนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย อย่างไรก็ตามในฐานะผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วเย่เชียนก็มีประสบการณ์ในการจัดการอยู่บ้าง แต่เขาไม่ได้เข้าใจการจัดการขององค์กรและโครงสร้างเชิงธุรกิจเพราะเขาเคยจัดการและบริหารในรูปแบบทางทหารเท่านั้น
“เอาล่ะผมแนะนำตัวไปแล้วถึงคราวพวกคุณแนะนำตัวให้ผมรู้จักบ้าง” เย่เชียนพูด
ท่าทีที่แข็งกร้าวของเย่เชียนทำให้ชางกวนเจ้อรู้สึกหนักใจเล็กน้อยและเขาก็รู้สึกกดดันอย่างมากเพราะเขาไม่ทราบรายละเอียดของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยเพราะงั้นชางกวนเจ้อจึงไม่กล้าท้าทายมากเกินไป
หลังจากฟังการแนะนำตัวของเหล่าผู้บริหารแล้วเย่เชียนก็ให้ความสนใจกับผู้จัดการซือจื้อที่หญิงสาวแผนกต้อนรับพูดถึง เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัทและตำแหน่งของเธอก็มีความสำคัญมากอีกทั้งเธอมีเสน่ห์และรูปร่างของเธอก็ดูเย้ายวนแต่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่เย็นชาแต่ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายตลอดเวลาด้วยเสน่หา ความรู้สึกแรกของเย่เชียนที่มีต่อเธอนั่นคือเธอดูเจ้าเล่ห์และร้อนแรงอย่างเงียบๆ
ผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัทเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากหากสิ่งที่พนักงานหญิงต้อนรับพูดเป็นความจริงล่ะก็รองผู้จัดการชางกวนเจ้อกับผู้จัดการฝ่ายการเงินซือจื้อนั้นมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือจริงๆและมันก็เป็นเรื่องที่แย่มาก ดังนั้นเมื่อทราบสถานการณ์แล้วเย่เชียนก็ยังไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร
“ผมมีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับพวกคุณ..ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทดี..เนื่องจากการเสียชีวิตของผู้จัดการคนก่อนผลกระทบต่อบริษัทนั้นจึงยิ่งใหญ่มาก..ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะร่วมมือกันเพื่อข้ามผ่านความยากลำบากและผ่านช่วงเวลาวิกฤตนี้ไปอย่างราบรื่นด้วยกัน” เย่เชียนพูด “การประชุมวันนี้ก็มีแค่นี้..ทุกคนน่าจะยุ่งกับงานของตัวเองอยู่เพราะงั้นแยกย้ายได้” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็เหลือบทอบไปที่ซือจื้ออีกครั้งและพูดว่า “ผู้จัดการซือคุณช่วยไปที่ห้องทำงานของผมหน่อย..ผมมีบางอย่างที่อยากจะคุยกับคุณ”
ซือจื้อก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า อย่างไรก็ตามสายตาของชางกวนเจ้อก็มีแววตาที่ดูสงสัยและกังวลซึ่งทำให้เย่เชียนมั่นใจมากขึ้นว่าชางกวนเจ้อคนนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับซือจื้อจริงๆ หากเป็นแบบนั้นจริงๆคำพูดของหญิงสาวที่แผนกต้อนรับก็คงจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมดและแน่นอนว่าการตายของผู้จัดการคนก่อนจะต้องเกี่ยวข้องกับชางกวนเจ้ออย่างแน่นอน แต่เย่เชียนก็เชื่อว่าชางกวนเจ้อคงจะไม่ลงมือทำถึงขนาดนั้นถ้าหากเขาไม่ถูกบังคับให้ต้องทำสิ่งเหล่านั้นเป็นแน่
เมื่อทุกคนจากไปเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเบอร์โทรศัพท์หวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเมื่อได้ยินเสียงของเย่เชียนแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อะไรกันเอ็งยังไม่ตายอีกเหรอ?”
“โถ่ปู่..แฟนของปู่เป็นคนแบบไหนกันเนี่ย..เธอจ้องจะฆ่าผมโดยไม่มีเหตุผลใดๆเลย” เย่เชียนพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เป็นเพราะฉันรู้จักเธอดีและฉันก็รู้จักเอ็งดีด้วยเพราะงั้นฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเอ็งกับเธอคงจะคุยกันไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน”
เย่เชียนก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ..คราวนี้ปู่เดาผิดเพราะผมกับแฟนเก่าปู่เข้ากันได้ดีเลยล่ะ..ผมจะบอกข่าวดีให้ฟัง”
“อะไรดีล่ะ..เอ็งอยากได้อะไรจากฉันอีก” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ดูสิ่งที่ปู่พูดสิ..ผมคิดถึงปู่ทุกวันและถ้ามีเรื่องอะไรดีๆผมก็จะนึกถึงปู่คนแรก” เย่เชียนพูด “ผมอยากจะบอกปู่ว่าเธอยังคงรักปู่และคิดถึงปู่อยู่..ผมให้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นกับเธอไปแล้วและเมื่อดูจากท่าทางการแสดงออกของเธอแล้วผมคิดว่าเธอยังคงคิดถึงปู่อยู่เสมอ..ผมรู้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างปู่กับเธอมาบ้างแล้ว..พวกคุณทั้งสองคนยังคงยึดติดกับสิ่งเหล่านั้นมาโดยตลอดเพราะงั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ?..ปู่ควรจะคว้าโอกาสนี้เพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆนะ..ผมคิดว่าตอนนี้โอกาสในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของปู่กับเธอมาถึงแล้ว
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับตกตะลึงและมีความรู้สึกแปลกๆและบางสิ่งบางอย่างก็ค่อยๆผุดขึ้นในใจเพราะหลายปีที่ผ่านมาเขาคิดเกี่ยวกับฮัวหยาซินมาโดยตลอดจริงๆ แต่ทั้งสองคนเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองและไม่มีใครเต็มใจที่จะรับกันและกันจึงทำให้ทั้งสองถอยห่างจากกันจนนำไปสู่สถานการณ์ในวันนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเย่เชียนจะสามารถเกลี้ยกล่อมคนอย่างฮัวหยาซินได้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ความคิดของเขาที่จะกลับไปสู่วันวานและหัวใจของเขาก็กลับมามีแรงและแข็งแกร่งขึ้น แต่เขารู้ดีว่านิสัยของฮัวหยาซินนั้นเป็นยังไงและสิ่งต่างๆก็คงจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจความใจความหวังดีของเอ็ง..แต่ความขัดแย้งระหว่างฉันกับเธอไม่ใช่สิ่งที่สามารถพูดกันได้ชัดเจนในประโยคเดียว..มีอะไรอีกมั้ย?..ถ้าไม่มีฉันจะวางสายแล้วฉันยุ่งมาก”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เมื่อรู้ว่าชายชราคนนี้คงสับสนและทำตัวไม่ถูกจนใช้หน้าที่ราชการเข้ามาอ้างและหลอกตัวเอง “เดี๋ยวก่อน!..ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากปู่จริงๆ” เย่เชียนพูด “คุณเองก็น่าจะรู้ว่าเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์จนเสียชีวิต?”
“มันออกข่าวและหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเลยล่ะ..แต่นี่เป็นกรณีที่ธรรมดามากและไม่ถึงกับต้องให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของเราเข้าไปแทรกแซงเลย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“คดีนี้ดูธรรมดามากก็จริงแต่ผมคิดว่าเรื่องราวภายในมันซับซ้อนกว่านั้น..พี่หลันอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นพราะงั้นเธอจึงขอให้ผมช่วยดูแลบริษัทชั่วคราว..อย่างน้อยๆผมต้องทำให้ดีไม่อย่างนั้นผมคงจะละอายใจอย่างมากเพราะงั้นปู่ช่วยผมสืยหาหน่อยว่าคนขับรถคู่กรณีของผู้จัดการคนก่อนถูกขังอยู่ในคุกที่ไหน” เย่เชียนพูด
“ก็ได้..มันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉันเพราะงั้นฉันจะโทรไปบอกเอ็งถ้าฉันได้ข้อมูลมาแล้ว” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ขอบคุณล่วงหน้าครับปู่” เย่เชียนพูด “ฉันขออวยพรให้ปู่กับอาจารย์ฮัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปและมีลูกมีหลานสืบตระกูลเร็วๆด้วย”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้โดยไม่สนใจสิ่งที่เย่เชียนหยอกล้อและวางสายโทรศัพท์ไป
เย่เชียนก็ยักไหล่และฉีกยิ้มจากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์มือถือไปแล้วเดินไปที่สำนักงาน ซึ่งหลังจากมาถึงออฟฟิศห้องทำงานของเขาเย่เชียนก็บอกให้ผู้ช่วยของเขานำถ้วยชามาและมองดูภาพรวมของบริษัทอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเย่เชียนกำลังดูข้อมูลอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆก็มีเสียงเคาะประตู
“เข้ามา” เย่เชียนพูด
ด้วยการตอบประตูห้องก็ถูกเปิดออกและเป็นซือจื้อที่แต่งตัวในชุดสูทมืออาชีพและปลดกระดุมสามเม็ดบนเสื้อที่หน้าอกของเธอ เผยให้เห็นหน้าอกส่วนบนของเธอเล็กน้อยพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่อบอวลทั่วร่างกายของเธอกับแว่นขอบดำที่ให้อารมณ์เหมือนมืออาชีพอย่างมากจนไม่สามารถปกปิดเสน่ห์และคงามน่าเกรงขามที่เผยออกมาจากร่างกายของเธอได้เลย
“สวัสดีค่ะคุณเย่” ซือจื้อก็พยักหน้าเล็กน้อยและทักทายเย่เชียน
“อืมผู้จัดการซือจื้อ” เย่เชียนพูดและยืนขึ้นอย่างเร่งเพื่อทักทายเธอแล้วพูดว่า “มานั่งบนโซฟาก่อนสิผู้จัดการซือ..ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณมาสักพักแล้วว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งมีสาวสวยพราวเสน่ห์และเก่งเรื่องบริหารจัดการอย่างมากอยู่..ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อแต่ตอนนี้เมื่อผมเห็นคุณแล้วก็ต้องยอมรับเลยว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้เกินจริงเลย ผู้จัดการซูไม่ใช่แค่ผู้หญิงสวยเท่านั้น แค่นางฟ้าจากฟากฟ้า”
ซือจื้อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและมองดูเย่เชียนด้วยท่าทางมึนงงเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นหมายความว่าอย่างไรและหลังจากหยุดไปชั่วขณะซือจื้อก็พูดว่า “คุณเย่ถ้าคุณเรียกฉันมาที่นี่เพียงเพื่อจะยกย่องรูปลักษณ์ของฉันล่ะก็ฉันต้องขอตัวก่อนเพราะฉันยังมีงานอีกมากมายที่ต้องจัดการ”
“นี่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานและบุคลากรภายใต้การดูแลของเรานั่นคือสิ่งที่ผู้นำควรจะทำไม่ใช่เหรอ” เย่เชียนพูด “ผมจำได้ว่าพ่อมดแห่งวงการธุรกิจเคยกล่าวเอาไว้ว่าผู้นำของบริษัทก็เหมือนพี่เลี้ยงดีๆนี่เองเพราะงั้นผมต้องเป็นพี่เลี้ยงที่ดีสำหรับบุคลากรทั้งหมดในองค์กรและดูแลพวกเขาให้มีชีวิตที่ดี..ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่บริษัทจะสามารถมีความสามัคคีและการพัฒนาไปในทางที่ดี..การที่ผู้จัดการซือจื้อปฏิเสธมันจะไม่ดูไร้ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ถามต่อ “ผู้จัดการซือจื้อผมขอถามหน่อยว่าคุณมีแฟนหรือยัง?”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับงานของเราหรือเปล่า?” ซือจื้อพูด
“แน่นอนสิ” เย่เชียนพูด “ถ้าผู้หญิงในบริษัทมีอิสระและความกระตือรือร้นในการทำงานอย่างไร้ความกังวลใดๆมันก็จะดีสำหรับอนาคตของบริษัทเพราะงั้นผมต้องสนใจเรื่องนี้เป็นธรรมดา..ยิ่งผู้จัดการซือจื้อเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินด้วยเพราะงั้นหากคุณอารมณ์ไม่ดีหรือมีปัญหาชีวิตมันก็จะก่อให้เกิดความผิดพลาดในข้อมูลทางการเงินของบริษัทและนี่คือสิ่งที่ผมไม่อยากเห็น”
“คุณเย่มั่นใจได้เลยว่าฉันสามารถแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับงานได้เป็นอย่างดี..ฉันจะไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องงานอย่างแน่นอน” ซือจื้อพูด “ส่วนเรื่องที่ฉันจะมีแฟนหรือไม่มีนั้นฉันคิดว่านี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันและฉันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบ”
‘เสแสร้งแกล้งทำเป็นพูดดี!’ เย่เชียนคิดอย่างลับๆ หลังจากนั้นเย่เชียนก็พูดต่อ “ผู้จัดการซือจื้อ..ชื่อนี้ฟังดูแปลกๆเพราะงั้นผมขอเรียกคุณว่าซือจื้อก็แล้วกัน..ผมเพิ่งจะเคยมาที่บริษัทและยังไม่ค่อยรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับบริษัทเลย..คราวหน้าผมคงต้องพึ่งพาคุณแล้วล่ะ..ว่าแต่นี่ก็จะพักเที่ยงแล้วเราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันมั้ย?”
“ขอโทษทีค่ะพอดีฉันเคยชินกับการทานอาหารในบริษัทฉันจึงสั่งอาหารจานด่วนมากินน่ะ” ซือจื้อพูด
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและรู้สึกเสียหน้า ซึ่งในความคิดเห็นของเขาซือจื้อคนนี้เป็นผู้หญิงที่น่าเบื่ออย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่เสน่ห์ของเธอไม่เลวเลยและเธอก็ยังมีตำแหน่งที่สูงและมีรูปลักษณ์ที่ดี ดังนั้นเธอจึงเย่อหยิ่งใช่ไหม? ดูเหมือนว่าทักษะของเย่เชียนยังคงไม่มากพอและต้องปรึกษาหลี่เหว่ย
“เอ่อ..ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่รบกวนคุณแล้ว..เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน” เย่เชียนพูด ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เย่เชียนถูกผู้หญิงปฏิเสธและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่เจ้าชายในทุ่งดอกไม้ก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้ไร้น้ำยาหรือน่าเกลียดแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากหากซือจื้อคนนี้เป็นคนรักของชางกวนเจ้อจริงๆอย่างที่หนักงานหญิงแผนกต้อนรับพูดเอาไว้มันก็คงจะง่ายกว่าที่จะหลอกล่อเธอแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันต้องมีอะไรมากกว่านี้เพื่อที่จะจัดการกับผู้หญิงที่น่าเบื่อและเย่อหยิ่งแบบนี้