ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 832 สืบค้นความจริง
ตอนที่ 832 สืบค้นความจริง
ความไร้ลมที่เรียกกันว่าไม่มีอยู่จริง เพราะผู้หญิงที่แผนกต้อนรับพูดอย่างแน่วแน่ว่าซือจื้อเป็นคนรักของชางกวนเจ้อและชางกวนเจ๋อกับผู้จัดการซูก็มีความขัดแย้งกัน ดังนั้นมันต้องมีความจริงบางอย่างอยู่ในนั้นเย่เชียนก็เชื่อว่าเหตุผลที่ชางกวนเจ้อฆ่าผู้จัดการซูนั้นไม่ใช่เพราะเรื่องผู้หญิงอย่างแน่นอน
ในห้องประชุมเมื่อกี้นี้เย่เชียนเห็นสายตาของชางกวนเจ้อซึ่งเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความละโมบและผู้ชายแบบนี้จะไม่มีวันทำอะไรสุดโต่งอย่างโง่เขลาลงไปเพราะเรื่องของผู้หญิงอย่างแน่นอน ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องการเริ่มจากการสังเกตและสืบค้นข้อมูลการกระทำของซือจื้อก่อนเพราะเย่เชียนเชื่อว่าซือจื้อคนนี้จะต้องเลวร้ายยิ่งกว่าชางกวนเจ้อ ด้วยเหตุนี้การจัดการกับซือจื้อจะต้องได้รับผลเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวอย่างแน่นอน
สิ่งที่เย่เชียนกังวลมากก็คือสิ่งต่างๆอาจไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นและไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็คงจะสามารถกำจัดชางกวนเจ้อโดยตรงไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่เย่เชียนต้องการทราบก็คือว่าทั้งหมดนี้เป็นการกระทำและแผนการของชางกวนเจ้อเพียงคนเดียวหรือไม่และองค์กรประเภทใดหรือใครที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเขาที่ต้องการโจมตีเครือน่านฟ้ากรุ๊ป
น่าเสียดายที่หลี่เว่ยไม่อยู่ที่นี่ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะสามารถทำได้ดีกว่าและรับมือซือจื้อได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่คุยกับซู่ซีอย่างวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง เธอก็ปล่อยเธอไป เรื่องนี้ทำให้ซูซี่ค่อนข้างอธิบายไม่ถูก ฉันไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของเย่เฉียนและการแสดงของเขาในตอนนี้ ทำให้เธอเช่นกัน ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง
ไม่นานหลังจากนั้นเย่เชียนก็ได้รับโทรศัพท์จากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนโดยบอกว่าพบเรือนจำที่คู่กรณีของประธานซูเฉียนถูกคุมขังอยู่แล้วและหลังจากที่เย่เชียนขอบคุณเขาเย่เชียนก็วางสายแล้วกดโทรศัพท์ของเย่หานหลินในทันทีแล้วบอกให้เขารอตนอยู่ข้างล่าง
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแบบเรียบง่ายแล้วเย่เชียนกับเย่หานหลินก็โบกแท็กซี่เพื่อไปที่เรือนจำที่คู่กรณีของประธานซูเฉียนถูกคุมขังอยู่ จากนั้นเขาหันไปเหลือบมองเย่หานหลินที่นั่งอยู่ข้างๆและถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?..มีข่าวอะไรมั้ย”
“ฉันแค่คุยกับพวกพนักงานตามปกติแต่สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจได้ก็คือมีความขัดแย้งระหว่างชางกวนเจ้อกับซูเฉียนนั้นไม่ดีต่อบริษัทอย่างมาก..ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทโฆษณาที่เข้ามาทำธุรกิจกับเราก็โกรธจัดจนตะคอกใส่ชางกวนเจ้อในที่ประชุมระหว่างองค์กรและทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก..ส่วนซูเฉียนนั้นถึงแม้ว่าทักษะการจัดการและบริหารธุรกิจของเขาจะโดดเด่นก็ตามแต่เขาเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับงานอยู่ตลอดเวลา..ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือพนักงานหญิงในบริษัทหลายคนถูกซูเฉียนบังคับและข่มขู่..ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้เขาได้ตกหลุมรักผู้จัดการซือจื้อและผู้จัดการซือจื้อก็ดูแลและช่วยงานเขาอย่างใกล้ชิด..ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชางกวนเจ้อฆ่าซูเฉียนก็เป็นได้” เย่หานหลินพูด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและนึกถึงสิ่งที่เย่หานหลินพูดจากนั้นเย่เชียนก็งอปากเล็กน้อยและพูดว่า “สิ่งต่างๆไม่ควรง่ายอย่างที่คิด..สำหรับชางกวนเจ้อฉันคิดว่าเขาคงไม่ทำอย่างนั้นเพราะเรื่องของผู้หญิงหรอก..ชางกวนเจ้อก็สามารถซื้อคนด้วยเงินเพื่อสร้างฉากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในการฆ่าซูเฉียนโดยที่เขาไม่มีความเกี่ยวข้องได้..หลังจากที่นายลงจากรถไปนายต้องไปสืบสวนเบื้องหลังของชางกวนเจ้อและยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีมากเท่านั้น..ส่วนฉันจะไปที่เรือนจำเพื่อดูว่าฉันจะได้อะไรจากปากคู่กรณีที่ขับรถชนซูเฉียนได้บ้าง”
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“หานหลินนายเบื่อมั้ยที่คอยติดตามฉัน?..ฉันบอกให้นายทำหลายสิ่งหลายอย่างแต่ฉันไม่เคยถามเลยว่านายต้องการอะไรบ้าง..ฉันเป็นผู้นำที่แย่เกินไปหรือเปล่า?” เย่เชียนหันไปมองเย่หานหลินและถาม
“ไม่แน่นอน” เย่หานหลินพูดอย่างหนักแน่น “ฉันเลือกที่จะเดินตามบอสเพราะงั้นฉันก็ยินดีที่จะทำตามสิ่งที่บอสบอก..ไม่ว่าจะบุกน้ำหรือลุยไฟฉันก็จะไม่ลังเล..ฉันรู้ดีว่าตราบใดที่ฉันเดินตามบอสล่ะก็บอสจะไม่มีวันปล่อยให้ฉันต้องตกต่ำอย่างแน่นอน..ฉันค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้”
เย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ฉันจะไม่ปฏิบัติต่อพี่น้องของฉันอย่างเลวร้ายและโลกนี้ก็จะมีส่วนแบ่งสำหรับทุกคนในอนาคต..ฉันจะให้ช่วยให้นายบรรลุเป้าหมายที่นายต้องการและฉันจะเปลี่ยนชะตากรรมของตระกูลสาขาของตระกูลเย่ด้วย..ครอบครัวของนายจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับตระกูลหลักสายตรงและตราบใดที่พวกเขามีความสามารถพวกเขาก็จะสามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างเต็มที่และได้รับผลตอบแทนที่เท่าเทียมกันตามสิ่งที่พวกเขาทำ”
“ฉันเองก็เชื่ออย่างนั้น” เย่หานหลินพูด
“ช่วยหยุดที่สี่แยกข้างหน้าด้วยครับ” เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูด เขาถึงพอใจกับการแสดงออกของเย่หานหลินอย่างมาก อันที่จริงแล้วเย่เชียนไม่ได้สนใจความทะเยอทะยานของเย่หานหลินหรือจุดประสงค์ของเขาแต่สิ่งเดียวที่ต้องการคือความภักดีก็พอ
ในความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นคนเลวหรือคนดีทุกคนก็ล้วนมีมิตรสหายที่ซื่อสัตย์ เช่นเดียวกับจักรพรรดิเฉียนหลงในตอนนั้นเพราะรู้ทั้งรู้ว่าเหอเซินเป็นผู้ช่วยที่ทุจริตแต่เขาก็ยังเต็มใจที่จะปลูกฝังและสนับสนุน ซึ่งนั่นเป๋นเพราะความสามารถของเหอเซินที่โดดเด่นกว่าใครและตราบใดที่เขาไม่ละเมิดกฎเหล็กมันก็ไม่เป็นไร แน่นอนว่ามีเหตุผลที่สำคัญกว่านั้นเพราะนี่คือวิธีการควบคุมผู้คนโดยจักรพรรดิ เหตุผลที่เขาทำเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าผลประโยชน์เพราะตราบใดที่ทายาทของเขากำจัดเหอเซินได้หลังจากที่ขึ้นครองราชย์เขาก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของสุดยอดนั่นเอง
เย่เชียนกับเย่หานหลินนั้นไม่ได้รู้จักกันมาเป็นเวลานานและพวกเขาก็ยังห่างไกลจากความเป็นพี่น้องนัก สำหรับเย่เชียนแล้วเขาถือว่าเย่หานหลินเป็นมิตรสหายที่ดีเท่านั้นและเป็นมิตรสหายที่จะสามารถช่วยเหลือและทำผลประโยชน์ให้กับเขาในอนาคตได้อย่างแน่นอน เมื่อไหร่ที่เย่เชียนสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของตระกูลเย่ไปสู่สมัยใหม่ได้ล่ะก็เย่หานหลินไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของเขาเท่านั้นแต่ยังเป็นตัวแทนของตระกูลสาขาทั้งหมดในตระกูลเย่อีกด้วย
หลังจากส่งเย่หานหลินตรงสี่แยกแล้วเย่เชียนก็นั่งรถตรงไปที่เรือนจำ ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่เชื่อว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุทางรถยนต์ธรรมดาๆและถ้าหากมันเป็นเช่นนั้นจริงๆเย่เชียนก็ต้องรู้สึกได้ การตายของซูเฉียนนั้นทั้งสื่อและหนังสือพิมพ์ต่างก็พาดหัวข่าวกันอย่างดุเดือดและมีคนแอบโจมตีราคาหุ้นของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปด้วย ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าสิ่งต่างๆนี้ได้รับการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เมื่อไปถึงประตูทางเข้าเรือนจำคนขับแท๊กซี่ก็หยุดรถและหลังจากที่เย่เชียนจ่ายค่าโดยสารแล้วเขาก็เดินลงไปและมองขึ้นไปที่ประตูเรือนจำ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะนี่มันกรงขังและเมื่อใครเดินเข้ามานี้โดยปกติแล้วชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นก็จะพังไปทั้งชีวิต ซึ่งอะไรก็ตามที่อยากจะเปลี่ยนใจและประพฤติตนใหม่แท้จริงแล้วเป็นเพียงการหลอกตัวเองเพราะเมื่อออกจากเรือนจำไปจริงๆทุกคนต่างก็รังเกียจคนๆนั้นเสมอ
หลังจากลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วเย่เชียนก็เข้าไปข้างใน จากนั้นผู้คุมก็พาเย่เชียนไปที่ห้องผู้มาเยี่ยมและนั่งลง หลังจากนั้นไม่นานก็มีชายวัยกลางคนเดินออกมาในชุดนักโทษสีเทา สีหน้าของเขาดูเสื่อมโทรมเล็กน้อยและมีรอยแผลอยู่บ้าง
เมื่อเขาเห็นเย่เชียนชายวัยกลางคนก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดแต่เขาก็นั่งลงตรงข้ามกับเย่เชียนและมองไปที่เย่เชียนอย่างุนงงและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ผมคิดว่าคุณคงอยากรู้ว่าผมเป็นใครและมาทำอะไรใช่มั้ย?” เย่เชียนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมขอแนะนำตัวเองก่อน..ผมเย่เชียนเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่ง”
สีหน้าของชายวัยกลางคนนั้นดูตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและดวงตาของเขาก็ฉายแวววิตกกังวลอย่างมาก จากนั้นเขาก็พูดด้วยความหวาดกลัวว่า “มันเป็นแค่อุบัติเหตุจริงๆ..ฉันไม่รู้ว่าเขาออกมากลางถนนได้ยังไง..ฉันไม่มีเวลาเบรกก็เลยชนเขาเข้าเต็มๆเลย..ถึงยังไงกฎหมายก็ลงโทษฉันแล้วจะเอาอะไรอีก?”
เมื่อเห็นอาการประหม่าของชายวัยกลางคนเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบแล้ว..เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุทางรถยนต์ธรรมดาๆ..มันเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น..เรื่องต่างๆมันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดใช่มั้ยล่ะ?”
“ฉันพูดจริงฉันไม่ได้ตั้งใจ..ฉันติดคุกแล้วจะเอาอะไรจากฉันอีก!” ชายวัยกลางคนเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้น
“คุณจงใจหรือเปล่ามันก็มีแค่ตัวคุณเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด” เย่เชียนพูด “คุณต้องลำบากแน่ในคุก..ผมขอเตือนเลยว่าผมมีลูกน้องอยู่ในคุกเพียบ..ตราบใดที่ผมสั่งคนเหล่านั้นผมกล้าพูดได้เลยว่าคุณจะสามารถเพลิดเพลินกับบริการนวดระดับห้าดาวได้ทุกวัน และนักโทษเหล่านั้นจะทรมานคุณทุกวันด้วย!”
ชายวัยกลางคนถึงกับตัวสั่นเทาและตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “แกต้องการอะไร..แกต้องการอะไรกันแน่..ฉันถูกขังอยู่ในคุกมันยังไม่พออีกเหรอ..ทำไมแกถึงต้องการทรมานฉัน?..ฉันได้ชดใช้ในสิ่งที่ฉันสมควรชดใช้ไปแล้ว..หึ..ฉันรู้ว่าแกต้องการอะไร..ต่อให้แกจะข่มขู่ฉันขนาดไหนฉันก็จะไม่ยอมพูด
“เงียบๆซะแล้วก็นั่งลง!” ผู้คุมเรือนจำข้างๆตะโกนเสียงดัง
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “วันนี้ผมแค่อยากรู้แค่อย่างเดียวว่าใครเป็นคนสั่งให้คุณทำแบบนี้?”
“ฉันไม่บอก..ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” ชายวัยกลางคนก็ยังคงส่ายหัวและนัยน์ตาก็พร่ามัวเล็กน้อย จิตใจดูไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ถึงกับสั่นสะท้านเพราะนี่มันเป็นสัญญาณของชีวิตที่พังทลายในคุกอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากในคุกอย่างมากจริงๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของชายวัยกลางคนแล้วผู้คุมเรือนจำก็รีบวิ่งเข้าไปหยุดยั้งความบ้าคลั่งของชายวัยกลางคนและเหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ผมต้องขอโทษด้วย..ทักโทษรายนี้ไม่สามารถให้เข้าเยี่ยมได้อีกแล้ว” เมื่อพูดจบผู้คุมเรือนจำก็พาชายวัยกลางคนออกไปทันที