ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 834 เล่ห์เสน่หา
ตอนที่ 834 เล่ห์เสน่หา
หลังจากวางสายของหลี่เหว่ยแล้วเย่เชียนก็นึกถึงเรื่องนี้และโทรหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพราะชายชราคนนี้อยู่ที่เมืองปักกิ่งมานานหลายปีแล้วดังนั้นเขาก็ต้องรู้สถานการณ์ในปักกิ่งดีกว่าใครๆ ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงคิดว่าการถามข้อมูลต่างๆจากเขาน่าจะเป็นวิธีที่ดี
การโจมตีเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในครั้งนี้จะต้องดำเนินการโดยกองกำลังขนาดใหญ่เพราะองค์กรขนาดเล็กจะไม่สามารถทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ได้เลยและถึงแม้ว่าจะทำได้แต่มันก็ทำได้แค่แสวงหาผลประโยชน์บางอย่างจากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแต่จะไม่สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตและผลกระทบที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้
“ปู่ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะถามน่ะ” เย่เชียนเปิดหัวข้อหลักทันทีที่มีการเชื่อมต่อสายสนทนา เมื่อคุยกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแต่อย่างใดและตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องความมั่นคงของชาติหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
“พูดมา..ฉันรู้อยู่แล้วว่าในเมื่อเอ็งมาที่ปักกิ่งมันจะต้องมีเรื่องวุ่นวายอย่างแน่นอนและฉันจะไม่สามารถมีชีวิตที่ดีได้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “แต่ก่อนอื่นฉันจะขอพูดให้ชัดเจนก่อนว่าอย่าคาดหวังให้ฉันทำอะไรเพื่อเอ็งเป็นอันขาด..นี่คือเมืองหลวงปักกิ่งและความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังและองค์กรต่างๆนั้นมันซับซ้อนและฉันก็อยากจะอยู่เงียบๆอีกสักสองสามปีเพื่อรอเกษียณและรับเงินบำนาญเพราะงั้นเอ็งอย่าทำร้ายฉัน”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ่งที่ปู่พูดสิผมจะไปทำร้ายปู่ทำไม..นอกจากนี้ชื่อเสียงของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็โด่งดังมากในประเทศจีนเพราะงั้นใครจะกล้าทำอะไรปู่..น้องชายของปู่เองก็เป็นถึงเสนาธิการกองทัพของเขตทหารหนานจิง..ด้วยภูมิหลังทางครอบครัวแบบใครจะกล้ามาท้าทายกัน?” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ผมจะไม่พูดถึงเรื่องไร้สาระมากไปกว่านี้เพราะงั้นเราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า..ผมต้องการเอกสารและแผนผังความสัมพันธ์ของกองกำลังหลักๆในปักกิ่งได้มั้ย?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็สั่นไปทั้งตัวและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “นายต้องการทำอะไร..ฉันเตือนเอ็งแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำอะไรโง่ๆ..ไม่งั้นก็อย่ามาโทษฉันที่หยาบคายกับเอ็งก็แล้วกัน..ฉันไม่สนใจว่าเอ็งจะทำอะไรอยู่ที่ไหนหรือยังไงแต่ที่นี่คือเมืองหลวงปักกิ่งเพราะงั้นอย่าให้ฉันต้องลำบากไปมากกว่านี้เลย”
“ปู่กำลังพูดถึงอะไร..ผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ..ตอนนี้ปู่ก็รู้ดีว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้ขยายสาขามาที่ปักกิ่งแล้วเพราะงั้นผมจะถอยไม่ได้..ผมก็แค่อยากรู้เรื่องอำนาจในปักกิ่งผมจะได้รู้ขอบเขตเพราะตอนนี้ผมไม่เข้าใจอะไรเลยและถ้าผมเผลอไปเหยียบหางคนอื่นมันก็คงไม่ดีจริงไหม?” เย่เชียนพูด “ไม่ต้องกังวลไปผมรับขอรับปากเลยว่าตราบใดที่คนอื่นไม่ยั่วยุผมก็จะไม่ไปท้าทายเขา..ปู่ตกลงมั้ย?”
“จำคำพูดของเอ็งไว้และอย่าสร้างปัญหาให้ฉันทีหลังก็แล้วกัน..ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะไม่สามารถช่วยอะไรเอ็งได้เลย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ปักกิ่งไม่เหมือนที่อื่น..ถ้าเกิดเบื้องบนโกรธเมื่อไหร่มันจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย”
“เอาหน่าผมรู้ว่าผมไม่ได้สนิทกับปู่โดยเปล่าประโยชน์และผมก็ยินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยให้ปู่กับฮัวหยาซินได้เข้าใจกัน…แล้วยังไงล่ะปู่ตัดสินใจว่าจะไปหาเธอเจอเมื่อไหร่..อย่าลืมเตรียมยาชูกำลังไปด้วยนะ..อย่าพลาดโกกาศและอย่าทำอะไรที่มันเสียหน้าล่ะ” เย่เชียนพูด
“ให้ตายเถอะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดและวางสายไปอย่างรวดเร็วจนเย่เชียนถึงกับตกใจและเขาก็อดไม่ได้ที่จะขดปาก
ในที่สุดเย่เชียนก็โล่งใจที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเหมือนจะมีปฏิกิริยาบางอย่างและเมื่อเย่เชียนตรวจสอบเวลาบนนาฬิกาข้อมือก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วและเป็นเวลาที่บริษัทจะเลิกงานแล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงกลับไปที่บริษัท
เมื่อผ่านร้านดอกไม้เย่เชียนก็ซื้อช่อกุหลาบแดงช่อหนึ่งและเขามาถึงชั้นล่างของบริษัทเย่เชียนก็ไม่ขึ้นไปที่ชั้นบนแต่กลับรออยู่ที่ชั้นล่างและมองดูพนักงานเดินออกจากบริษัทไปทีละคนและแต่ละคนต่างก็มีคนขับรถมารับ ซึ่งดูเหมือนว่าสวัสดิการพนักงานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะยอดเยี่ยมไม่ใช่น้อยเลย
ก่อนหน้านี้เมื่อเย่เชียนออกไปจากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปไปที่เรือนจำนั้นชางกวนเจ้อก็ไปหาซือจื้ออย่างรวดเร็วเพราะตอนแรกเย่เชียนสั่งให้ซือจื้อไปที่สำนักงานในตอนนั้นหัวใจของชางกวนเจ้อก็มีแต่ความกังวล แต่สำหรับเขาแล้วสถานะของเขาในบริษัทก็ถือได้ว่าค่อนข้างดีอยู่เสมอดังนั้นการสืบทอดตำแหน่งของเย่เชียนในฐานะผู้จัดการสาขาในอนาคตก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่และไม่น่าจะเป็นปัญหาใดๆ ซึ่งอันดับแรกเขาต้องเข้าใจการดำเนินงานของบริษัทและธุรกิจของบริษัทเสียก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาอยู่ในห้องประชุมก่อนหน้านี้ชางกวนเจ้อก็สังเกตว่าสายตาของเย่เชียนที่มองมาที่ซือจื้อนั้นไม่ได้ประสงค์ดีแต่อย่างใดเขาจึงอึดอัดอย่างมาก แต่สำหรับเขาแล้วเย่เชียนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยเพราะในความเห็นของเขาถ้าเย่เชียนกล้าขวางทางเขาเย่เชียนก็จะลงเอยเหมือนผู้จัดการซูเฉียน
“เป็นยังไงบ้าง?” ชางกวนเจ้อรีบดึงซือจื้อไปที่โซฟาและนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความรักใคร่มาก “เกิดอะไรขึ้น?..เมื่อกี้เย่เชียนสั่งให้คุณไปหาเขา..ว่าแต่เขาสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการเงินของบริษัทบ้างหรือเปล่า?”
ซือจื้อก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่..เขาแค่พูดสิ่งที่อธิบายไม่ได้หลายอย่างกับฉันและไม่ได้ถามคำถามเกี่ยวกับการเงินของบริษัทเลย”
ชางกวนเจ้อมึนงงเล็กน้อยและพูดด้วยความมึนงงว่า “แล้วเขาเรียกคุณไปทำไม..หรือว่าคุณกับเขาบรรลุข้อตกลงบางอย่างด้วยกัน?”
“ชางกวนเจ้อคุณไม่คิดว่าที่ตัวเองพูดแบบนี้มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ..ในช่วงสองปีที่ผ่านมาคุณไม่รู้หรอกว่าฉันต้องทำอะไรสกปรกเพราะคุณมาตั้งกี่ครั้งแล้ว..ทำไมฉันถึงทำอย่างนั้นล่ะนั่นเพราะฉันรักคุณแล้วคุณมาสงสัยอะไรฉัน?” ซือจื้อพูดอย่างโกรธเคือง
ชางกวนเจ้อก็ยิ้มอย่างขุ่นเคืองและรีบพูดว่า “ไม่..ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น..ผมจะไปสงสัยคุณได้ยังไง..คุณคือคนรักของผมเพราะงั้นผมก็แค่อยากรู้ว่าเขาเรียกให้คุณไปที่นั่นมันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง”
“เขาแค่ถามฉันว่าฉันมีแฟนหรือเปล่า และยกย่องฉันที่สวย”
“เหรอ?” ชางกวนเจ้อไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่!..ฉันจะโกหกไปทำไมล่ะ” ซือจื้อพูด
“หึดูเหมือนว่าเย่เชียนจะถูกหลอกได้ง่ายๆเหมือนกับซูเฉียนที่หลงในเสน่ห์ของคุณ” ชางกวนเจ้อก็ถอนหายใจอย่างโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ผมเห็นเย่เชียนมองไปที่คุณด้วยสายตาที่น่ารังเกียจเหมือนซูเฉียนเลย..เหมือนว่าเขาจะคิดบางอย่างกับคุณ”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป..ไหนคุณบอกว่าถ้าซูเฉียนตายไปคุณจะเข้าไปแทนที่ตำแหน่งผู้จัดการสาขาอย่างแน่นอนไงล่ะ?..ทำไมจู่ๆเย่เชียนถึงโผล่มาแบบนี้..มันเกิดอะไรขึ้น?” ซือจื้อพูด
“ผมได้ตรวจสอบแล้วว่าซ่งหลันประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปกำลังพัฒนาตลาดหุ้นและธุรกิจอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นและไม่มีเวลามาจัดการสิ่งต่างๆที่นี่..ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถจัดหาบุคลากรได้..บริษัทขาดความสามารถในการบริหารจัดการภายในองค์กรเพราะงั้นผมจึงคิดว่าเมื่อซูเฉียนตานไปเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขานี้ก็จะเผชิญกับแรงกดดันในปัจจุบันและผู้บริหารระดับสูงก็จะไม่มีเวลามาจัดการสิ่งต่างๆจากนั้นก็รีบหาผู้จัดการสาขาคนใหม่มาดูแลและตำแหน่งนั้นมันก็ต้องเป็นผมแต่ใครจะรู้ว่าเย่เชียนจะโผล่มาขัดขวางแผนการของผม” ชางกวนเจ้อพูด
“แล้วเราจะจัดการเขามั้ย?” ขณะที่พูดซือจื้อก็ทำท่าเอามือปาดที่คอของเธอและความหมายก็ชัดเจนเห็นได้ชัดว่าเธอต้องการฆ่าเย่เชียน
ชางกวนเจ้อก็ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ตอนนี้เราอย่าเพิ่งทำตัวเป็นเผด็จการเลยเพราะระหว่างการประชุมเมื่อกี้ผมสังเกตเย่เชียนอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาไม่ใช่นักบริหารจัดการเลย..นอกจากนี้เราก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยในตอนนี้..เพราะงั้นอย่าเพิ่งทำอะไรรีบร้อนจะดีกว่า..ผมจะตรวจสอบรายละเอียดของเขาก่อนแล้วค่อยหาวิธีการรับมือก็แล้วกัน”
ซือจื้อก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “แล้วฉันล่ะ..ถ้าเย่เชียนมายุ่งวุ่นวายกับฉันในอนาคตฉันควรจะทำยังไง”
“อย่าไปสนใจเขาเลย..ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้จัดการสาขาแต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์สั่งให้ลูกน้องไปนอนกับเขาอยู่ดี..นอกจากนี้ข่มขู่บับคืบหรือขืนใจคุณล่ะก็ผมจะไปรายงานที่สำนักงานใหญ่ในทันทีและหลังจากนั้นเขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งและไม่มีใครแย่งคุณไปจากผมได้อีก” ชางกวนเจ้อพูดอย่างมีชัย
“ฉันเกลียดเขา..คุณยังต้องการใช้ฉันเข้าใกล้เขาเหมือนที่ทำกับซูเฉียนอีกเหรอ?” ซือจื้อมองไปที่ชางกวนเจ้อแล้วพูดว่า ท่าทางที่มีเสน่ห์นั้นชัดเจนมากจนทำให้เห็นได้ชัด ซึ่งมันเป็นพลังแห่งการยั่วยวนที่ผู้ชายไม่สามารถต้านทานได้เลย
“มันเป็นวิธีการน่ะ..นอกจากนี้ผมก็ล้างแค้นให้คุณโดยการส่งซูเฉียนไปลงนรกแล้วไม่ใช่เหรอ” ชางกวนเก้ออย่างมีชัย
“คนขับจะบอกความจริงอะไรกับตำรวจมั้ย?..ถ้าเขาพูดเราจะมีส่วนร่วมในการฆ่าตกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ซือจื้ออดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อเธอพูดถึงเหตุการณ์นี้
“คุณอย่าไปกังวลกับอะไรที่ไม่จำเป็นสิ..เขาคือใครเขาเป็นอะไร?..เขามันก็เป็นแค่คนขับรถธรรมดาๆที่อยู่ก้นบึ้งของสังคม..พวกมันเป็นได้แค่เบี้ยและตัวหมากของเรา..เราจะหลอกใช้พวกมันยังไงก็ได้ตามใจชอบ..อย่าพูดถึงมันเลยเพราะถึงแม้ว่าเขาจะพูดอะไรแต่ใครจะไปเชื่อในสิ่งที่เขาพูดกัน?” ชางกวนเจ้อพูดอย่างมีชัย “คุณรู้ไหมว่าคนอย่างพวกนั้นต้องการอะไรมากที่สุด..มันคือเงินเพราะเงินเท่านั้นที่จะสามารถทำให้คนเหล่านั้นเอาชีวิตรอดในเมืองหลวงปักกิ่งแห่งนี้..คนที่มาเมืองปักกิ่งก็แค่ต้องการมีบ้านและชีวิตที่ดีเพราะงั้นเราได้ให้สิ่งเหล่านั้นแก่เขาไปแล้วเพราะงั้นเขาก็ต้องยอมรับมันอยู่ดี”
“คุณรู้มั้ยว่าฉันชอบอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับตัวคุณ” ซือจื้อยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูดว่า “สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดคือการแสดงออกที่ดูหยิ่งผยองและเสแสร้งของคุณ..มันดูมีเสน่ห์มาก!”