ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 838 การต่อสู้ของวัยรุ่นหนุ่มสาว (2)
ตอนที่ 838 การต่อสู้ของวัยรุ่นหนุ่มสาว (2)
เมื่อตอนที่เขายังเด็กเย่เชียนนั้นก็มีนิสัยที่สุดโต่งเช่นนี้ ซึ่งเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวหลายคนที่นี่ก็อายุเยอะกว่าเขาเมื่อก่อนมาก ดังนั้นเมื่อเห็นการกระทำของวัยรุ่นเหล่านี้แล้วเย่เชียนก็ดูเหมือนจะเห็นอดีตของเขา ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงสนใจในการกระทำดังกล่าวและเขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย
เด็กหนุ่มคนตัวเล็กอายุเพียงสิบเอ็ดหรือสิบสองปีเท่านั้นและเขาไม่มีโอกาสชนะคู่ต่อสู้เลย ในตอนนี้เด็กหนุ่มที่มีสุขภาพร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงมองดูเด็กหนุ่มตัวเล็กวิ่งเข้ามาหาเขาและยิ้มอย่างดูถูกจากนั้นก็ตอบโต้ด้วยหมัดโดยไม่ลังเลเลยและดูเหมือนว่าเขาต้องการจะฆ่าเด็กหนุ่มตัวเล็กจริงๆ
ฉากต่อไปทำให้ทุกคนประหลาดใจเพราะเด็กหนุ่มก็กระเด็นออกไปราวกับว่าเขาถูกกระแทกด้วยแรงปะทะอันมหาศาลจนกระเด็นออกไปไกลกว่าสามเมตรแล้วชนเข้ากับโต๊ะและเก้าอี้และหมดสติไปในทันที ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หลังจากผ่านไปสักพักพวกเขาก็สังเกตเห็นชายหนุ่มผู้แต่งตัวสบายๆอยู่ตรงหน้าพวกเขา
เย่เชียนไม่สนใจคนอื่นๆและหันไปมองเด็กหนุ่มตัวเล็กแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กล้าหาญดี”
เด็กหนุ่มก็หันไปชำเลืองมองเย่เชียนและดูเหมือนว่าเขากำลังคุยกับตนอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ผมไม่กลัวขยะพวกนี้หรอก”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเงยหน้าขึ้นแล้วกวาดสายตามองออกไปรอบๆและพบว่าเหล่าวัยรุ่นกำลังตกใจกับการเตะอันรุนแรงก่อนหน้านี้ของเขาและเหล่าวัยรุ่นก็ตะโกนและสาปแช่งเขา
“นี่พี่ชายเข้ามายุ่งวุ่นวายทำไม..อยากหาเรื่องเหรอ” เด็กหนุ่มสำเนียงบ้านนอกพูด
“ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเอ็งจะต่อยตีกันแต่พวกเอ็งมาทำลายบรรยากาศและความสุขของฉัน” เย่เชียนพูดเบาๆ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็เหลือบมองพวกเขาทีละคนและพูดว่า “ฉันเกลียดพวกที่มารบกวนฉันเมื่อฉันกำลังมีความสุขมากที่สุด..ฉันขอเตือนพวกเอ็งเอาไว้ก่อนนะว่าถ้าพวกเอ็งทำให้ฉันอารมณ์เสียล่ะก็ผลที่ตามมานั้นมันจะร้ายแรงมาก”
“อยากตายนักเหรอ” เด็กหนุ่มตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“อย่าทะเลาะกัน..เดี๋ยวจะแจ้งตำรวจ!” สุดท้ายคนในผับบาร์ก็อดกลั้นขำไม่ได้และประโยคนี้ก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที กลุ่มวัยรุ่นที่มากับเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินประโยคนั้นพวกเขาต่างก็ถอยกลับไปอย่างขี้ขลาด เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็หมดความสนใจที่จะทำอะไรและเยาะเย้ยวัยรุ่นเหล่านั้น
แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกขัดใจอย่างมากและอยากจะตบคนที่พูดให้ตายด้วยก้อนอิฐเพราะในตอนนี้เขาได้เห็นพลังของเย่เชียนด้วยตาของตัวเองแล้ว ซึ่งมันทรงพลังอย่างยิ่งถ้าหากเย่เชียนเคลื่อนไหวล่ะก็วัยรุ่นเหล่านี้จะต้องร้องไห้อย่างแน่นอน
เดิมทีผับบาร์นี้เป็นแหล่งรวมของเหล่านักเลงอันธพาลเพราะถ้าหากมีแอลกอฮอล์มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะทะเลาะบาดหมางกันเป็นครั้งคราวอยู่แล้ว โดยธรรมชาติแล้วมันเป็นเรื่องปกติมากที่จะได้เห็นฉากรุนแรงและนองเลือดและยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นเมืองหลวงและมักจะมีผู้พลัดถิ่นประจำจึงทำให้ขัดแย้งกับเหล่าเจ้าถิ่นอยู่เสมอ
นอกจากนี้เย่เชียนยังสัญญากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเอาไว้แล้วด้วยว่าเขาจะพยายามไม่สร้างปัญหาในเมืองปักกิ่ง ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่กลั่นแกล้งเด็กหนุ่มในตอนนี้เย่เชียนก็คงจะไม่ทำอะไรแต่ถ้าเขาทนไม่ไหวจริงๆเขาก็คงไม่ทำแบบนี้เป็นแน่
กฎหมายและระเบียบในเมืองปักกิ่งแห่งนี้ยังคงเป็นกฎหมายที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีนและไม่จะด้วยความวุ่นวายมากน้อยแค่ไหนแต่หลังจากได้รับโทรศัพท์แจ้งความแล้วเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาอย่างรวดเร็ว เมื่อตำรวจมาผู้คนที่ผับบาร์ต่างก็เงียบแต่วัยรุ่นหนุ่มสาวก็ยังคงหยิ่งผยองเพราะพวกเขาคิดว่าครอบครัวของตนมีอภิสิทธิ์มากมายในโลกนี้และสามารถเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของตำรวจได้ ซึ่งพวกเขาต่างก็คิดว่าจะตามหาตัวคนที่แจ้งความและสั่งสอนบทเรียนให้คนเหล่านั้น
ครอบครัวของวัยรุ่นหนุ่มสาวเหล่านี้ก็พอจะมีอิทธิพลอยู่บ้างและถึงแม้ว่าจะไม่ได้มากถึงขนาดทำทุกอย่างได้ก็ตามแต่บางครอบครัวก็หยั่งรากอยู่ที่เมืองนี้มานานทั้งในแวดวงธุรกิจและทางการรัซบาล ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆโดยคนเหล่านั้นจะไม่ใช่คนที่สวมเสื้อผ้าราคาถูกๆอย่างเย่เชียน ดังนั้นในสายตาของพวกเขาแล้วการฆ่าคนอย่างเย่เชียนนั้นง่ายเหมือนการฆ่ามดอย่างไงอย่างงั้น
“พี่ชายไม่ต้องกังวลไปเพราะสถานีตำรวจก็เหมือนสวนหลังบ้านของผม..ผมจะทำอะไรก็ได้ที่ผมต้องการ” เด็กหนุ่มตัวเล็กหันไปมองเย่เชียนและพูดด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและไม่พูดอะไร
“ไอ้พวกขยะ..เข้ามาสิวะ!” เด็กหนุ่มตัวเล็กมองดูกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ตรงข้ามเขาอย่างเย่อหยิ่งแล้วพูด
แต่ทว่าในเวลานี้ตำรวจก็ใส่กุญแจมือเย่เชียนโดยตรงและการจัดการสถานการณ์ดังกล่าวก็ค่อนข้างง่ายดายและทั้งสองฝ่ายก็ถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจไป ไม่ว่าการทะเลาะวิวาทจะมากจะน้อยเพียงใดและครอบครัวใครจะทรงอิทธิพลมากแค่ไหนแต่มันก็เป็นเพียงวิธีการเบื้องหน้าเท่านั้นเพราะไม่ว่ายังไงเหล่าตำรวจก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งคงไม่มีตำรวจคนไหนจะโง่พอในการเข้าข้างและช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเปิดเผยก่อนเว้นแต่เขาจะไม่มีสมองเท่านั้น
ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะทำตัวเหมือนน้องชายของเยถ่เชียนเพราะเขาเอาแค่เดินตามหลังของเย่เชียนอย่างใกล้ชิดโดยไม่สนใจกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นความจริงที่ว่าในเมืองปักกิ่งแห่งนี้เต็มไปด้วยลูกหลานผู้มีอิทธิพล ดังนั้นบางทีคนเหล่านั้นอาจจะเป็นลูกหลานของคนใหญ่คนโตก็เป็นได้ด้วยเหตุผลนี้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกล้าทำอะไรโดยประมาทจริงๆ
ตำรวจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อและมอบมันให้ ซึ่งไม่ได้โง่เพราะเขารู้ว่าปัญหาต่างๆและการแข่งขันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเพราะหลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะใช้อิทธิพลของครอบครัวที่อบู่เบื้องหลังและใครที่แข็งแกร่งกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ
เด็กน้อยรับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกดหมายเลขเบอร์โทรศัพท์อย่างรวดเร็วจากนั้นก็บีบน้ำตาให้ไหลออกมาแล้วพูดว่า “คุณปู่ครับ..ตำรวจกลุ่มหนึ่งจับกุมผมแล้วพวกเขาก็บอกว่าจะจับผมเข้าคุกด้วย”
“บัดซบ!..ใครจะกล้าแตะต้องหลานชายของฉันกัน!” เสียงตะโกนดังลั่นจากโทรศัพท์จนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านข้างก็ได้ยินอย่างชัดเจนและอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความตกใจ “ไม่ต้องกลัว..เดี๋ยวปู่จะไปหาทันที..ไม่เป็นไร”
หลังจากวางสายแล้วเด็กหนุ่มก็ยิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “พี่ชาย..พี่ชายเป็นผู้ปกป้องเหล่ามังกรใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อย ผู้ปกป้องมังกร? นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เชียนได้ยินคำนี้และเย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วไม่ได้พูดอะไรใดๆ
“พี่ชาย..กระบวนท่าที่คุณเพิ่งใช้นั้นเท่มาก..ตอนไอ้ขยะนั้นกระเด็นออกไปผมมองแทบไม่ทัน..เป็นแค่พวกลูกหลานหอการค้าเหวินโจวแต่ยังกล้าที่จะหยิ่งผยองอยู่ในเมืองหลวงแบบนี้ ” เด็กหนุ่มส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถ้าผมมีพี่ชายอยู่ข้างๆใครจะกล้ายุ่งกับผมในอนาคต”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าหนุ่มคนนี้ค่อนข้างน่าตื่นเต้น จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ต่อให้คนรอบข้างจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันก็เท่านั้น..ถ้าเอ็งอยากจะอยู่ยงคงกระพันเอ็งก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวเอง”
เด็กหนุ่มถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและพยักหน้าแล้วพูดว่า “พี่ชาย..ผมชื่อหม่าห่าวยู่..ในอนาคตพี่จะเป็นพี่ชายของผมและผมจะเป็นน้องชายของพี่เอง..หากพี่ชายมีปัญหาอะไรในเมืองปักกิ่งคราวหน้าก็มาบอกผมได้..ผมสัญญาว่าจะช่วยพี่ชายเอง”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้างั้นฉันก็ขอบคุณล่วงหน้า”
“ไม่เป็นไรๆ..ต่อจากนี้ไปพี่จะเป็นพี่ชายของผมเพราะงั้นไม่ต้องขอบคุณกันหรอก” เด็กหนุ่มพูดอย่างมีมารยาท
ในห้องสอบสวนของสถานีตำรวจเย่เชียนเพียงบอกแค่ชื่อของเขาโดยบอกว่าเขาเห็นความไม่ถูกต้องในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังนั้นเขาจึงเข้าไปแทรกแซงเพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น ห้องสอบสวนนี้เป็นห้องเล็กๆที่มีรั้วกั้นที่ประตูและหน้าต่างเท่านั้น
ขนาด CIA ของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่มีใครสามารถเค้นข้อมูลออกจากปากของเย่เชียนได้เลยดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้จะไปทำได้อย่างไร
ในตอนนี้เย่เชียนก็มองไปรอบๆห้องเล็กๆแล้วพบว่ามันมีเตียงมีโต๊ะและเก้าอี้ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ จากนั้นก็ขยับแขนสองสามครั้งเพราะเขาขี้เกียจเกินไปที่จะถอดรองเท้าออกดังนั้นเขาจึงเอนตัวลงนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน
เดิมทีเย่เชียนต้องการโทรหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแต่หลังจากครุ่นคิดไปซักพักเย่เชียนก็ล้มเลิกความคิดเพราะถ้าหากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ล่ะก็หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะต้องบ่นจู้จี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เย่เชียนก็รู้ดีว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นหวังดีต่อเขาแต่นี่เป็นวิธีที่เย่เชียนเลือกที่จะทำ
นอกจากนี้เย่เชียนยังได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มที่ชื่อหม่าห่าวยู่พูดเมื่ออยู่ในรถตำรวจก่อนหน้านี้ ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องการดูว่าครอบครัวของเด็กหนุ่มตัวเล็กๆคนนี้จะมีอิทธิพลมากแค่ไหน
เมื่อพูดถึงโจโฉเมื่อไหร่โจโฉก็มักจะปรากฏตัวเสมอเหมือนในตอนนี้ที่เย่เชียนล้มเลิกความคิดที่จะโทรมาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกลับโทรมาหาเย่เชียนแทน “ทุกสิ่งที่เอ็งต้องการได้รับการจัดแจงแล้วเดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลต่อไปยังโทรศัพท์มือถือของเอ็ง..แต่จำเอาไว้ให้ดีว่าอย่าสร้างปัญหาให้ฉันไม่งั้นฉันจะไม่สามารถช่วยอะไรเอ็งได้อีก” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและพูดว่า “ไม่หรอกหน่า..เอาเถอะรีบส่งข้อมูลมาให้ผมสิ..ผมกำลังกังวลอยู่พอดีว่าคืนนี้จะทำอะไรดี..ที่นี่มันน่าเบื่อจริงๆ”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ตกตะลึงครู่หนึ่งและถามด้วยความประหลาดใจว่า “เอ็งอยู่ที่ไหน?”
“ห้องฝากขังที่สถานีตำรวจ” เย่เชียนตอบ
“อะไรนะ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงกับผงะแล้วพูดว่า “นี่เอ็งกำลังทำอะไรอยู่?..ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าสร้างปัญหาน่ะ..ว่าแต่คราวนี้เอ็งไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจอีก?”
“ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากนัก..เขาเป็นลูกหลานของพวกหอการค้าเหวินโจวน่ะ” เย่เชียนพูด “ไม่ใช่ว่าผมต้องการสร้างปัญหาเพราะผมแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง”
หวงฟู่ชิงเตีฏ๋ยน็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร..คราวนี้เอ็งโชคดีเพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปเดี๋ยวฉันจะโทรไปจัดการให้เอง..นี่ฉันไม่รู้จริงๆว่าชาติที่แล้วฉันไปทำกรรมอะไรกับเอ็งเอาไว้ทำไมฉันถึงได้กลายเป็นวัวเป็นม้าให้กับเอ็งในชาตินี้”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นพรหมลิขิตไม่อย่างนั้นชีวิตนี้พวกเราจะเจอกันได้ยังไง..เอาเถอะเดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเอง..ว่าแต่ปู่ไม่ทำงานเหรอ?”